นานๆจะได้ดูหนังไทยซักที แถมเรื่องนี้ยังเป็นนิยายที่ขายดี ของพี่สาวนายกฯอีกต่างหาก เราไม่เคยได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ก็ถือโอกาสมาดูเอาเนื้อเรื่องซะเลย
เราชอบ โลโก้ บริษัทสร้างหนังจัง เป็นบริษัท ชูใจ ตัวเด็กผู้ชายป็นเด็กที่เราคุ้นตาในหนังสือแบบเรียนสมัยเราเด็กๆ เรณู กะ ชูใจ น่ารักดี น่ารักเหมือนดาราตัวแสดงกะทิเลย เด็กคนนี้ตัดผมหน้าม้าได้เด๋อที่สุดในโลก แต่แปลกแฮะ กลับดูน่ารัก เราว่านะ เดี๋ยวซักพักต้องมีเด็กผู้หญิงไปตัดผมเลียนแบบเต็มเมืองแน่ๆเลย 555
หนังดูไม่สนุกเท่าที่เราคาดเอาไว้ คลอดเรื่องบรรยากาศดูน่าเบื่อมากๆ เราเข้าใจว่าแม่เด็กกำลังจะตาย แต่วิธีการนำเสนอดูไม่น่าติดตามเลย ถึงแม้จะได้ดาราเก่งๆมาแสดง อย่าง จารุวรรณ ปัญโญภาส สะอาด เปี่ยมพงศานติ์ น้อยวงพรู รัชนก แต่ดาราเด็เรื่องนี้แสดงไม่เก่งเลยซักคน เราไม่โทษเด็ก แต่เราโทษผู้กำกับที่ดึงความสามารถของเด็กออกมาได้ไม่หมดอย่างที่ควรจะเป็น หนังเลยต้องคอยลุ้นว่า ฉากนี้เด็กจะเล่นแข็งมั๊ย ฉากนั้นเด็กคนไหน จะแสดงยังไง อย่างเด็ก
.jpg)
บางคนอย่างเด็กอ้วนๆที่ชอบรังแกคนนั่น พูดถึงทำไม ถ้ามีบทแค่นั้น ไม่เห็นว่า จะมีบทบาทอะไรในเรื่องเลย ทั้งๆที่ ตัวละครตัวนี้ โคตรจะมีสีสันเลย อยากรู้ว่าจะแกล้วตัวละครตัวไหน แล้วนางเอกเราจะแก้ปัญหายังไง โอ๊ย ขี้เกียจบ่น รับรองบ่นได้เป็นวันเลย
ฉากที่ชอบมีฉากเดียวทั้งเรื่อง คือตอนที่ กะทิ กอดแม่ ตอนนี้น้ำตาหยดโดยไม่รู้ตัว กตอนคือตอนที่กะทิ วิ่งไปร้องไห้ไป ที่ชายทะเล แต่เสียงของเด็กตอนร้องไห้ ชวนให้หัวเราะมากกว่า ก็เสียงร้องไห้ ตลกจะตาย นอกนั้นทั้งเรื่องดูไปเซ็งไป
สรุป ไม่ค่อยชอบนะ คนดูตั้งเกือบ สามสิบคน เราคิดว่าคงไม่ทั้งหมดหรอกที่ชอบ ต้องมีคนคิดแบบเรามั่งแหละน่า เราว่าหนังสือต้องเขียนดีแน่ๆเลย เพราะเราดูไป เรายังคิดตลอดเลยว่า เอ ฉากนี้ หนังสือเค้าน่าจะแต่งแบบนี้น๊า ทำให้เราอยากไปหาหนังสือมาอ่านตะหงิดๆ เอาเป็นว่า ผิดหวัง ทำหนังได้ไม่น่าดูเลย น่าเบื่อสุดๆ ต่อให้ดาราดีก็เบื่อได้ จากหนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่า เราให้ 6.0
เนื้อเรื่องย่อ : กะทิ (ภัสสร คงมีสุข) เป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อ แม่ (รัชนก แสงชูโต)
.jpg)
ต้องจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้ายที่มิอาจรักษา กะทิต้องผ่านขั้นตอนความสุขและทุกข์ ความผูกพันและการพลัดพราก ความสมหวังและความสูญเสีย ที่มากเกินกว่าที่เด็กวัยเดียวกันจะรับไหว ถึงกระนั้น กะทิก็ได้เรียนรู้ผ่านสิ่งต่างๆ ใน ลิ้นชักแห่งความทรงจำ ที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนสิ้นลมหายใจ ว่าความทุกข์จากการสูญเสียนั้นมิอาจพรากความสุขจากความรักและความผูกพันของแม่ที่มีต่อเธอได้ เด็กน้อยเติบโตขึ้นจากประสบการณ์นี้ด้วยความเชื่อมั่น กะทิยังได้รับกำลังใจอันยิ่งใหญ่จากบุคคลใกล้ชิดที่เธอรักและรักเธอ ไม่ว่าจะเป็น ตา (สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) ยาย (จารุวรรณ ปัญโญภาส) น้าฎา (เข็มอัปสร สิริสุขะ) น้ากันต์ (กฤษฎา สุโกศล แคลปป์) ลุงตอง (ไมเคิล เชาวนาศัย) และ พี่ทอง (นิธิศ โค้วสกุล) ที่ต่างเข้ามาเติมเต็มชีวิตให้หนูน้อยกะทิรู้สึกว่า เธอไม่ได้ขาดอะไร และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้เฉกเช่นเด็กๆ ในวัยเดียวกัน
ความสุขของกะทิ เป็นนวนิยายขนาดสั้น เจ้าของรางวัลรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ.2549 ที่เขียนโดย คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 250,000 เล่ม และถูกตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 58 ครั้ง ทำให้ ความสุขของกะทิ เป็นหนังสือที่มีจำนวนผู้อ่านมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
.jpg)
รวมถึงยังโด่งดังจนได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์เพื่อแปลและจำหน่ายไปแล้ว 7 ภาษาใน 8 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย (ภาษาอังกฤษ), ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, สเปน (ภาษาคาตาโลเนีย), เกาหลี, ลาว และที่ จีน และ ไต้หวัน (ภาษาจีน) เป็น 2 ประเทศล่าสุดที่เพิ่งขายลิขสิทธิ์เพื่อแปลและพิมพ์จำหน่ายต่อไป
“อดีตเหมือนเงา บางครั้งทอดนำทางอนาคต” ใครจะรู้ว่า แท้จริงแล้วในความโศกเศร้านี้ ก็มี...“ความสุขจริงแท้อันยิ่งใหญ่” ที่ได้เบ่งบานในหัวใจของ “เด็กหญิงกะทิ” อยู่เช่นกัน “ความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราด้วย...ความสุขแบ่งปันได้”
Synopsis : The Happiness of Kati is a novel written by Ngarmpun "Jane" Jejjajiva. It was the winner of 2006 S.E.A Write Award and a bestseller with more than two hundred thousand copies sold. Besides being one of the most beloved and well-known contemporary children literatures in Thailand, "The Happiness of Kati" is also celebrated internationally. Its translated version has been licensed in nine countries - United States, Japan, South Korea, Germany, Australia, New Zealand, Spain, Italy and France.Kati, a nine-year-old girl whose mother
.jpg)
is suffering from an incurable illness. Kati must go through steps of happiness and sorrow, bonding and separation, having her hopes fulfilled and losing something she loves. Nevertheless, kati has learned through these steps that the sorrow from her losses cannot take away her happiness she has received from her mother's love and bonding. This experience allows the little girl to grow up with confidence and courage to live on. She knows who loves her, and who her love ones are.