หลังจากที่ไม่ได้แวะเวียนไปดูหนังที่SF มาเป็นเวลานานกว่า ครึ่งปี ก็ได้ฤกษ์ไปดูซะที เพราะตอนนี้เค้ามีโปรโมชั่น เอาฉลากของครีมอาบน้ำ บิโอเร แลกตั๋วได้ หนึ่งต่อหนึ่ง น่าสนใจอ่ะดิ ก้ครีมอาบน้ำมันขวดละ 44 บาทเอง ก็เท่ากับว่าเราดูหนังเรื่องละ 44 บาทเอง แถมได้ครีมอาบน้ำไปช้อีกต่างหากตอนนี้เลยมีครีมอาบน้ำบิโอเรเต็มบ้านเลย 5555555
เลือกดูเรื่อง Deception ก็เพราะว่าตอนนี้ มีหนังเข้าแค่ สามเรื่องเอง มี เรื่องนี้แล้วก็ หนังตลกอีกเรื่อง What happen อะไรซักอย่างที่ Vegas อีกเรื่องก้เรื่องขับรถแข่งกันแบบเว่อร์ๆ มีเรนแสดงด้วย Speed Racer หรืออะไรนี่แหละ เพราะฉะนั้น คิดสะระตะเรียบร้อยแล้วก้เลยเทคะแนนให้เรื่องนี้ดีกว่า เพราะมี Huge Jackman แลว้ก็ Ewan Mc gregor เล่นด้วย ดาราดังทั้งคู่มาแสดงโอ้โห ท่าจะมันส์นะคิดในใจ
ตีตั๋วเสร็จเดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าโรงเหลือเวลาอีก 15 นาที ทำอะไรดีน๊า อ้าว เดินไปเจอบู๊ทจัดรายการของ deception พอดีเลย ถามน้องเค้าว่ามาทำอะไร ( ในใจนึกว่า น้องจ๋า มาแจกอะไร ขอด้วยดิ ด้วยความงก 5555 ) น้องคนสวยบอกว่า อ๋อ พี่ไปซื้อตั๋วหนัเรื่องนี้มาดิ แล้วมาเล่นเกมส์กัน เกมศืก็เล่นไม่ยากด้วยนะพี่ ผมเลยโชว์ตั๋วให้ดู ทำหน้าทำตาให้ดูเหมือนคนฉลาด แล้วก็บอกไปว่า นี่ไง ตั๋วนี่ใช่มั๊ย เล่นเลย เล่นเลย เกมส์ที่เล่นก็มีป้ายอยู่บนโต๊ะ ประมาณ 15 อัน แต่ละอันก็บรรยายถึงบุคลิกของตัวละครป้ายละหนึ่งอย่าง น้องก็เอื้อนเอ่ยวจีอันแสนจะไพเราะ( เว่อร์ ) ว่า หน้าที่ของพี่คือ ต้องคัดแยกป้ายเหล่านี้ว่า ป้ายไหนเป็นของตัวละครตัวไหน เอาแค่ 10 ป้ายพอ ที่เหลือ 5 ป้าย หนูทำหลอกเอาไว้ เราก้กุลีกุจอรีบทำเชียว อันนี้ อันนี้ เป็นของนี่ๆ นั่นเป็นของโน่น จนเสร็จ น้องก็บอกว่า โอ้โฮพี่ทำได้ 6 ข้อถูก ก็ได้รับเป็ฯกระเป๋านะครับ ( แต่ใจเราอยากได้ แก้วน้ำมากกว่า อ่ะ ) เลยบอกน้องไปว่า ขอเป็วน้ำไม่ได้เหรอ กระเป๋าพี่มีเต็มบ้านแล้ว ( จริงๆแล้วแก้วน้ำก็เต็มบ้านแล้วเหมือนกัน 55555 ) น้องบอกว่า ไม่ได้หรอกค่ะ แก้วน้ำต้องตอบถูกหมด อ้าวแล้วก็ไม่บอก ตะกี้ ตอบส่งเดชไปนะนั่น คิดไปคิดมาเราผิดเองแหละ ไม่ถามน้องเค้าให้ดีก่อน แต่ก็โชคดีแล้วล่ะ จ่าย 44 บาท ได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง ได้ครีมอาบน้ำ ขวดนึง แล้วยังได้กระเป๋าอีกใบ คุ้มจังเลย ( นึกว่าฉลาดอะดิ ไอ้งก 55555 )
เดินเข้าไปที่โรงหนังที่แปด ด้วยความรู้สึกคุ้นเคย เหมือนกลับมาบ้านเก่าบ้านเกิยังไงก็ไม่รู้ มองไปรอบตัวยังไม่มีใครเข้ามาเลย เราเข้ามาคนแรก ขี้เห่อจริง นึกในใจ หนังโฆษณาฉายไปห้าหกเรื่องแล้ว พระบรมฉายาลักษณ์ก็ขึ้นแล้ว ทำไมคนในโรงมีแค่ ห้าคนวะ นึกในใจ ตาก็มองไปที่จอ ไม่ได้เข้ามานานแล้วคิดถึงในหลวงที่นี่จังเลย โอ้ เปลี่ยนเพลงใหม่ด้วย ภาพก็ภาพใหม่( แต่เป้นภาพยังทรงหนุ่มากกๆ อยู่ ) เพลงเพราะมาก เป็นนักร้องผู้หญิงร้องคนเดียวแบบโอเปร่า มีดนตรีคลอเบาๆ เรายืนเพลินและมองกับภาพที่ปรากฎบนจออย่างซาบซึ้งใจ แน่นอน เราต้องนั่งเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้วเพื่อถวายความเคารพจนจบเพลงตามสไตล์
อ้าวยังไม่ฉายอีก ยังมีโฆษณา อีกสองสามอัน หงุดหงิดนิดหน่อย สักพัก หนังก็เริ่มฉาย เราชอบบรรยากาศโรงนี้นะ เงียบดี เสียงของแต่ละโรงไม่ตีกัน ไม่มีกลิ่นอาหารโชยเข้ามารบกวนสมาธิ เหมือนโรงหนังฝั่งตรงข้ามด้วย นึกกระหยิ่มอยู่ในใจว่าเลือกโรงถูกแล้วกู เปิดฉากมาก็อีตา Ewan เป็นนักบัญชี แล้วก็มีโอกาสรู้จักกับ Huge โดยบังเอิญคุยไปคุยมาถูกคอกันเลยเป็นเพื่อนกัน ขี้เกียจเล่าละ เพราะไม่ใช่จุดประสงค์ของบันทึกนี้ อ่านเอาข้างล่างก็แล้วกัน เอาเป็นว่า พูดตรงๆนะ เราว่าหนังไม่ได้ดีเด่แบบที่เราคิดเอาไว้เลย เราเดาบทได้แทบทุกตอน ทั้งๆที่ไม่ได้อ่านเรื่องย่อมาก่อนด้วยซ้ำ ( สงสัยเราดูหนังมาก จนเดาใจคนเขียนบทออกแล้วมั๊ง ) จะว่าห่วยก็ไม่เชิง เพราะตัวละครแต่ละตัวฝีมือดีจริงๆเล่นเต็มที่มากๆ แต่เราว่าหนังขาดเสน่ห์ยังไงก็ไม่รู้ มีตอนกลางเรื่อง เราเผลอหลับไปหน่อยนึงด้วย อันี้ เป็น indicator ที่ดีตัวนึงที่วัดว่าหนังน่าเบื่อหรือเปล่า ถ้าดีจริงต้องสามารถทำให้เราติดตามจนไม่เผลอหลับได้ นี่แสดงว่าไม่แน่จริง ( เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว 5555 )
หนังออกแนวอีโรติกในช่วงครึ่งแรก เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนคู่นอน แบบไม่เปิดเผยชื่อด้วย อีตา Ewan เลยเอาใหญ่เลย เปลี่ยนคู่รายวันเลย งานตรวจบัญชีเป็นอันไม่ต้องทำกันล่ะ จนมาปิ๊งกับนางเอก ซ่งหน้าตาใสซื่อมาก ( ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นนางเอกเรื่อง Lost in Translation ด้วย ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ) ก้แสดงได้ระดับปานกลาง ดูเก็บกดยังไงก็ไม่รู้ จริงๆบทนี้ นางเอกน่าจะเป็นสวมั่นนิดนึง แหมถ้าไม่มั่นจะมาเปลี่ยนคู่กับชาวบ้านขนาดนี้เรอะ ไม่ก็ต้องเปรี้ยวนิดๆ นี่ไม่มีเลย มีแต่ความซื่อ ตอนที่มีฉากอย่างว่า นึกในใจว่าเฮ้ย พวกมันไม่กลัวเอดส์กันหรือไงว่ะเนี่ย แหมมันมั่วมากๆๆ เลบนะ แต่ว่านึกเข้าข้างหนังว่า เฮ้ย มันต้องใส่ถุงมั่งล่ะน่าเพียงแต่เค้าไม่ได้ถ่ายตอนใส่ถุงให้ดูเท่านั้นเองน่ะ อย่าคิดมาก 5555
ไม่ต้องให้บอกนะว่าตอนจบเป็นยังก็เป็นอย่างที่เรานึกเอาไว้เลยว่า ไอ้คนวางแผน สุดท้ายก็ต้องโดนตลบหลัง ส่วนคนดีก็ไปอยู้วยกันอย่างมีความสุข ฉากนี้ดูแล้วทุกอย่างมันลงตัวดีเหลือเกิน ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ความจริง น่าจะเป็นว่า คนชั่วยังไม่ตาย แล้วหักมุมซ้อนอีกซักทีก่อนจบ ก็จะมันส์กว่านี้
สรุป เราให้แค่ 6 / 10 เพราะดาราดี แสดงเก่ง แต่เราไม่ค่อยชอบบทภาพยนต์อ่ะ เราว่างั๊นๆ ดูไปดูมา เอาเวลาไปดูหนังญี่ปุนดีกว่า ( เฮ้ย ไม่ใช่ญี่ปุ่นแนวนั้นนะ รู้นะ คิดอะไรอยู่ ) หักคะแนนบท เพราะเป็นส่วนสำคัญของเรื่องที่สุด

เนื้อเรื่อง จาก http://www.muangthai.com/
“คืนนี้ว่างไหม...?”
คำถามง่ายๆ แต่คำตอบของผู้ชายคนหนึ่ง กลับเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ผู้ชายคนนั้นคือ โจนาธาน แม็คควอร์รี่ (ยวน แม็คเกรเกอร์) นักบัญชีโนเนมที่ลอยคออยู่กลางเวิ้งอ่าวชนชั้นสูงแห่งนิวยอร์ก “ลุยแต่งาน ไม่มีเล่น” ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับโจนาธาน “ลุยแต่งาน ไม่มีชีวิต” ต่างหาก ที่ทำให้วิญญาณเขาแห้งผากลงทุกวัน
แต่แล้วไฟชีวิตของเขาก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้รู้จักกับทนายความฝีมือเฉียบ ไวแอต บอส (ฮิวจ์ แจ๊คแมน) ผู้พาเขาไปสัมผัสมหานครนิวยอร์กในมุมที่มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ หากจะพูดว่าที่นี่คือสนามบันเทิงของนักธุรกิจระดับสูงแห่งแมนฮัตตัน ก็คงไม่ผิดนัก ในโลกของไวแอต ผู้ชายทุกคนใส่สูทราคาสี่พันดอลล่าร์ และเมื่อถึงเวลาหย่อนใจ พวกเขาจะไปเที่ยวคลับใต้ดินที่คลาคล่ำไปด้วยสาวสวยชวนตะลึงไร้พันธะ สำหรับโบรกเกอร์ทรงอิทธิพลทั้งหลายที่ทำงานวันละ 18 ชั่วโมงจนไม่มีชีวิตส่วนตัว สถานที่ที่เหมาะที่สุดคือ The List เซ็กซ์คลับแห่งหนึ่งที่เพียงหมายเลขโทรศัพท์เหมาะๆ กับคำถามง่ายๆว่า “คืนนี้ว่างไหม” ก็สามารถเติมเต็มอารมณ์สวาทของคุณในค่ำคืนนั้นได้

นี่คือ “โลกแห่งความเริงรมย์ที่ปราศจากความซับซ้อน” โจนาธานรู้มาอย่างนั้นเมื่อไปเยือนครั้งแรก ที่นี่ทำให้เขาได้ค้นพบด้านหนึ่งของตนเองที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ แต่สัมพันธ์สวาทกับสาวแปลกหน้ารวยเสน่ห์ที่เขารู้เพียงชื่อย่อว่า เอส (มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์) กลับดึงเขาให้ดำดิ่งลงสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยคาดคิด นั่นคือ โลกแห่งความหลอกลวงและฆาตกรรม
มาร์เซล แลนเจเนกเกอร์ ประเดิมผลงานการกำกับครั้งแรกใน Deception ภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยาที่เล่าถึงหนทางอันแปลกประหลาดและเย้ายวนสู่การค้นพบตัวตนของผู้ชายคนหนึ่ง

นำแสดงโดย ยวน แม็คเกรเกอร์ (Star Wars 3 ภาค, Trainspotting), ฮิวจ์ แจ๊คแมน (X-Men 3 ภาค, The Fountain) และ มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ (Brokeback Mountain)

Labels: Ewan Mcgregor, Huge jackman, International Movie, Thriller