ได้ตั๋วฟรีจาก CitiMvisa ไปดูหนังเรื่งอนี่เอสเอฟบางกะปิรอบทุ่ม เราไม่พลาดอยู่แล้วเพราะว่าเรากะโดเรมอนเป็นเพื่อนซี้กัน เราดูทุกภาคเลย 55555
คนล้นหลาม ไม่รู้มาจากไหนมองไปทิศไหนก็เจอแต่เด็กๆเต็มไปหมด น่ารักดี เราไปกิน Swensen เพื่อรอเวลาฉายรอบทุ่ม แต่ไม่กล้ากินเยอั เพราะเดี๋ยวจะกิน ข้าวโพดคั่วกับน้ำอัดลมที่เค้าแจกฟรีไม่ลง 555 พอใกล้จะทุ่มเราก็เอาคูปองไปแลก ปรากฎว่าวางแผนผิด เพราะมีคนเข้าคิวรอแลกเกือบสิบแถว แต่ไม่เป็นไร ด้วยความงก ทำให้หน้ามืด เราก็แลกมาจนสำเร็จ
หนังเข้าโรงตรงเวลาดี แม้จะดวุ่นวายไปหน่อย คราวนี้ไม่ยักมีให้เล่นเกมส์แฮะ แหมเสียดาบเราเลยอดเล่นเกมส์ได้ของฟรีเลย 5555 ไม่ป็นไรหรอก เราพูดเล่น แหมใครมันจะมีปัญญาเอาของฟรีมา

แจกได้ทุกบ่อยๆ
หนังฉายแล้ว คนแน่นโรงเลย เราไม่เห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว คนนั่งจนถึงแถวหน้าสุดของโรงหนังเลย เราอดจินตนการไม่ได้ว่า ถ้าเราโดนให้นั่งแถวหน้านี่เราจะทำไงเนี่ย คงดูไม่รู้เรื่องแน่ๆ เพราะภาพมันคงใหญ่มากๆ
หนังเปิดตัวปุ๊บ เราก็รู้สึกถึงความไม่คุ้นเคยกับตัวละคร คือเราว่ามันวาดแปลกๆอ่ะ วาดไม่สวยเหมือนในโทรทัศน์ หรือในหนังสือเลย เราพูดตรงๆว่าเราชอบแบบเดิมมากว่า โนบิตะ หน้าตาตลกมาก ที่สวยสุดน่าจะเป็นชิสึกะ
เนื้อเรื่องก็สนุกดีนะ แต่เชื่อมั๊ยตอนนี้เป็นตอนที่ยาวที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาเลยนะ เพราะว่าเราเข้าโรงตอนทุ่มนึง แต่หนังเลิกตอนทุ่มสิบ ปกติแล้ว หนังการ์ตูนจะประมาณ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง เนื้อเรื่งยาว มุขตลกเยอะ แต่แปลกอีกอย่างที่ภาคนี้ไม่ยักจะมี ฉากเศร้าหรือซึ้ง ไม่เหมือนภาคอื่นๆที่เคยดูมาจะต้องมีฉากพรากจากกันมาเป็นยาดำให้น้ำตาซึมเสมอๆ

เอาล่ะ ก็ของฟรี ดูเพลินๆไม่ต้องคิดมาก สรุปว่า ธรรมดา ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ถึงกับมาสนุก สังเกตจากเสียงหัวเราะของเด็กๆที่มีแทรกเป็นระยะๆ ก็ถิอว่าสอบผ่านไปได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ตอนที่เราชอบที่สุด อาจเป็นเพราะภาคนี้ จบห้วนไปหน่อย สรุปเลยไม่รู้ว่าตอนจบๆยังไงจบไปเฉยๆ ไม่รู้ว่า สุดท้ายได้กลับมาเปลี่ยนโลกมนุษย์อีกหรือเปล่า เราให้ 7 นะ ก็ถือว่าไม่เลว เท่าไหร่นะ หนังช่วงนี้หาดียากส์
เรื่องย่อวันหนึ่ง โนบิตะ (เมงุมิ โอโอฮาระ) ใช้ตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างซึ่งเป็นของวิเศษของ โดราเอมอน (วาซาบิ มิซุตะ) เปลี่ยนโลกให้เป็นโลกแห่งเวทมนตร์ ทุกคนจึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่โนบิตะกลับใช้เวทมนตร์ไม่ได้สักอย่าง โนบิตะต้องการให้โลกกลับเป็นเหมือนเดิม ทว่าแม่ของเขาเอาตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างไปทิ้งเสียแล้ว ต่อมา โดราเอมอน โนบิตะ และเพื่อนๆ ได้พบกับ มิโยโกะ (ซากิ ไอบุ) และได้รู้เกี่ยวกับแผนคุกคามโลกของเหล่าปีศาจ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับรูปปั้นประหลาดที่โดเรเอมอนและโนบิตะเคยเก็บได้ ตามที่ระบุในบันทึกโบราณ

พวกเขาต้องเดินทางไปยังแดนปีศาจ เพื่อกำจัดราชาปีศาจที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวาย โดยใช้ลูกดอกเงินแทงที่หัวใจ แต่แล้วมิโยโกะถูกฝ่ายศัตรูจับตัวไป โดราเอมอน โนบิตะ และเพื่อนๆ คิดจะใช้เครื่องย้อนเวลาพาพวกตนกลับไปยังอดีต แล้วใช้ตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างของ โดเรมี (จิอากิ ฟูจิโมโตะ) เปลี่ยนให้โลกเป็นเหมือนเดิม ทว่าหากทำเช่นนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมิโยโกะก็ยังจะดำเนินต่อไปในโลกคู่ขนานอยู่ดี พวกเขาจึงไม่มีทางเลือก ต้องมุ่งหน้าต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ในฐานะ 7 ผู้วิเศษ
Synopsis Nobita (Megumi Oohara) uses Doraemon's (Wasabi Mizuta) Moshimo-box to change the world to a place where the use of magic is possible. Everyone makes use of it on their daily lives, except for Nobita who isn't very good at conjuring spells. Frustrated, he plans on returning things to their past state, but his mother threw the Moshimo-box away. One day, Doraemon and his friends meet

Professor Mangetsu (Jun'ichi Komoto), who studies magic and magical beings such as goblins, and his daughter Miyoko (Saki Aibu), and are warned of the dangerous approximation of the "star of the Underworld" to the Earth's orbit. With the future of the planet at stake, the group must travel to the Underworld and pierce the heart of the Underworld King with a silver dart, as detailed in the ancient texts of "The Chronicles of the Underworld". Their attempts are, however, thwarted and Miyoko captured.
Doraemon and his friends then decided to use the Time Machine to return to the past, and use Dorami's (Chiaki Fujimoto) Moshimo-box to restore the Earth. The events on the Underworld continue, however, to take place in a Parallel Universe, where Miyoko is still captive. The group is once again forced to travel to the Underworld and defeat its tyrannical ruler once and for all.