Thursday, November 6, 2008,11/06/2008 05:00:00 AM
Coming Soon : โปรแกรมหน้า ...วิญญาณอาฆาต
ไม่ได้ไปดหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่ลงโรงวันแรก ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าอยากดูวันแรกเลย แต่ไม่เป็นไร ดูวันจันทร์ก็ไม่เป็นไร ดีซะอีก เพราะว่า วันจันทร์เรามาดูที่ EGV ลาดพร้าว ตั๋วถูกแค่ 80 บาทเอง แถมเรามีบัตร His&her ลดได้อีก 50 บาท เหลือแค่ 30 บาท แถมข้าวโพดคั่วอีกถุง คุ้มสุดๆ แต่วันนี้ ตอนตีตั๋ว รู้สึกว่ มีระบบดีกว่าคราวที่แล้ว คราวที่แล้วเวลาเรามาซื้อตั๋ว คนขายใช้กระดาษจดหมายเลขบัตรเรา แต่คราวนี้มีการคีย์เข้าเรื่องขายตั๋วด้วย แบบนี้ น่าจะควบคุมการใช้ส่วนลดได้ดีกว่าคราวแรก
เราตั้งใจเข้าโรงสายไป 25 นาทีเหมือนเดิมเพราะเรารู้จักนิสัย โรงหนังตระกูลนี้ดี แต่ปรากฎว่าคราวนี้ ผิดคาด เพราะพอเข้าโรงไปปุ๊บ ปรากฎว่า หนังเริ่มฉายแล้ว รายชื่อคนแสดงกำลังขึ้นพอดีเลย
เนื้อเรื่องหนังแปลกดีนะ เราเดาไม่ค่อยถูก เพราะ แนวนี้ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนเลย เนื้อเรื่องอ่านดูเอาจากข้างล่าง แต่ถ้าให้สรุปแกนหนังอีกที ก็คือว่า หนัวเรื่องนี้พูดถึงนักแสดงที่แสดงพลาดในการถ่ายทำหนังจนถึงกับตายจริง ทีนี้ยายผีนี่ก็ตามหลอกคนที่ดู ใครดูต้องตายว่างั้นเหอะ ฟังดูคล้ายๆหนังผีญี่ปุ่นเนอะ แต่เราว่าตื่นเต้นดีนะ ดูแล้วเหมือนเอาหนังหลายๆเรื่องมาผสมกัน อย่างตอนที่พระเอกแบกเป้ แต่ในกระจกแบกผีนี่ ก็เหมือนกับเรื่องชัตเตอร์กดติดวิญญาณ ตอนผีปากอ้าแหกถึงรูหูนี่ก็คล้ายหนังไทยเรื่อง บอดี้ศพ19 ตอนควักลูกตาก็คล้ายสี่แพร่ง จะว่าไปก็คล้ายทุกเรื่องแหละ 55555
ดูหนังเรื่องนี้ไปก็ผวาไป เพราะมีฉากน่าตกใจอยู่หลายฉาก ทำได้ดีเลยแหละ ( ตอนดูก็บอกตัวเองไปว่า ไหนว่าจะไม่ดูหนังผีแล้วไง เสียทั้งเงินเสียทั้งสุขภาพจิต ) จริงๆนี้ ดูเรื่องนี้แล้วไม่เสียดายเงินหรอก หนังทำดี ( ตั๋วถูกอีกต่างหาก ) แต่ดาราที่แสดง นอกจาก เต๋อแล้ว เราไม่รู้จักใครเลยซักคน ไม่รู้ว่าจะประหยัดค่าตัวดาราเอาไว้ทำ CG หรือเปล่า ตัวเดินเรื่อง มีสามตัวเอง คือ พระเอก นางเอก กับ ยัยผีหน้าลวกปากแหกนั่น ที่เหลือไม่มี หนังก็ดำเนินไปได้โดยไม่เดือดร้อนอะไร
อย่างที่บอกแหละว่าหนังทำได้ดี ตอนที่ควรตกใจก็ทำให้ตกใจกันได้ทั้งโรง ตอนที่น่าสงสารก็ทำได้ดี สรุปคือ โอเค กับหนังเรื่องนี้มาก ก็อยากตกใจ ก็ได้ตกใจสมใจนึกแล้วนี่
สรุป ชอบนะ เป็นหนังที่ดูแล้วน่ากลัวมากเรื่องนึงเลยแหละ แต่จะให้ซื้อเก็บไว้คงไม่ เพราะไม่นิยมซื้อหนังผีเก็บไว้ในบ้าน กลัวว่า วันดีคืนดี ผีจะออกมาจากแผ่น ขึ้เกียจไปตามอาจารย์มาปราบผี5555 ชอบแนวหนัง ที่แปลก เนื้อเรื่องไม่ซ้ำกับที่เคยดูเลย เดาไม่ถูกเลยว่าจะยังไงๆต่อ เลยทำให้ชวนติดตาม แค่จะให้ดูซ้ำอีกทีก็ไม่เอาเหมือนกัน เพราะขี้เกียจเสียสุขภาพจิตแล้วอ่ะ มันน่ากลัว พูดตรงๆ เอาเป็นว่าชอบ เรื่องนี้ เราให้ 8.4 นะ ที่หักคะแนนก็คือ ความน่าสนใจของตัวแสดงน้อยไปหน่อย มีเต๋อคนเดียวเอง เราอยากดูแบบ ดาราตรึมอ่ะ แบบนี้ไม่นิยม
เรื่องย่อ
เชน พนักงานฉายหนังรุ่นน้องตัดสินใจร่วมมือกับ ยอด หัวหน้าห้องฉายแอบซูมหนังผีเรื่อง "วิญญาณอาฆาต" ซึ่งทางผู้กำกับฯ กับทีมงานเอามาฉายดูกันเอง ก่อนที่หนังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จริง
ระหว่างที่ฉายหนัง เชนเผลอหลับไป เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเช้า ก็พบว่ายอดหายไปแล้ว มีเพียงกล้องวิดีโอตกอยู่ ในกล้องไม่มีภาพอะไรเลย นอกจากสัญญาณซ่า ๆ ว่างเปล่า เชนเครียดมาก เพราะนักเลงที่จ้างยอดขู่จะมาเอง "ของ" จากเชนให้ได้ เพราะตามหายอดไม่เจอ เชนจึงจำต้องแอบซูมหนังอีกครั้ง
คืนนั้น ขณะที่กำลังซูมหนัง เชนกระหน่ำโทรหายอดอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่มีคนรับ แล้วอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของยอดก็ดังขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในโรงมีเชนอยู่เพียงคนเดียว เชนพยายามมองหาที่มาของเสียง จนในที่สุด เชนก็พบว่า เสียงโทรศัพท์ของยอดดังออกมาจากลำโพงในโรงนั่นเอง ส่วนยอดก็กลายเป็นศพอยู่ในจอหนังไปแล้ว
เชน กลัวจนแทบจะเป็นบ้า แต่ก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร หลังจากคืนนั้น เหตุการณ์สยองขวัญต่าง ๆ เหมือนกับที่ตัวละครในหนังเรื่อง "วิญญาณอาฆาต" เผชิญรุมเร้าเข้าใส่เชน จนกระทั่ง "ส้ม" พนักงานเดินตั๋วที่เป็นแฟนเก่าของเชน เค้นจนได้รู้ความจริง ส้มบอกกับเชนว่าหนังผีเรื่องนี้สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในอดีต และ "ผีชบา" เคยมีตัวตนอยู่จริง ๆ
ทั้งคู่ตัดสินใจช่วยกันค้นหาคำตอบแข่งกับเวลาว่า ทำไมเหตุการณ์ในหนังผีเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับเชน ที่สำคัญพวกเขาจะหยุดมันอย่างไร ก่อนที่เชนจะต้องตายตอนจบเหมือนกับพระเอกในหนัง)
ผู้กำกับฯ
จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
จากฉายา “จิมมี่ เดอะ คาเพนเตอร์” ที่ทั้งรุ่นพี่และเพื่อนต่างเรียกขาน เพราะตอนเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬา ได้มีโอกาสเป็นคนทำฉากละครเวทีของคณะ ที่แลดูเจนจัด ชำนาญงานนัก จนผลงานโดดเด่น เข้าตา เป็นเพราะได้สั่งสมฝึกวิชาการเป็นช่างไม้มาจากคุณพ่อบังเกิดเกล้า ตั้งแต่ช่วงสมัยปิดเทอมม.ต้น ถึง ม.ปลาย เพราะคุณพ่อชอบทำและประดิษฐ์อะไรเอง หน้าที่ลูกมือเลยตกเป็นของ “จิม” อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะทำตู้ โต๊ะ ตั่ง เตียง ชั้นวางหนังสือ หรืออะไรก็ตามที่พ่อคิดค้นขึ้นมา เลยได้พื้นฐานการวัด ตัด ตอก เลื่อยตรงนี้มา เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในคณะเลยยกตำแหน่งหน้าที่การทำฉากให้ทุกสมัย เพราะเด็กนิเทศส่วนใหญ่จะไม่ถนัดการสร้างโครงต่างๆเท่าคณะสถาปัตย์อยู่แล้ว ฉายา“จิมมี่ เดอะคาเพนเตอร์” จึงได้มาด้วยเหตุฉะนี้แล
จากคนที่ชอบทำหนังสั้น และอยู่ในวงการหนังสั้นมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนเรียนจบ ถึงจบแล้วก็ยังคงเดิน หน้าทำต่ออีก เพราะรู้สึกรักและสนุกในการทำหนังสั้น ที่ได้คิดและสามารถนำความคิด ไอเดียต่างๆมานำเสนอ ถ่ายทอดเป็นภาพที่ดูได้จริงๆ และฝีไม้ลายมือก็เจ๋งเข้าขั้นได้รางวัลการันตีมามากมายทั้งไทยและเทศอีกต่างหาก จึงเป็นที่รู้จักในแวดวงคนทำหนังสั้นด้วยกันอย่างดี
จากคนสร้างสรรค์ คนเขียนบทหนัง “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” และ “แฝด” ที่ทำผู้คนหวาดผวากันมาแล้วทั้งประเทศ โดยน้อยคนนักที่จะรู้ว่า คนที่เห็นแวว แล้วชักนำเป็นป๋าดันเข้าสู่วงการการเขียนบทนั้นก็คือ ผู้กำกับฯหนังผีฝีมือฉมังอย่าง “โต้ง – บรรจง ปิสัญธนะกูล” ผู้กำกับฯชัตเตอร์ และแฝด ที่ได้ดูหนังสั้น และเกิดชื่นชอบในผลงานเขาเข้าอย่างจัง เลยชักชวนให้มาเขียนบทหนังทั้งสองเรื่อง แถมเป็นการดึงตัวให้มาเขียนบทหนังตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่จุฬาเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเรียกว่าป๋าโต้ง บรรจง เป็นแมวมองที่สายตาแหลมคม เห็นแววของหนุ่มคนนี้ และเลือกใช้ได้ถูกที่และถูกทางจริงๆ
และจากคนที่กลัวผีมากที่สุด กลัวจนขี้ขึ้นสมอง เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้า ก็มักวิ่งไปข้างหลังตั้งแต่จังหวะแรกที่รู้สึกแล้ว เรียกว่าผียังไม่ทันตั้งตัวหลอก เป้าหมายก็หายเข้ากลีบเมฆไปซะแล้ว ยิ่งถ้ามีการจัดอันดับคนกลัวผีเป็นบ้าเป็นหลังมากที่สุด ขอรับรองว่า “จิม” ต้องติดอันดับท็อป 5 ของโลกแน่ๆ หรือบางทีอาจได้ครองตำ แหน่งมือ 1 ของโลกเลยก็ได้ แต่เหมือนยิ่งกลัว ก็ยิ่งอยากรู้ อยากดู และอยากเห็น การดูหนังผีจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตใจไปแล้ว และด้วยเพราะครอบครัวที่ชอบดูหนังผีกันทั้งบ้านตั้งแต่เด็กๆ “จิม” เลยติด และโตมากับหนังผีเสมอๆ และหนังผีที่จัดว่าน่ากลัวที่สุดถือเป็นภาพจำฝังใจตั้งแต่วัยเด็กคือหนังเรื่อง “เฟรดดี้คูเกอร์” ที่ดูกี่ครั้งก็จะไม่กล้าลงมาเข้าห้องน้ำที่บ้าน เพราะกลัวว่าจะลงมาเจอไอ้ตัวผีที่อยู่ในเรื่อง นี่คือสิ่งที่ “จิม” ยืดอกยอมรับเลยว่าสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือตั้งแต่วินาทีแรกที่ดูหนังผีแต่ละเรื่องจบต่างหากที่ทั้งหลอน ทั้งเย็นวาบและขนหัวลุกที่สุด
สู่การทำหนังใหญ่ หนังผีๆ เฮี้ยนๆ และเรื่องหลอนๆที่เค้ากลัวที่สุดในชีวิต เพราะไอเดียดันเกิดเลยเถิด คิดบรรเจิดต่อว่า ถ้ามีผีในหนังมันตามเราไปจริงๆจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น !? แล้วโอกาสก็มาถึง ทันทีที่เขียนบทแฝดใกล้จบ ก็ลงมือเขียนบทหนังเรื่องนี้ทันที โดยใช้เวลาปีครึ่งในการกลั่นกรองไอเดียและประสบการณ์รวมฮิตหนังผีที่อัดแน่นอยู่เต็มหัว บวกกับใช้ความขี้กลัวของตัวเองมาเป็นบรรทัดฐาน ประมาณว่าถ้าตัวเองกลัวอะไรก็จะใส่อันนั้นเข้าไปในหนังด้วย โดยได้ผู้ ช่วยเขียนบทกิตติมศักดิ์มาร่วมเสริมเติมแต่งในรายละเอียดเพิ่มความน่ากลัวด้วยอย่าง “โต้ง บรรจง” และ “โอ๋ ภาคภูมิ” ผู้กำกับชัตเตอร์ ฯ และ แฝด, ”โขม ก้องเกียรติ” ผู้เขียนบทลองของ และ “อมราพร” มือรางวัลคนเขียนบทประจำจีทีเอช
แต่กว่าจะสรุปลงตัวมาเป็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ ต้องเขียนเรื่องปาเข้าไปกว่า 20 โครงเรื่อง โดยมีคอนเซ็ปต์เดิม แต่ตัว
ละครหรือสิ่งที่เจอ ต้นสายปลายเหตุของเรื่องจะคิดไว้แตกต่างกันไป จะว่าไปก็สามารถนำไปทำหนังเรื่องอื่นๆได้อีกหลายเรื่องเลยทีเดียว ที่เขียนได้เยอะอาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนเขียนบทชัตเตอร์ฯ “จิม”โดนอัดให้ดูหนังผีเป็นตั้งๆ เรียกว่าดูจนชิน ดูจนรู้จังหวะว่าผีจะออกมาตอนไหน เลยคิดว่าน่าจะมีส่วนส่งผลให้มีไอเดียมาแตกความคิดออกได้มากมายอย่างนี้
ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือมันเป็นหนัง “4 มิติ” เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงหนัง และตัวละครก็เป็นคนดูที่เข้ามาดูในโรงหนังด้วย เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นประสบการณ์ตรงที่เกี่ยวพันและเกี่ยวข้องกับคนดูที่มาดูหนังจริงๆโดยตรง ทำให้รู้สึกอินและใกล้กับคนดูมากเหมือนได้ไปนั่งอยู่ในที่จริง สถานที่เกิดเหตุจริงๆ ทุกอย่างที่ตัวละครทำมันเหมือนกับที่คนดูทำ อย่างถ้าตัวละครดูหนังเสร็จแล้วกลับบ้าน คนดูก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความหลอน เพิ่มความเสียวให้กับคนดูได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ดูแผ่นผีไม่ได้ ต้องดูในโรงหนังเท่านั้นถึงจะได้ฟิล
มาถึงลุคของผีในหนัง เรียกว่าเป็นไอเดียของผู้กำกับที่มาจากภาพฝังใจตอนเด็กๆ คือตั้งแต่ตอนอยู่ป.3 ที่มีข่าวรถแก๊สระเบิดบนถนนเพชรบุรี แล้วเป็นภาพข่าวบนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เป็นภาพคนเดินบนถนนเพชรบุรีโดยที่ผิวหนังลอก ตัวถลอกปอกเปิดทั้งตัว ผมก็ถูกไหม้จนเห็นหนังหัว เหมือนโดนไฟคลอกแบบสดๆมาเดินอยู่กลางถนน มันกลายเป็นภาพจำที่น่ากลัวแล้วติดตามาจนถึงทุกวันนี้ เลยอยากสร้างคาแร็คเตอร์ให้ผีในเรื่องนี้โดนไฟคลอกเหมือนอย่างที่เราเคยกลัว เพราะผู้กำกับตั้งปณิธานไว้ว่าอยากทำให้คนอื่นเค้ากลัวบ้าง เพราะไม่อยากกลัวคนเดียว อยากให้คนดูได้รู้สึกว่าถ้าได้เจอผีในสภาพนี้ที่ไหนยอมตายดีกว่า อย่ามาหลอกกันเลย ซึ่งลุคผีที่ได้มาก็ถูกใจมากเพราะเรียกว่าตรงและชัดเจนกับภาพในหัวของผู้กำกับอย่างมาก
แต่เรื่องที่ถือว่ายากที่สุดคงเป็นการกำกับจังหวะกลัวในหนังมากกว่า เพราะไม่มีสูตรตายตัว ถ้าผิดจังหวะนิดเดียวคนดูก็จะไม่กลัวแล้ว คือหนังผีบางเรื่องก็อาศัยเสียงดังๆทำให้เราตกใจ แต่หนังเรื่องนี้จะไม่เน้นแบบนั้น แต่จะเน้นเป็นเรื่องของบรรยากาศของหนังและสถานการณ์ที่ตัวละครต้องเจอมากกว่า หรือเป็นจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัว คือสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอก็ได้เจอ แต่ก็จะมีการหักมุมชนิดคาดไม่ถึงอะไรบางอย่าง เพื่อให้คนดูได้คลายเครียดไปด้วย
เป็นเพราะผู้กำกับต้องการให้คนที่เข้ามาดูหนังเรื่องนี้เหมือนการได้เข้าไปเผชิญใน “บ้านผีสิง” เพราะเชื่อว่าการทำหนังผีก็เพื่อต้องการให้คนดูได้สนุกไปกับการกลัว ฉะนั้นการดูหนังผีเรื่องนี้จึงอยากให้เหมือนการได้เข้าบ้านผีสิง ที่แม้เข้าไปหลับตาเพียงอย่างเดียว แต่พอออกมาก็จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกว่าเลือดได้สูบฉีดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทั้งตื่นเต้น สนุกและฟินไม่แพ้กัน มันเหมือนเป็นเครื่องเล่นชิ้นหนึ่งที่คาดหวังให้คนดูเข้ามาแล้วสนุกกับมัน ได้ซึมซับความกลัวและได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ แม้คนส่วนใหญ่จะชอบคิดว่าถ้ากลัวผีก็จะไม่ดูหนังผี แต่ “จิม” กลับเชื่อว่าจริงๆแล้วในชีวิตคนเราต้องการอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย อย่างความรู้สึกที่ได้กลัว ก็เป็นความรู้สึกหนึ่งที่ต้องการในชีวิตเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องการไปกลัวในที่จริง ในเหตุการณ์จริงขนาดนั้น คือขอแค่ได้มารู้สึกกลัวในรูปแบบของหนังก็เหมือนเป็นการเติมเต็มความรู้สึกอีกด้านหนึ่งของชีวิตแล้ว
มาถึงเรื่องของนักแสดงนำอย่าง “เต๋อ” เพราะเป็นรุ่นน้องที่คณะนิเทศ จุฬากันมา ผู้กำกับเลยได้เห็นความสามารถกันอยู่แล้ว เห็นว่าเบสิคการแสดงดี แล้วก็เล่นละครเวทีมาก่อน เลยเรียกมาแคส ซึ่งหลังจากที่แคสมาก็รู้สึกว่า “เต๋อ” เล่นได้ ถ้าได้มาปรับก็น่าจะสามารถเล่นเข้ากับบทได้ดี และก็อยากให้เล่นอะไรที่แตกต่างจากที่เคยเล่นมาด้วย สำหรับ “พั้นช์” จริงๆแล้วทางผู้ใหญ่เสนออยากให้ลองมาแคส แต่พอเสนอมาปุ๊ปก็เรียกว่าใช่เลย ตรงเลย เพราะลุคการเป็นนักร้องของพั้นช์ก็เป็นลุคของผู้หญิงตาดำๆ ที่จับต้องได้เป็นผู้หญิงที่มีความน่ารัก อบอุ่น แต่เข้มแข็ง ซึ่งตรงกับคาแร็คเตอร์ในเรื่องที่เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ต้องดูแล้วน่ารักมากด้วย ซึ่งคาแร็คเตอร์ของพั้นช์และบทก็ดูเข้ากันได้อย่างดี
แต่ใครจะรู้บ้างว่า ภายใต้ประสบการณ์และความคิดที่อัดแน่นด้วยเรื่องผีๆอยู่ทุกอณูผิวหนังของผู้กำกับฯนั้น จะมีความอยากที่จะทำหนังรักโรแมนติก แต่เป็นเพราะเชื่อว่าการที่จะทำหนังแต่ละประเภทออกมา ถ้ามันจะดีได้ต้องมีพื้นฐานอะไรบางอย่าง ความเป็นส่วนตัวของผู้กำกับที่เอามาใส่ในหนังมันถึงจะดี เพราะอยากทำหนังที่ไม่ใช่แค่รับจ้างมากำกับเท่านั้น แต่อยากทำหนังที่ได้เล่าอะไรบางอย่างจากตัวตนของเรา ซึ่งผู้กำกับก็สารภาพว่าถ้าเป็นหนังรักคงต้องรอบ่มเพาะทั้งประ สบการณ์และความรู้สึกอีกซักหน่อย แต่สำหรับเค้าแล้วการเลือกทำหนังผี ก็เพราะเค้ามีวัตถุดิบมากพอ ที่อยากจะให้ทุกคนมาช่วยกันกลัวไปกับเค้าด้วย
นับว่าการได้มาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องแรกในชีวิตค่อนข้างกดดัน เป็นเพราะคงคาดหวังกับตัวเองไว้สูง แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องดีกว่าใคร เพียงแต่คาดหวังว่าจะทำให้ดีที่สุด และอยากให้หนังออกมาอย่างดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งผู้กำกับ“จิม” เอาหัวเป็นประกันว่า “โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต” จะทำให้คนดูได้สนุกและเมามันไปกับการกลัว เหมือนกับ “บ้านผีสิง” ที่เรารู้ว่ามันน่ากลัว แต่เราก็พร้อมที่จะเข้าไปดู เข้าไปให้ได้สนุกกับการกลัวอย่างเต็มที่ !
Synopsis:
"What kind of scenes in a horror film scares you the most? When a ghost appears totally unexpectedly? When the main character does not see the ghost sneaking up behind him? When at the very end you find out that the main character was actually a ghost all along? But none of this compares to the feeling of arriving home alone and suddenly being stuck by a feeling of dj vu that you are reenacting the very same scenes in the horror movie you just saw! This movie will scare you from the second you step inside the movie theatre. It will get you thinking if Something or Someone might be waiting for you to let your guard down. The horror movie that you just saw is about to happen to you in real life! Coming Soon."
First trailer time for Thai horror Coming Soon and its looking pretty good so far. The flick is directed by Sophon Sakdaphisit (who wrote the hit Thai horror 'Shutter') so we'd expect nothing less than good. Here's hoping someone releases it with English subtitles soon, because this has "another promising asian horror movie, soon to get a hugely average Hollywood remake," written all over it. Coming Soon opens in Thailand, October 30th.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink