เราดูเรื่องนี้ที่ โรง EGV ลาดพร้าว รอบที่เราดูเป็นรอบเย็น ก็ถือว่า จำนวนคนดูมีพอสมควร ไม่มากไม่น้อย ถ้าเทียบกับจำนวนคนเฉลี่ยที่เราเคยเห็นในวันธรรมดา บางรอบ 5 คน บางรอบ 10 คน เอาเป็นว่า รอบละ 10 คนก็แล้วกัน ( จริงๆน้อยกว่านี้ แต่ประมาณการแบบสงสารโรงหนังหน่อยนึง )
ตอนแรกเราว่าจะซื้อ ปอปคอร์นเข้าไปกินด้วย เพราะตอนนี้มีโปรโมชั่นใหม่เป็นตัวการ์ตูน สีสันโดนใจ แต่ช่วงนี้ต้องพยายามข่มความอยากไว้ก่อนเพราะเศรษฐกิจเราไม่อู้ฟู่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว 555 เลยไม่เอาดีกว่า
ตอนแรกเราก็เข้าใจว่า หนังเรื่องนี้ สงสัยจะโหลยโท่ย เหมือนกับหนังที่ชอบเอาฉากตลกออกมาโฆษณษเรียกน้ำลายคนดูเหมือนเรื่องอื่นๆ พอเข้าไปดูจริง ปรากฎว่า ทั้งเรื่องไม่มีอะไรเลย ฉากตลกทั้งหมดก็คือฉากที่เอามาโฆษณานั่นแหละ แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่แฮะ เพราะเราหัวเราะได้ตลอดเรื่องเลย ถึงแม้จะไม่ก๊ากก็เหอะ ถือว่าสอบผ่าน นางเอกคนนี้เราไม่เคยเห้นหน้านะ หน้าคล้ายนุสบา แต่ดูสาวกว่า สดกว่า ฝีมือการแสดงถือว่า คาบเส้น ไม่แย่แต่ก็ไม่ดี แต่หน้าตาก็สวยดีแหละ เอาเป็นว่าสอบผ่านก็แล้วกัน
.jpg)
มาถึงพระเอกมั่ง พระเอกคนนี้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเล่นเรื่อง มหาลัยเหมืองแร่ มาก่อน เรื่องนั้นเราไม่ได้ด฿เลยไม่รู้จะพูดยังไง แต่เรื่องนี้ เราขอบอกว่า เล่นได้ธรรมดามากๆ แหม เราเองก็ไม่ใช่ดาราอ่ะนะ แต่เราพูดตามสิ่งที่สายตาคนดูเห็น หน้าตาถือได้ว่า ขี้เหร่ที่สุดในบรรดาพระเอกไทยทั้งหมดเลย เรื่องนี้จะว่าไป คนที่เด่นที่สุด น่าจะเป็นค่อมชวนชื่น ซึ่งถ้าเรื่องนี้ไม่มีค่อมนะ สงสัย ไม่รู้จะมาดูอะไร เพราะฉากไหนที่ค่อมโผล่ขึ้นมา รับประกันได้เลยว่าจะต้องได้เสียงหัวเราะ รองลงมาก็เป็น ฝันดีหรือฝันเด่นก็ไม่รู้ ( เนื่องจากเป็นฝาแฝดเราเลยแยกไม่ออก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ) คนนี้ก็ตลกมากๆๆ เล่นคู่กับค่อมแล้วเข้าขากันดี ดูเลิ่กลั่กตลกดี หวังว่าจะได้เจอเล่นคู่กันอีกในเรื่องถัดไปนะ อีกคนที่ตลก ( พูดเรียงไปเลย คือ อ่าง แต่คนนี้เราดูไปก็ขำไม่ค่อยออกเพราะสงสารสังขาร เลยไม่รู้จะตลกหรือร้องไห้ดี เอาเป็นว่า เราก็ถือว่าตลกละกัน
นอกนั้น คนอื่นๆก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าประทับใจซักเท่าไหร่เลย ดูแล้วก็ธรรมดามาก อ้อ ที่ชอบอีกอย่างคือ เพลงประกอบ ไม่รู้ว่า ชื่อเพลงอะไร ไว้จะลองไปค้นในเน็ตดู เพราะดี คนร้องเสียงหวานเชียว นึกชื่อคนร้องไม่ออก ( พูดอย่างกับ รู้จักนักร้องสมัยใหม่มากมาย 5555 ไม่รู้จักใครเลย )
.jpg)
