Saturday, November 8, 2008,11/08/2008 02:54:00 AM
James Bond Quantum Of Solace : พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก

ได้ตั๋วฟรีจาก CitiM Visa ให้ไปดูหนังเรื่องนี้ที่ SFX Emorium รอบทุ่ม เราก็เลยนัดพี่พันไปดูด้วยกัน หลังจากไม่ได้ดูหนังด้วยกันนานแล้ว เผื่อเวลาคุยเรื่องหนังแล้วจะได้มีมุมมองแปลกๆมาแลกเปลี่ยนกันมั่ง
อย่างที่บอก หมู่นี้ไม่มีหนังอะไรออกใหม่เลย อาทิย์นึงมีหนังเข้าแค่ 1-2 เรื่องเอง คนชอบดูหนังอย่างเราเลยแทบจะบ้าตาย อาทิตย์นี้ เทศกาลหนังโลกก็หมดแล้ว หนังทุกโรงก็ดูจนหมด กลายเป้นว่า อาทิตย์นี้มีหนังฟอร์ใหมญ่คือเรื่องนี้เข้าแค่เรื่องเดียวเองอ่ะ เซ็งเลย
เรามากันก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็กำลังดีนะ จะได้หาอะไรกินกันก่อน แล้วก็เจรจาปราศรัยกันก่อนดูหนัง เพราะตอนดูคงจะมัวแต่มีสมาธิกับเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้คุยซักเท่าไหร่
คนดูเต็มโรงจริงๆ ( อีกแล้ว ก็ของมันฟรี 5555) แน่นอนว่า ทางโรงหนังต้องแจกโค๊กกับป๊อบคอร์น กับลูกค้าด้วย เวลาดูหนังจะได้เพลิดเพลินเต็มที่ เราได้ตั๋วมาตอนแรกเราก็คิดว่า อยู่ประมาณแถว E นี่ก็น่าจะกลางโรงค่อนไปทางท้ายๆโรง จะได้ดูถนัดๆหน่อย ที่ไหนได้ โรงที่นี่ตื้นมากๆ มีไม่ถึง10 แถว เพราะฉะนั้น แถวที่เรานั่งจึงค่อนไปทางด้านหน้า ภาพใหญ่โตมาก ดูแล้วปวดหัว
ปิดฉากมาก็ไม่ต้องใหคนดูได้หายใจหายคอเลย เป็นฉากขับรถที่มันส์ที่สุดเท่าที่ดูมาในปีนี้ แทบไม่ได้หายใจเพราะมัวแต่เชียร์พระเอก ดูไม่รู้ว่าคันไหนเป็นคันไหน ไม่รู้ใครขับอะไรดูแล้วมั่วมากๆ มุมกล้องเหวี่ยงไปมาเพื่อให้ดูน่าตื่นเต้น แต่เราว่าดูแล้วน่าเมารถซะมากกว่า ไม่รู้เป็นเพราะดูใกล้เกินไปหรือเปล่า ไม่เคยดูหนังใกล้ขนาดนี้มาหลายปีแล้วล่ะ ซักพักพระเอกก็ออกมาวิ่งไล่ล่ากับผู้ร้ายต่อ เป็นฉากที่ดูมันส์อีกฉากนึง เพราะว่า ไม่ได้หายใจอีกแล้วดูแล้วเหนื่อยแทน กว่าจะไล่ล่ากันเสร็จ ประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ ก็น่าเหนื่อยอยู่นะ ไม่รู้ว่าใช้เวลาถ่ายฉากนี้กี่ชั่วโมงกว่าจะได้ภาพขนาดนี้ออกมาให้ดูกัน มันส์มากๆ
เนื้อเรืองภาคนี้ พระเอกหน้าตานิ่งมาก เหมือนคนเก็บกด ไม่ค่อยพูดเล่นเหมือนภาคก่อนๆ ที่พระเอกจะค่อนข้างมีเสน่ห์แบบกรุ้มกริ่ม ภาคนี้ โหดกว่าทุกภาค ฆ่าคนเป็นผักปลา ถ้าลองเปรียบเทียบกับเจมส์บอนภาคก่อนๆ พระเอกจะมนิสัยน่ารักกว่านี้เยอะ ไม่รู้จะเครียดอะไรกันนักหนา หน้าตาเหมือนจะไปออกรบตลอดเวลา ใครที่อยากมาดูฉากเลิฟซีน เลิกฝันได้เลย เพราะไม่มี แทบไม่เห็นการจูบกันเลยด้วยซ้ำ มองแง่ดีก็ดี คือเด็กๆจะได้ไม่ใจแตก แต่งงว่า ทำไมเพิ่งคิดได้ บางตอนนึกว่าดูหนังอาร์อยู่
