
ก่อนไปดูหนังเรื่องนี้ นึกไว้ในใจว่า สงสัยต้องเป็นหนังไทยน้ำเน่าแหงๆเลย โรงฉายก็น้อย ฉายที่ SFW ที่ ZEN แล้วก็ที่ Paragon กับที่ Major รัชโยธิน กับที่ไหนอีกสักแห่ง จำไม่ได้แล้ว
เลือกไปดูที่เมเจอร์รัชโยธิน ถึงแม้จะอยู่ไกลบ้าน แต่เป็นโรงที่ใกล้ที่สุดแล้ว เดินทางก็สะดวก แค่นั่งรถเมล์สาย 126 หรือ 178 ก็ถึงแล้ว ส.บ.ม. ค่ารถเมล์ก็แค่ 7 บาทเอง ( สาธุ อย่าเพิ่งขึ้นค่ารถเมล์ช่วงนี้เลย เห็นราคาสินค้าขึ้นเอาๆแล้วใจหาย )
ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเช็คจากอินเตอร์เน็ตแล้ว เจอว่า รอบแรกเลย คือ รอบ 10.45 น. ดังนั้น ถ้าออกจากบ้านซัก 9.30 จะไปถึงรงหนังตอน 10.30 โดยประมาณ ตีตั๋วเสร็จก็เดินไปซื้อขนม แล้วก็หาอะไรกินที่ Tops เกษตร ก็ได้ เดินไป 5 นาทีก็ถึง เห็นมั๊ยล่ะ ว่า ขนาดดูหนังแค่เรื่องเดีญว วางแผนอย่างกับจะไปออกรบ 5555
วันนี้ รถไม่ติดเลย ที่จริงก็ไม่ติดมาหลายวันแล้วล่ะ ก็น้ำมันแพง 5 ลิตร 200 แบบนี้ ใครเล่า จะอยากขับรถอกจากบ้าน ขนาดเราซึ่งเป็นไฮโซ ยังหนีมาแย่งคนจนขึ้นรถเมล์เลยนะเนี่ย 5555 แต่ยังไงก็ตามก็มาถึงโรงหนังเกือบ 10.30 อยู่ดี ขนาดไม่ค่อยมีรถนะ ช่างมันเหอะ ถึงโรงหนังโดยปลอดภัยก็โอเคแล้ว

เรารีบจ้ำพรวดเดียวก็ถึงเคาเตอร์ตีตั๋ว คงจะเดาละสิว่า วันนี้ เราจะใช้ตั๋วฟรีหรือเปล่า นี่ ใครมันจะมีตั๋วฟรีได้ทุกเรื่อง เรื่องนี้ เรายอมเสียตังค์ซื้อตั๋วเลยนะ ใจจริงตอนแรกเราว่าจะตีตั๋วทีเดียว 2 เรื่องเลย อ้าว ก็วันนี้ มีอีกเรื่องเข้า เป็นแนวเขย่าขวัญ ชื่อเรื่อง Pathology แต่คิดไปคิดมาอย่าเพิ่งเลย ซื้อตั๋วทีละเรื่องดีกว่า เผื่อดูเรื่องนี้แล้วเซ็ง จะได้กลับบ้านเลย ไม่ต้องเสียตังค์ดูอีกเรื่อง ตีตั๋วเสร็จ พนักงานสุดสวย ก็ให้บัตรสะสมแต้มเรามาอีกใบนึง นึกในใจว่า เฮ้ย ใบเก่า ยังสะสมม่เต็มเลย นี่ให้มาอีกใบแล้วเหรอเนี่ย แถมยังเปลี่ยน สติกเกอร์ เป็นแบบใหม่อีก แล้ว มันจะสะสมรวมกับของเก่าได้มั๊ยเนี่ย เรานึกในใจ

แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะว่า คงไม่มีปัญญาสะสมเยอะแยะขนาดนั้นหรอก อีกอย่าง ตอนนี้ เรามีตั๋วฟรี โรง SF ตรึมเลย เรากะว่า เราจะเปลี่ยนไปดู SF ชั่วคราวก่อนล่ะ ต้องบริหารตั๋วให้ดีๆ เราจะได้มีตังค์กินข้าวอร่อยๆ หลายๆมื้อหน่อย 5555
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนหมดเลย กินข้าวแกงก็แล้ว เดินซื้อขนมฝอยทองที่ Tops 2 แพ็ค 30 บาทเอง ตกชิ้นละ บาทเดียว เป็นฝอยทองกรอบ ของโปรดของเรา เราแอบเอาเข้าโรงหนังไปกินด้วย เผื่อตอนกลางเรื่องหิว จะได้มีอะไรกินระหว่างดู 55555
อ้อ กลับมาจากซื้อขนม เราแอบเดินแวะเข้า Mc แป๊บนึง ไปเอา Daily Express มาอ่าน สายตาเราไปเจอกับ M-Cine เล่มใหม่ด้วย แอบมองไปที่วันที่ เขียนไว้ว่า เดือน พฤษภาคม อ้าว แต่ตอนนี้มันเป็นเดือน มิถุนายน แล้วนะ อย่างนี้ ตกลงมันออกช้าเป็นเดือนเลยหรอวะ ( เรานึกในใจ หน้าปก เป็นรูป อินเดียน่า โจนส์

จริงๆ มันไม่น่าออกช้าขนาดนี้นี่นา) เออ เออ ช่างมันเหอะ เอาติดมาเล่มนึงด้วย มองถัดไปอีกนิด เราก็เจอ BK อีก เราก็เอาติดมาด้วยอีก 5 เล่ม ( เค้าแจกฟรีอยู่แล้ว เราจะเอาไปฝากเพื่อนๆน่ะ ไม่ได้เอาไปใช้แทนกระดาษหนังสือพิมพ์หรอกน่า ไม่ต้องห่วง ) เบ็ดเสร็จ เราเลยได้หนังสือเต็มกระเป๋าเลย มีทั้ง Daily Express , M-cine , BK อีก 55555 สมใจเราเลย ของโปรดเราทั้งน้าน ใกล้เวลาฉายแล้ว เรารีบเข้าโรงก่อนดีกว่า วันนี้คึกอยากดู โฆษณา
ได้ดูโฆษณาสมใจเลย เห็นหนังน่าดู หลายเรื่องเลยแหละ มีเรื่องนึง ที่เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่พูดถึง พระนาง แอนโบลีน จริงๆแล้วเราเคยอ่านประวัติมาก่อนแล้ว เมื่อซัก

นานมาแล้วล่ะ นานจริงๆ ตอนเราเด็กๆเลย อ่านต่วยตูนพิเศษ ( ตอนนั้น เราบ้าต่วยตูนพิเศษมากๆ อ่านแล้วอ่านอีก ทุกตัวอักษรเลย ตั้ง จินตวีร์ วิวัฒน์ ยังเขียนอยู่ จนเธอ ตายไปแล้ว เราก็ยังอ่าน เราถึงได้ บ๊องส์ๆ มาจนทุกวันนี้ไง 55555 )
หนังเปิดฉากขึ้นมา เราก็งงแล้ว ทำไม บริษัทที่สร้างหนังเรื่องนี้ เราไม่คุ้นชื่อเลย ดุไปซักพัก ถึงได้รู้ว่า เป็นหนังสิงคโปร์ มิน่า พูดภาษาอังกฤษ ปนจีนทั้งเรื่อง เราฟังได้ไม่ขัดเขิน เพราะเราพอฟังออกทั้งสองภาษา ฟังง่าย สำเนียงเอเชียแบบนี้ ถ้าคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ อาจจะชอบ เพราะใช้คำศัพท์ไม่ยากเลย
อยากบอกว่า ถ้าใครชอบหนังรักโรแมนติก ไม่ควรพลาด

หนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื้อเรื่องพูดถึง หญิงสาวคนนึงที่บังเอิญได้ไปเจอกับชายต่างถิ่นคนนึง ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ( ปี อธิกสุรทิน ซึ่งเป็นความหมายของชื่อหนังเรื่องนี้ ) แล้วก็เป็นวันเกิดของเธอด้วย ทั้งคู่ต่างสัญญาว่า จะกลับมาเจอกันที่เก่าเวลาเดิมทุกวันที่ 29 กพ. ฟังดูน้ำเน่าดีมั๊ยล่ะ อย่างไงก็ช่าง เอาเป็นว่า อย่าคิดมาก ดูเอาเพลินๆก็แล้วกัน ก็นะ หนังก็แสดงให้เห็นพัฒนาการของความรักของคนทั้งสอง ซึ่งทั้งคู่เล่นได้ดีมากๆ ดาราผู้หญิงที่เล่น ไม่สวยเลย แต่ดูเก๋ มีเสน่ห์มากๆ ส่วนอนันดา ก็เล่นดีอยู่แล้ว นึกไม่ถึงนะว่า อนันดา จะพูด ภาษาอังกฤษเก่งขนาดนี้ ทั้งเรื่องไม่มีภาษาไทยแพลมออกมาซักกะแอะเลย
เรามีฉากที่ประทับใจหลายฉากนะ ฉากแรกก็ตอนที่ อนันดา ตอบรับนัดนางเอก โดยการ

เขียนคำว่า OK ที่ฝ่ามือแล้วออกมาเดินกลางถนน ฉากนี้ โดนมากๆ ว่าจะจำเอาไปใช้กับกิ๊ก ซักหน่อยย 555 อีกฉากก็ตอนที่ อนันดาขึ้นไปบนตึก แล้วโปรยจดหมายที่เขียนถึงนางเอกลงมาจากตึก ลงมา ฉากนี้ก็โดน แต่ไม่เท่า ฉากแรก แต่เราสงสัยอย่างนึง คือหนังเรื่องนี้ ถ่ายทำในสิงคโปร์ แต่ฉากที่ถ่ายมาประเทศเค้าดูน่าอยู่มากเลย คนน้อย ( แต่ที่เราเคยไปนี่ เราว่า คนเค้าเยอะนะ เลยสงสัยว่า เวลาถ่ายทำเค้าต้องกันคนออกแน่ๆ แล้วทำไมต้องกันคนออก จะหลอกคนดูหรือยังไง ว่า ประเทศตัวเองสวยน่าเที่ยว งั้นสิ ของจริงไม่เห็นเป็นแบบนั้นซักหน่อยเลย งง มีบริเวณที่คนน้อยด้วยหรือเนี่ย )

สรุป เราว่า ถ้าใครชอบหนังโรแมนกะติก น่าจะชอบเรื่องนี้ เราเองไม่ได้เป็นคนโรแมนกะติกเท่าไหร่ เรายังชอบเลย มีฉากซึ้งหลายฉากมากๆ ฉากนางเอกใส่ชุดเจ้าสาวนั่งตากฝนรอพระเอก ก็ซึ้ง ปีนี้ ถือได้ว่า เป็นปีทองของหนังเอเชียในบ้านเราเลยนะเนี่ย ดูกี่เรื่องกี่เรื่องก็โดนไปหมดเลย เราให้ 9/10 ไปเลย นึกแล้วก็อยากซื้อ ดีวีดี เก็บไว้เหมือนกันแหละ
หยุดหัวใจไว้รอเธอ(The Leap Years) จาก www.movieseer.com
สร้างจากเรื่องสั้นของนักเขียนชื่อดัง แคทเธอรีน ลิม เรื่องราวของ ลิแอน สาวชาวสิงคโปร์ ผู้ได้พบคนพิเศษในวันที่ 29 เดือนกุมภาพันธ์ เธอตัดสินใจเอาสัญชาตญาณไปยึดไว้กับ ปีก้าวกระโดดจากประเพณีไอริสที่ว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนปฎิเสธการขอร้องจากหญิงสาว และเธอได้ชวนเขาออกเดท ทั้งสองได้เริ่มต้นการเดินทางที่หวานซึ้งด้วยกันที่ยาวนานถึง 12 ปี แต่ได้พบกันแค่ 3 ครั้งใน 12 ปี

ลิงค์หนังตัวอย่าง : http://www.mediacorpraintree.com/tly/
นักแสดงนำ : อนันดา เอเวอริ่งแฮม,หว่องหลี่หลิน,โจน เชน,เจสัน
เรื่องย่อ จาก www.bkkonline.com/
“The Leap Years” สร้างจากนิยายรักเรื่อง “Leap of Love” ของนักเขียนชาวสิงคโปร์ชื่อดัง แคทเธอรีน ลิม ที่เล่าเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ในปีอธิกสุรทิน ของคู่รักคู่หนึ่งที่ต้องผ่านเรื่องราวมากมายตลอดช่วงเวลา 24 ปี
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ปีนี้ เป็นวันเกิดครบรอบ 48 ปีของ ลีแอน จาง (โจน เชน) นักเขียนนิยายรักสาวใหญ่ผู้เชื่อมั่นในรักแท้ เธอไปเยี่ยม เจเรมี่ สามีที่นอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่า 6 เดือน ขณะที่ ดีแลน ลูกสาววัยรุ่นของเธอก็ห่างเหินออกไปทุกที จากความไม่เข้าใจกัน

ลีแอนสวดมนต์อ้อนวอนขอปาฏิหาริย์ให้สามีหายป่วย เพราะเธอยังเชื่อมั่นในคำสัญญาที่เจเรมี่ให้ไว้เมื่อ 24 ปีก่อนว่าเขาจะกลับมาหาเธอทุกๆวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ขณะมองดูเจเรมี่ในสภาพโคม่า ความทรงจำแสนหวานในวันเก่าก็กลับมา
ในวันเกิดครบรอบ 12 ปีของลีแอน เพื่อนรัก 3 คนของเธอยุให้ไปดูดวงเรื่องความรักว่าคู่แท้ของเธอคือใคร คำทำนายอันลึกลับทำให้สาวน้อยลีแอนเริ่มตามหาชายหนุ่มผู้เป็นคู่แท้ตั้งแต่นั้นมา
ลีแอนเติบโตมาเป็นครูสอนวรรณคดีผู้โรแมนติคและเพ้อฝัน เธอเชื่อมั่นว่า “ผู้ชายในชุดสีฟ้า” ที่เห็นรางๆในความฝันนั้นคือคู่แท้ที่จะมาเติมเต็มวิญญาณอีกครึ่งหนึ่ง และในวันเกิดครบรอบ 24 ปี ลีแอนก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตที่เหลือของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นั่นคือ เธอได้พบกับ เจเรมี่ (อนันดา เอเวอริ่งแฮม)
ลีแอนสะดุดตาเจเรมี่ที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟในชุดเสื้อสีฟ้า เธอถือโอกาสปฏิบัติตามความเชื่อไอริชที่อนุญาตให้ผู้หญิงขอผู้ชายออกเดทในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ โดยเขียนกลอนชวนเจเรมี่

ออกเดทและบอกให้เขาส่งสัญญาณให้รู้ถ้าเชาตกลง ซึ่งลีแอนแทบจะตัวปลิวเมื่อเจเรมี่ใช้ลิปสติกเขียนคำว่า “โอเค” บนฝ่ามือ แล้วโบกให้สัญญาณกับเธอ
เดทแรกของพวกเขาที่ไชน่าทาวน์งดงามและตราตรึง ด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างคนแปลกหน้าและคู่แท้ ทั้งคู่ได้สานสัมพันธ์อันแปลกประหลาดและแน่นแฟ้น ที่วนเวียนอยู่ในใจพวกเขาตลอดระยะเวลาหลายปี
อย่างไรก็ตาม เส้นทางแห่งรักแท้ย่อมไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เจเรมี่คือหนุ่มสัญชาติจีนที่อาศัยอยู่ในแคนาดา และต้องบินกลับบ้านในคืนนั้น เขาให้คำมั่นสัญญากับลีแอนว่าจะมาพบเธอทุกๆวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่เก่า เวลาเดิม ซึ่งหมายความว่าแต่นี้ไปพวกเขาจะได้พบกันเพียง 4 ปีต่อ 1 ครั้งเท่านั้น
หลายปีผ่านไป เจเรมี่ยึดมั่นในคำสัญญาราวกับหมกมุ่น แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้ทั้งคู่ไม่ได้พบกัน เมื่อถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ หัวใจของลีแอนจะพองโตด้วยความหวัง แต่เธอก็ต้องกลับมาพร้อมความผิดหวังทุกครั้งไป หลังจากผิดหวังหลายครั้งจนท้อ ลีแอนก็ตัดสินใจฝังอดีตแสนหวานและ

ตกลงแต่งงานกับ เรย์มอนด์ (เจสัน ชาน) ชายหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตเธอช่วง 4 ปีหลังสุด
สุดท้าย ในงานแต่งงานของลีแอนที่จัดขึ้นวันที่ 29 กุมภาพันธ์ โชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้ง เมื่อลีแอนได้รับจดหมายรักจากเจเรมี่ ฉบับเดียวที่ถึงมือเธอในรอบหลายปี หรือจดหมายฉบับนี้จะเป็นกุญไขความรักอันทรมานของพวกเขา? อดีตจะเยียวยาปัจจุบันของแม่ลูกคู่นี้ได้หรือไม่? เจเรมี่จะฟื้นขึ้นมาพบลีแอนตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับลีแอนหรือเปล่า? หาคำตอบได้ในภาพยนตร์รักสุดซึ้ง “The Leap Years
Synopsis from :
http://filmasia.blogspot.com/ Based on a novella by acclaimed writer Catherine Lim, the story is about Li Ann (Wong Li Lin/ Joan Chen), a young Singaporean girl who meets her 'special someone' on 29 February. She decides to base her intuition on an Irish leap year tradition that no man will refuse any request of a lady and invites him out for a date. Together, they embark on a romantic journey that spans over 12 years, meeting only thrice in 12 years, on the leap year.
Labels: Asian Movie, Romance, อนันดา