สรุป เรื่องนี้ ดูแล้วก็ใจเบิกบานตามชื่อเรื่องอ่ะนะ เสียอย่างเดียว ตอนจบเศร้าไปหน่อย ( จริงๆ ดูไปก็เดาได้อยู่แล้วล่ะว่าต้องจบแบบนี้ เพราะมุมกล้องแช่ภาพแบบนี้ มันเป็นสไตล์หนังไทยเลยว่า ต้องแบบนี้ เท่านั้น เลยทายถูกเลย ) รวมๆแล้วเราชอบนะ เราให้ 7.4 เป็นกำลังใจให้ทีมงาน
เนื้อเรื่องย่อ : เม็ดทราย (ร่มฉัตร ขำศิริ) คือหญิงสาวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 อย่างรุนแรง เธอกลายเป็นหนึ่งในคนไทยจำนวนมากในยุคนั้นที่เข้าไปผจญความยากลำบากในป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อที่จะแสวงหาและสร้างสังคมในอุดมคติของเธอให้ได้ในป่าแห่งการแสวงหานั้น เม็ดทรายได้พบกับ ก้อง (พิชญะ วัชจิตพันธ์) จอบ (ค่อม ชวนชื่น) คิด (ฝันดี จรรยาธนากร) และ เสียม (อ่าง เชิญยิ้ม) เหล่าสหายที่ไม่ได้มีจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนมาใช้ชีวิตอยู่ในพรรค ภายใต้การปกครองของ เที่ยง (สุรสิทธิ์ เอี่ยมโอภาสวงศ์) ชายหนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งยังเป็นผู้ชายที่เม็ดทรายแอบชอบอยู่ด้วย ท่ามกลางความตึงเครียดของกระแสปฏิวัติที่ครอบคลุมไปทั่วพรรค ก้อง จอบ คิด และเสียม ช่วยกันสร้างความสนุกสนานและความปั่นป่วนขึ้น พวกเขาเปลี่ยนเสียงตะโกนปลุกใจเป็นเสียงหัวเราะเฮฮา และ

.jpg)
.jpg)
สั่นคลอนแนวทางของการปฏิวัติด้วยแนวทางของความตลก การกวาดล้างไล่ล่าของฝ่ายรัฐบาล ต้องยอมจำนนกับลีลาการหลบหนีสุดขบขันของพวกเขาทั้ง 4 นอกจากนี้แล้ว ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามราวภาพวาด ธารน้ำสวยใส ทิวเขาและไอหมอก ความรักที่บริสุทธิ์ก่อตัวขึ้นบนสมรภูมิแห่งสงคราม แม้ก้องจะเป็นชายหนุ่มที่ไม่มีอะไรตรงกับอุดมคติของเม็ดทรายเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วเขากลับเป็นคนที่แสดงให้เธอเห็นว่า ความสุขที่เธอแสวงหาด้วยความเหนื่อยยากนั้น แท้จริงแล้วมีอยู่ในตัวของเราทุกคนนั่นเอง
Synopsis : Set in October 1976, during a revolutionary period in Thai history, the drama-comedy Blue Sky of Love tells a story of a university girl who wished to follow her ideology in working for people. She left her comfortable living in Bangkok to participate with the army of communism
.jpg)
.jpg)
.jpg)
party located in remote forest. There, she met new companions who utterly have different point of view in their lives. Among these people, the girl found a guy who stands for his strong ideology, and she started to admire him. This film delightfully brings humor through the story in the backdrop of war.