ผู้ร้ายเรื่องนี้ก็ยังคงคอนเซปของความชั่วช้าอยู่ เลวได้ใจ ก็ดีแล้วล่ะ เวลาดูจะได้เชียร์พระเอกอย่างไม่ต้องสงสารตัวโกง รู้สึกพระเอกทำด้วยความชอบธรรมแล้ว อะไรเงี้ย ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับตัวโกง นอกจากจะบอกว่า หาตัวโกงได้หน้าตา กวน ตี... ดีมากกกก นางเอกดำไปหน่อย หรือฝรั่งฮิทอย่างงี้ก็ไม่รู้
สรุปรวมๆแล้ว เราว่าหนังลงทุนดี แต่ดูเหมือนพยายามจะยัดเยียด ความมันส์ให้คนดูมากไปนิด รีบโหมเอาฉากมันส์ๆมาเทตอนแรกมากเกินไป น่าจะให้พักหายใจหายคอซักนิดแล้วค่อยโหมโรง นี่ตู้มต้าม ๆๆกันตั้งแต่แรกเลยมันก็ดีอย่หรอก แต่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยอ่ะ ผู้กำกับก็กำกับซะพระเอกเหมือนผู้ร้ายเข้าไปทุกที ไม่นิสัยน่ารักเหมือนภาคอื่นๆเลย ดูโหดๆยังไงก็ไม่รู้ ถ้ามาดูฉากบู๊ เราว่าเป็นรองแค่ จาพนม ( เฉพาะความมันส์นะ ) อย่างอื่น พวกระเบิดอะไรอย่างเงี้ย เราไม่ต้องคาดหวังอะไรก็ได้เห็นอยู่แล้ว เลยเฉยๆ รวมๆเราว่าหนังขาดสเน่ห์ของความเป็นเจมส์บอนอ่ะ เหมือนกับดูหนังอีกเรื่องไปเลย ไม่รู้เราจะโทษผู้กำกับ หรือ แดเนียล เครกดี เฮ้อรวมๆ เราให้ 8 นะ
เรื่องย่อ
​เนื้อ​เรื่อง​ในภาคนี้​เล่า​ถึง​เหตุ​การณ์หลังจากภาค Casino Royale ที่บอนด์ถูกหักหลัง​โดย​เวส​เปอร์หญิงสาวที่​เขาหลงรัก ​แล้วสายลับ 007 ​ผู้นี้​ก็ต่อสู้​ให้ภารกิจล่าสุดของ​เขานั้น​เป็น​การล้าง​แค้นส่วนตัว
​เพราะต้อง​การจะ​เปิด​โปง​ความจริง​ให้ปรากฏ บอนด์​และ​เอ็ม (จูดี้ ​เดนช์) ​ได้จัด​การสอบปากคำมร.​ไวท์ (​เจส​เปอร์ คริส​เทน​เซ่น) ​ทำ​ให้รู้ว่าองค์กรลับที่​แบล็ค​เมล์​เวส​เปอร์นั้นมี​ความซับซ้อน​ และอันตรายกว่าที่​ใครจะคาดคิด
ข้อมูลทางนิติ​เวช​เผยว่า​ผู้ทรยศ​ใน​เอ็ม​ไอ 6 มีบัญชีธนาคารอยู่​ใน​เฮติ ​และ​ความ​เข้า​ใจผิด​เกี่ยวกับบุคคลที่นั่น​ทำ​ให้บอนด์​ได้รู้จักสาวสวย ​แต่ร้ายกาจ นามว่าคามิล (​โอลกา คูรี​เลน​โก) หญิงสาว​ผู้ที่มี​แค้นส่วนตัว คามิล​ได้ชักนำบอนด์​ไป​ถึงตัว​โดมินิก กรีน (​แมทธิว อมัลริก) นักธุรกิจ​โฉด ​ผู้​เป็นตัว​การสำคัญ​ในองค์กรลับ​ในภารกิจที่พาบอนด์ตระ​เวนจากออส​เตร​ เลีย อิตาลี ​ไปจน​ถึง​แอฟริกา​ใต้ บอนด์พบว่ากรีนมี​แผนที่จะยึดครอง​ แหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของ​โลก ​และกำลัง​ทำข้อตกลงกับนายพล​เม​แดร​โน (​โจอาควิน คอซิ​โอ) ที่ถูก​เนร​เทศ กรีน​ใช้​เพื่อน​ในองค์กร ​และบีบบังคับสายที่อยู่​ในซี​ไอ​เอ​และรัฐบาลอังกฤษ​ เพื่อช่วยยึดครองลาตินอ​เมริกา ​เพื่อ​ให้นายพล​เม​แดร​โน​ได้กลับ​ไปครองประ​เทศอีกครั้ง​โดย​ แลกกับผืนดินที่ดู​ไม่มีค่าอะ​ไร ท่ามกลาง​การทรยศ ฆาตกรรม ​และ​การหลอกลวง บอนด์​ได้จับมือกับมิตร​เก่า​เพื่อ​เปิด​โปง​ความจริง ​และ​เมื่อ​เขา​เข้า​ใกล้บุคคลที่​เป็นตัว​การทรยศ​เวส​เปอร์ ​เขายิ่งต้องหาทางนำหน้า​ทั้งซี​ไอ​เอ ​ผู้ก่อ​การร้าย ​และ​แม้​แต่​เอ็ม ​เพื่อ​เผย​แผนชั่วร้ายของกรีน ​และหยุดยั้งองค์กรของ​เขา
Synopsis
Quantum of Solace continues the high octane adventures of James Bond (Daniel Craig) in Casino Royale.
Betrayed by Vesper, the woman he loved, 007 fights the urge to make his latest mission personal. Pursuing his determination to uncover the truth, Bond and M (Judi Dench) interrogate Mr. White (Jesper Christensen) who reveals the organization which blackmailed Vesper is far more complex and dangerous than anyone had imagined.
Forensic intelligence links an Mi6 traitor to a bank account in Haiti where a case of mistaken identity introduces Bond to the beautiful but feisty Camille (Olga Kurylenko), a woman who has her own vendetta. Camille leads Bond straight to Dominic Greene (Mathieu Amalric), a ruthless business man and major force within the mysterious organisation.
On a mission that leads him to Austria, Italy and South America, Bond discovers that Greene, conspiring to take total control of one of the world's most important natural resources, is forging a deal with the exiled General Medrano (Joaquin Cosio). Using his associates in the organisation, and manipulating his powerful contacts within the CIA and the British government, Greene promises to overthrow the existing regime in a Latin American country, giving the General control of the country in exchange for a seemingly barren piece of land.
In a minefield of treachery, murder and deceit, Bond allies with old friends in a battle to uncover the truth. As he gets closer to finding the man responsible for the betrayal of Vesper, 007 must keep one step ahead of the CIA, the terrorists and even M, to unravel Greene's sinister plan and stop his organisation.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink