Monday, May 5, 2008,5/05/2008 04:28:00 PM
Tokyo Tower : โตเกียว เทาเวอร์
เพิ่งออกจากโรง Houserama RCA มา น้ำตายังเต็มเบ้าตาอยู่เลย แต่ต้องรีบมาเขียน เดี๋ยวกลัวลืม

วันนี้ตื่นตีสี่เหมือนเดิม ตั้งใจว่าจะไปออกกำลังกายซักหน่อย อ้อ จริงสิ วันนี้เป็นวัน ฉัตรมงคล วันหยุดถนนน่าจะโล่ง เดี๋ยวสายๆค่อยออกไปก็ได้ คิดอ่างนี้เมื่อตอนเช้า แต่ไม่เอาดีกว่า รีบออกกำลังให้เสร็จๆจะได้รีบไปดูหนังที่ Houserama ดีกว่า นั่งรถเมล์ไปประหยัดตังค์ดี ออกกำลังกายแถว เซ็นทรัลบางนา เสร็จ10.00 นใ พอดี ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามนั่งสาย 38 ไปลงอโศก แล้วต่อรถอีกทีไป RCA ตอนแรกนึกว่า จะนาน ใช้เวลาเดินทางแค่ ชั่วโมงเดียวเอง แต่วันหลังคงใช้เส้นทางงนี้ไม่ได้แล้ว ก็วันนี้วันหยุด ถนนโล่งมากๆ ขืนวันหลังมาเส้นนี้สงสัยต้องเผื่อเวลาไว้ซัก ชั่วโมงครึ่ง

ไปดูป้ายบอกเวลาฉายอ้อ Tokyo Tower หนังญี่ปุ่น เฮ้ ดีใจจัง ยังทันก็ตอนนั้น เพิ่งจะ 11.00 น เอง คนขายตั๋วยังไม่มาเลย ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็เดินไปชั้นล่างมีร้าน ฟูจิด้วย ไม่ได้กินมาเป็นปี แล้ว วันนี้ขอทำตัวหรูนิสส์นึงขอกินหัวปลากระพงนึ่งซีอิ๊วหน่อยดีกว่า สั่งเสร็จก็รอไป นานเหลือเกิน นี่ก็ 11.30 แล้วยังไม่ได้อีก ต้องคอยถามน้องๆว่า จะได้หรือยังจ๊ะ อ้อ มาพอดีเลย รีบกินดีกว่า ให้เสร็จๆจะได้รีบไปดูหนัง กินแป๊บเดียวก็หมด ไม่ได้บ่นนะ แต่อยากบอกจังเลยว่า เมื่อปีที่แล้วที่มากินเนี่ย รู้สึกว่า หัวปลาของคุณ มันจะมีเนื้อมากกว่านี้นะ สงสัยเศรษฐกิจ ไม่ดี เลยแล่เนื้อซะเหลือแต่กระโหลกปลา กินสองทีก็หมด น้ำซุปที่ราดมาก็หวานเจี๊ยบอย่างกับ เฮลบลูบอย สงสัย ต้องเว้นช่วงไปก่อนละเจ้านี้ ไม่ไหวเลย ราคาเพิ่มแล้ว มาตรฐานก็เพี้ยน แต่ก็อยางว่าแหละ ลูกค้าคนอื่นอาจจะชอบแบบนี้ก็ได้ ไม่งั้น เค้าจะอยู่มาได้ไง จริงด้วย จริงด้วย นึกในใจ
ไม่อยากใส่ใจฟูจิ ละ ทำใจให้ผ่องแผ้วดีกว่า ขึ้นชั้นสามไปตีตั๋วดีกว่า ยื่นบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สุโขทัย ไปด้วย อ้อ ก็อนนี้เค้ามีโปรโมชั่น นักศึกษาดูหนัง 80 บาทเองไง 5555 เรื่องลดราคาไม่ต้องห่วง เซียน โปรโมชั่นอย่างเรากวาดเรียบวุธ ทุกสนาม 55555 โชคดีนะ ที่ยังไม่มีใครแย่งที่นั่งประจำของเรา แต่เอ๊ะ ปกติแล้ว หนังที่นี่จะไม่ค่อยมีคนดู แล้วเหตุไฉนวันนี้ คนดูเกือบครึ่งโรงวะเนี่ย

พอถวายความเคารพในหลวงเสร็จ ( ขอระบายหน่อย ไม่ค่อยเข้าใจคนไทยบางคนเลย เวลาถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ เพลงยังไม่ทันจะจบ ทำไมจะต้องรีบนั่ง เก้าอี้ของเรามันก็อยู่ตรงก้นของเอยู่แล้ว เพราะอะไรถึงรอให้เพลงจบก่อนไม่ได้ อีกไม่ถึง 3 วินาที เอง บางคนเสียงร้องยังไม่สุดเลย นั่งแล้ว เราไม่ชอบเลยจริงๆ แต่เอาเหอะ มันก็แล้วแต่สำนึกของแต่ละคนนะ ) เ
ราไม่ได้อ่านเรื่องย่อมาก่อน แต่ก็พูดคร่าวๆ ได้ว่า หนังพูดถึงความรักของแม่กับลูก ตั้งแต่เด็กจนโต หนังค่อยๆดำเนินเรื่องไปให้เห็นความรักของแม่ที่เป็นทั้งแม่ ทั้งพ่อทั้งเพื่อนทั้งพี่สาว กับลูกชาย ซึ่งครอบครัวก็ไม่อบอุ่นเท่าไหร่หรอกเพราะพ่อกับแม่แยกกันอยู่ แม่จึงต้องแสดงบทบาททุกอย่าง ตัวลูกเองตั้งแต่เล็กจนโต หนังพยายามแสดงให้เห็นว่า เป็นคนรักสนุก ซุกซน แต่สุดท้ายก็เรียนจบมาได้ทำงานในสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง เนื้อเรื่องไม่มีอะไรโลดโผน ดูไปเรื่อยๆ หนังตัดกลับไปมาระหว่างปัจุบันกํบอดีต แต่ดูแล่วเข้าใจดี ไม่งงเลย ไม่น่าเชื่อว่า ดูจนจบถึงได้รู้ว่าหนังยาวตั้งสองชั่วโมงครึ่ง มันดูเพลินจนลืมเวลาไปเลย
จุดที่อยากจดจำไว้ก็คือ คนที่แสดงเป็นแม่วัยสาว กับตอนที่เป็นคุณแม่วัยชรา หน้าตาเหมือนกันมากๆๆ ถ้าเป็นคนเดียวกันก็ต้องยกนิ้วให้คนแต่งหน้า ว่า แต่งเก่งที่สุดในโลก ที่สามารถแต่งหน้าคนให้มีความแตกต่างระหว่างวัยได้ขนาดนั้น แต่ถ้าไปหาคนที่หน้าตาเหมือนกันมาแสดง ก็ต้องชมว่า หาได้เก่งมากๆ หรืออาจเป็นไปได้ไหมว่า เอาแม่ลูกมาแสดงซะเลย เพราะยังไงก็หน้าตาเหมือนกันอยู่แล้ว เออ อาจเป็นไปได้

ที่อยากบอกอีกอย่างก็คือ หนังสามารถทำให้คนใจทมิฬหินชาติอย่างข้าพเจ้าน้ำตาไหลพรากๆๆๆๆ ได้ทุก 15 นาที ไม่ใช่เพราะเศร้า แต่เพราะซึ้งใจ แบทุกครั้งที่หนังพยายามแสดงความรู้สึกของแม่ออกมา อย่างตอนที่แม่ไปส่งลูกไปเรียนที่ โตเกียว ที่สถานีรถไฟ แล้วหยอกล้อกับลูกว่า อีกหน่อยไม่มีใครปลุกให้ตื่นตอนเช้าแล้วนะ แต่แววตาที่แสดงออกมามันแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย ถึงแม้ว่าแม่พยายามทำให้เป็นเรื่องตลก ( ขณะที่พิมพ์อยู่นี่ แค่นึกถึงฉากนี้ น้ำตาก็เอ่อออกมาอีกแล้ว ) อีกตอนคือตอนที่แม่ไปนอนที่โรงพยาบาลเพราะเป็นมะเร็ง แล้วแม่ขอให้ลูกเอาปริญญาที่ลูกใส่กรอบเอาไว้มาให้แม่ด้วย แม่อยากเอาไว้ใกล้ๆตัว หนังทำได้ดีมาก คือให้ตัวลูกเดินคล้อยหลังไป แต่หันกลับมามองเห็นแม่ ซึ่งตัวแม่เองก็กำลังแสดงถึงความภาคภูมิใจในตัวลูกสุดๆ มีการเอาผ้ามาเช็ดถู กรอบใส่ปริญญานั้น บนเตียงคนไข้ ( ในหนังแม่ขายทรัพย์สมบัติ ทำงานหนักเพื่อส่งเงินให้ลูกเรียนหนังสือ โดยไม่รู้ว่าเงินที่ส่งมานั้นลูกเอาไปเล่นการพนัน ฯลฯ อื่นที่ไม่เยวกับการเรียนอยู่เสมอ ) จะให้เล่ายังไงก็ใม่สนุกเท่าไปดูเอง อีกฉาก คือฉากที่ลูกไปรับแม่มาอยู่ด้วยกันในเมืองหลวง ฉากที่ลูกจูงแม่ข้ามถนน เชื่อมั๊ยว่า ถนนกว้างมากๆ แต่ทำสโลว์โมชั่น แต่ความรู้สึกเราถูกดูดเข้าไปในหนัง สายตาของแม่ที่แสดงออกมา ถึงแม้สีหน้าจะนิ่งๆ แต่ฉากนี้ โดนมากๆ พอถึงห้องที่พักแล้ว แม่ยังพูดกับลูกด้วยว่า ต่อไปนี้ แม่ต้องพึ่งลูกแล้วนะ ว่าแล้วก็คำนับลูก แบบธรรมเนียมญี่ปุ่นนะ ฉากนี้ น้ำตาเราไหลไม่หยุดเลย อายคนข้างๆ แต่เชื่อมั๊ย เก้าอี้ข้างๆ ผู้ชายเหมือนกัน สะอึกสะอื้น ดังกว่าเราอีก ว่าไปแล้วก็ทั้งโรงนั่นแหละ มีแต่เสียงสูดน้ำมูก แบบกลั้นน้ำตาอ่ะนะ บรรยายไม่ถูก โอ๊ย และอีกหลายๆฉาก ทุกฉากที่ตัดกลับไปถึงภาพในอดีต เตรียมกระดาษทิชชู่ได้เลย ต่อมน้ำตาแตก ตอนสุดท้ายที่อ่านจดหมายของแม่ แล้วพระเอกร้งไห้น้ำตาเป็นเผาเต่านั่นก็เหมือนกัน โฮกันทั้งโรง


ไม่ไหวอ่ะ เล่าต่อไม่ได้แล้ว มันซึ้งมากๆๆๆๆ ตั้งแต่ มัสซึโกะ ฮูล่า เกิร์ล ออลเวส์ภาคหนึ่งและสองแล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละ ที่ทำให้ต้อมน้ำตาของเราทำงานหนักมากๆๆ ตอนออกจากโรงต้องรีบเดินก้มหน้าออกมากลัวคนอื่นจับได้ว่า แอบร้องไห้ตลอดเรื่อง เฮ้อ เหนื่อย


สรุปแล้ว เอาไปเลย 9.5 /10 ที่หักคะแนนนิดหน่อย ตรงพระเอกในเรื่องไม่น่าไว้ผมทรงนี้เลยผมยาวเกินไป เอาประมาณกลางเรื่องแหละกำลังดี ดังนั้น เลยหักนิดหน่อย ฐานทำให้ทัศนวิสัยในการมองไม่ราบรื่น 5555


เนื้อเรื่องย่อ รักยิ่งใหญ่ หัวใจให้เธอ(Tokyo Tower: Mom and Me, and Sometimes Dad ) จาก http://www.movieseer.com/
Tokyo Tower - Mom & Me, and sometimes Dad เป็นเรื่องราวของแม่กับลูก ... พ่อ และเด็กๆ ... ความรักและมิตรภาพ ความหมายของวัยเยาว์ และ เรื่องราวชีวิตของคนธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณก็ได้ ผ่านความรู้สึกของความทุกข์ ความเศร้า ความเหงา และความรัก จากความทรงจำที่คุณมีให้กับผู้ที่รักคุณที่สุดภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายขายดีในญี่ปุ่นที่ทำยอดขายกว่า 2 ล้านเล่มเรื่องนี้ เขียนโดยนักเขียนอัจฉริยะ ลิลลี่ แฟรงกี้ ที่เขียนถึง ความทรงจำที่มีให้แก่มารดาของเขาที่เสียชีวิตไป งานเขียนชิ้นนี้ของเขาพรรณนาให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอย่างตรงไปตรงมาผ่านความทรงจำของตัวละครเอกได้อย่างงดงาม ครั้งแรกเมื่อนวนิยายเล่มนี้ออกตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายนปี 2005 ผู้อ่านชาวญี่ปุ่นถึงกับน้ำตาซึมไปกับเรื่องเล่าสุดประทับใจเรื่องนี้ จนทำให้เกิดกระแสบอกต่อแบบปากต่อปาก จนสร้างยอดขายได้มากกว่า 2 ล้านเล่ม ความสำเร็จของตัวหนังสือถูกนำไปสร้างเป็นละครทีวีที่สร้างเรตติ้งอันดับ
http://www.houserama.com/

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink