
ตั๋วฟรีอีกแล้ว ฟรีจากไหนบ่อยจัง ใบนี้ได้มาจากการดูหนังแบบถี่จัดในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมันจะ expired ในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว ( ก็เดือนนี้แหละ ) ก็เลยต้องรีบมาใช้ ซะให้หมดๆ ก่อนที่เดือนหน้าจะต้องไปใช้โปรโมชั่น บิโอเร ที่โรงในเครือ SF เป็นอันดับต่อไป เฮ
เลือกดูที่ เมเจอร์ บางกะปิ แล้วก็เลือกเรื่องนี้ เพราะว่าต้อง ดูในสัปดาห์ที่สอง ตามเงือนไขของ โปรโมชั่นตั๋วฟรี เรามาซื้อตั๋วเอาตอนที่เลยเวลาเข้าโรงไปแล้ว 15 นาที ก้ไม่เป็ฯไร เพราะโรงหนังเครือนี้ เค้าโฆษณา 25 นาทีโดยประมาณ ก็เลยเฉยๆ เผลอๆ จะลงไป shopping ซื้อข้าวโพดคั่วที่ tesco ข้างล่างเหมือนเคยอีกต่างหาก 555
ม่เอาดีกว่า นั่งดูโปรเจคเตอร์ที่โฆษณาหนังหน้าโรงก่อนดีกว่า มี อินเดียน่า โจนส์ด้วย อยากดู อยากดู เข้าอาทิตย์หน้าแล้ว ( 22 05 08 ) โหยรอมาเกือบ 20 ปี นึกถึงตอนนี้แล้ว ภาพอดีตสมัยที่เรายังเด็กๆ ไปดูหนังกับที่บ้าน มีพ่อ มีแม่ มี เรา กับน้องๆ ก็พรั่งพรูเข้ามาในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ มีความสุขมากๆ มองไปที่นาฬิกา โอเค ถึงเวลาเข้าโรงแล้ว
โฆษณา เอไอเอส พอดี แสดงว่า ใกล้ร้องเพลงสรรเสริญแล้ว ดีเลย ไม่ต้องรอนาน คนในโรงเยอะแฮะ นับได้ 50-60 คนเห็นจะได้ นี่ขนาด week สอง แล้วนะเนี่ย แถมคนรอบนี้ ก็น่ารักด้วย เพลงสรรเสริญจบอย่างสมบูรณ์ ถึงค่อยนั่งเป็นส่วนใหญ่ จะมีนั่งก่อนก็แค่ คนสองคน อารมณืเราเลยไม่ค่อยเสียแล้ว ทำใจ
เป็นหนังตลก ที่ทำให้เราตลก ขำๆ ได้แทบ ตลอดเรื่อง

ไม่ได้หัวเราะก๊าก แบบ มิสเตอร์บีนนะ แต่ขำยิ้มๆอ่ะ น่ารักดี เราชอบ คาเมรอน ดิแอซ อยู่แล้ว เราว่า เธอ น่ารักดี (หุ่นดีอีกต่างหาก )แต่เรื่องนี้ ก็ทำให้เราเห็นสัจจธรรมของชีวิตนะ ก็เรื่องนี้ เธอดู สูงวัย ขึ้นเยอะเลย (ไม่อยากใช้คำว่าแก่ มันโหดร้ายเกินไป ) เนื้อเรื่องก็แปลกนิดๆ ปนเหลือเชื่อหน่อยๆ อ่านเอาจากข้างล่างก็แล้วกัน
ชอบฉากกินข้าวโพดคั่ว ที่พระเอกเอามือเกาเป้าแล้วเอามือนั้นล้วงไปหยิบข้าวโพดคั่วในมือนางเอก ตลกสุดๆ นึกแล้วยังขำ คนคิดมุข คิดได้ไง โคตรอุบาทว์ แต่เราจะจำเอาไปใช้กับแฟนเรามั่ง 5555 ( ไว้แฟนเรากลับมาจาก อเมริกา เมื่อไหร่ ต้องใช้มุขนี้ รับรอง กรี๊ดสลบ )
มานั่งเอาแบบจริงๆจังๆ เราก็จำอะไรแทบไม่ได้นะ ทั้งๆที่เพิ่งดูจบ

แต่เป็นความเพลิดเพลินมากกว่า หนังเรื่องนี้ก็โอเคสำหรับเรานะ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังตลก ก็มาหัวเราะอยู่แล้ว หนังแนว Romantic Comedy ก็คงหัวเราะได้แค่นี้ มากกว่านี้ คงต้องไปดู หม่ำแทนแล้วล่ะ
สรุป เราไม่มีอะไรพูดมากนอกจากบอกว่าตลกดี ดูเพลิน ไม่ซีเรียสเลย ถ้าให้ดูอีก ก็อาจจะดู (แต่ต้องทิ้งช่วงไปซักเดือนนะ ) อื่นๆก็ธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื้อเรื่องก็โอเคนะ แต่ก็เป็นแนวน้ำเน่าแบบฝรั่งๆอ่ะ พอรับได้ สรุปแล้วเราให้ 6.5 / 10
แจ๊ค ฟูลเลอร์ (แอชตั้น คุทเชอร์) หนุ่มเจ้าเสน่ห์นักปาร์ตี้ตัวยง กับ จอย แม็คแนลลี (แคเมร่อน ดิแอซ ) สาวนักค้าเจ้าขนบยึดประเพณีปฏิบัตินี่ต่างคนต่างมาลาสเวกัส ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หวัง

หาความสุขเต็มที่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้ามายังเมืองบาปแห่งนี้พึงจะแสวงหาได้ แต่ความสนุกสนานสุดเหวี่ยงจนแทบจำความบางช่วงบางตอนไม่ได้เลยนี่จบไม่สวยนัก ก็หนุ่ม-สาวชาวนิวยอร์คคู่นี้ตั้งใจแค่จะมาพักผ่อน แต่ดันไปจดทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้ได้ช็อคกันหลังจากสร่างสนิทได้สติเต็มที่ว่า ระหว่างที่หฤหรรษ์สไตล์เวกัสกันนี่ได้ทำผิดครั้งสำคัญทำพลาดครั้งมหันต์เข้าให้เต็ม ๆ
ยัง ชุลมุนอลเวงยังไม่สาแก่ใจ แจ๊คและจอยไม่เพียงแค่ตกร่องปล่องชิ้นเป็นทองแผ่นเดียวกันเท่านั้น แต่ชะตาฟ้าลิขิตให้คู่ข้าวใหม่ปลามันได้รางวัลจากสล็อตแมชีนสูงถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็จะไม่ให้ยุ่งเหยิงสุด ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อแจ๊คเป็นคนหยอด แต่ดันใช้เหรียญที่จอยแลกมาหยอดสล็อตแมชีนซึ่งเธอเล่นอยู่ก่อนไง หรือว่ากลับกันเป็น แจ๊คแลกเหรียญแต่จอยมานั่งหยอดเล่นเย็น ๆ ใจ แล้วเงินแจ๊คพ็อตก้อนโตจะเป็นของใครกันล่ะ
โชคชะตายเล่นตลกเอาล่อเอาเถิดกับหนุ่ม-สาวคู่นี้หนักข้อยิ่งขึ้น เมื่อกลับถึงแมนแฮ็ทตัน ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วต้องเจอกับคำตัดสินเด็ดขาดจากผู้พิพากษาที่ไม่เคยยอมลดราวาศอกอย่าง ว็อปเปอร์ (เดนนิส มิลเลอร์) ที่บังคับให้แจ๊คกับจอยต้อง “ครองชีวิตสมรสภาคบังคับ” เป็นเวลา 6 เดือน แม้ว่าสตีฟ “ใครเห็นก็เหม็นขี้หน้า” เฮเดอร์ (ร็อบ คอร์ดดรี้ ) ที่เป็นทั้งเพื่อนซี้และที่ปรึกษาทางกฎหมายของแจ๊คจะพยายามคัดค้านสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ผู้พิพากษาว็อปเปอร์ก็ไม่ยอมตัดสินให้การ

แต่งงานเป็นโมฆะ แถมยังสั่งให้ระงับการจ่ายรางวัลแจ๊คพ็อตไว้จนกว่าหนุ่ม-สาวคู่นี้จะพิสูจน์ให้เห็นชัด ๆ ว่า พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะประคับประคองให้ชีวิตสมรสแบบจับพลัดจับผลูครั้งนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งนั่นหมายถึง การใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน, การเข้าพบที่ปรึกษาปัญหาครอบครัวกันทุกอาทิตย์, และเรื่องที่ผู้พิพากษาว็อปเปอร์เชื่อว่าคนรุ่นใหม่อย่างแจ๊คและจอยไม่อยากจะทำสุด ๆ นั่นคือ “การพยายามอย่างทุ่มเท” ผู้พิพากษาหัวดื้อยืนยันหนักแน่นว่า มิเช่นนั้นจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลแย่งชิงรางวัลแจ๊คพ็อตกันนานเป็นปีเป็นชาติ แถมสุดท้ายแล้วค่าทนายก็จะสูบเอาเสียจนไม่ว่า แจ๊ค หรือ จอย ก็จะไม่ได้เงินแม้สักเพนนีเดียว
ทั้งคู่จึงจำใจต้องก้มหน้าก้มตารับบทบาทเป็นคู่สามีและภรรยากันจริง ๆ ละทีนี้
แจ๊ค กับ จอย ก็คิดง่าย ๆ ว่า “แหม มันจะยากเย็นเข็ญใจสักแค่ไหนกันเชียว” แล้วก็ตกปากรับคำตัดสินของท่านผู้พิพากษา แต่ก็พบว่าต้องกรำศึกทดสอบขีดจำกัดความอดทนชนิดขำไม่ออก ในสมรภูมิถึงลูกถึงคนชนิดใครดีใครได้ นี่อาจจะเป็นเกม “ใครเสแสร้งรักได้สุดใจชนะไปเลย” ก็ได้นะ

ไม่เคยมีสงครามชิงชังระหว่างสามี-ภรรยาคู่กัดคู่ไหนจะดุเด็ดเผ็ดมันไปกว่า แจ๊คกับจอย อีกแล้ว แถมมีบรรดาผู้ร่วมขบวนการก่ออาชญากรรมความรักอย่าง เฮเดอร์ หนุ่มบู๊เพื่อนซี้ของแจ็ค, ทิปเปอร์ (เล้ค เบล) เพื่อนสาวสุดซี้ของจอยที่ยึดมั่นว่า “สงครามนี้ฆ่าให้เรียบ” และมีพิษสงรอบตัวไม่ด้อยไปกว่าคู่สมรสสุดชุลมุนเลย, แค่นั้นยังไม่สะใจเพราะได้ แจ๊ค ซีเนียร์ (ทรีท วิลเลี่ยม) คุณพ่อบังเกิดเกล้าของแจ็คที่เล่นบทจอมบงการสุดเขี้ยว, แบงเกอร์ (เดนนิส ฟาริน่า) เจ้านายช่างยุของจอย, เมสัน (เจสัน ซุเดคิส) อดีตคู่หมั้นสุดเก๊ก, และด็อกเตอร์ทวิทเชลล์ (ควีน ลาติฟาห์) ที่ปรึกษาปัญหาครอบครัวสุดแสบซ่า ซึ่งคงมากพอที่จะทำให้ความจุ้นชุลมุนวุ่นวายของชีวิตสมรสเก๊ ๆ งง ๆ ป่วน ๆ กวน ๆ ของแจ๊คกับจอยวุ่นถึงระดับปรอทแตกแน่ ๆ
แจ๊คกับจอยจะประคับประคอง “ชีวิตสมรสชุลมุน” ไปได้รอด 6 เดือนตามศาลสั่ง เพื่อให้ได้เงินแจ๊คพ็อต มาแบ่งโดยไม่เผลอฆ่ากันเองเสียก่อนหรือไม่ หรือว่าสถานการณ์ทั้งหลายทั้งปวงจะพลิก ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยไฟรักวูบวาบ ให้กลายเป็น ชีวิตสมรสที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจนถือไม้เท้ายอดทองตะบองยอดเพชรได้
เชื่อไหมล่ะ ท้ายที่สุดแล้ว อะไรที่จะเกิดขึ้นใน What Happens in Vegas หรือ มะรุมมะตุ้มจุ้นรักที่เวกัส จะต้องทำให้คุณประหลาดใจใหญ่โตแน่ ๆ
Labels: Cameron Diaz, International Movie, Romantic Comedy