
วันนี้ ดูหนังสองเรื่องเพราะอาทิตย์นี้มีหนังเข้าแค่นี้ ( แอบดีใจ ไม่เปลืองตังค์) เห็นหนังตัวอย่างแล้ว ปะทับใจเพลงที่เอามาประกอบ เพลง กอดฉันไว้ ฟังแล้วน้ำตาซึมไม่รู้ตัว ยิ่งพอได้เห็นบทสัมภาษณ์ในรายการทีวีแล้ว ก็ยิ่งอยากดู เห็นเอาดาราเด็กใหม่ๆมาเล่นตรึม ทั้งเรื่องเราไม่รู้จักใครซักคน อ้อ รู้จักคนเดียว คือคนที่เล่นเป็นครูผู้ชายที่ป็นตัวเอกในเรื่อง ที่เล่นได้อารมณืพอใช้เลยแหละ
หนังแนวนี้ ไม่ค่อยได้เห็นเลยในช่วงห้าปีหลังเนี่ย นึกไม่ออกว่ามีหนังแนวนี้ในยุคนี้ด้วย แต่ถ้าเป็นแนวด็กติดยาเสพติดเท่าที่นึกออกก็มี น้ำพุ เสียดาย ก็ถือว่าเป็นหนังน้ำดี อีกเรื่องที่กล้ามากๆที่ยอมฉีกตัวออกมาทำหนังแนวนี้ ในขณะที่ชาวบ้านเค้าไปเล่นหนังตลก กับ แอคชั่นกัน แต่ผู้กำกับก็ลดความเสี่ยงโดยการเอาดาราโนเนมมาแสดง ก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้โขเลย แล้วก็ดาราเด็กแต่ละคนนี่เห็นเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่ฝีไม้ลายมือก็พอไปวัดไปวากะเค้าได้เหมือนกันนะ
ดูแล้วก็อินนะ คิดถึงเพื่อนๆสมัยเรียน ม ปลายเหมือนกัน ชีวิตเราก็คล้ายๆกับเด็กในเรื่องนั่นแหละ หนีเรียนมั่งอะไรมั่งไปตามประสา แต่ไม่ถึงกับติดยาเท่านั้นเอง พอครึ่งหลังของหนัง เนื้อเรื่องเริ่มหนักขึ้น น้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมาทีละนิด แต่ไม่ได้ฟูมฟาย แต่มันทะยอยไหลไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง อารมณ์มันทั้งเศร้าและซึ้งระคนกัน สลับไปมา สงสารตัวละครด้วย ก็มี ปนเปกันไป
.jpg)
หมด ก็ถือว่า พอใช้ได้กับการกดดันอารมณ์คนดูได้พอสมควร ( เอาตัวเองเป็นเกณฑ์ )
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ นอกจากเพลงประกอบแล้ว เราก็ชอบการเดินเรื่องที่ค่อยๆบอกคนดูว่า อะไรเป็นอะไร การเล่าชีวิตของตัวละครแต่ละตัวที่ตรงไปตรงมา ( มีตั้งเจ็ดคนเจ็ดปัญหา ) ไม่เยิ่นเย้อ เข้าใจง่าย ดาราใหม่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอารมณ์ แต่หน้าตาเหมือนเด็กแถวบ้าน หน้าตาธรรมดามากๆ บางคนเราเดาว่า คงจะไม่ได้เล่นหนังอีกแล้วมั๊ง ที่เหลือก็ธรรมดา ฉากก็แสนจะบ้านๆ เพราะถ่ายในตลาดสามชุกนั่นแหละ ไม่ต้องลงทุนมาก เรื่องนี้ สงสัยเอากล่อง เพราะว่ารอบที่เราไปดู ทั้งโรงมีห้าคนเอง แต่ใครจะไปรู้ อาจได้ตังค์ก็ได้นะ ก็ดูสนุกพอใช้ เรื่องนี้ เราให้ 7.2 สำหรับ เนื้อเรื่อง ไอเดีย ความกล้า แหกตลาด แล้วก็อารมณ์หนัง เพลงประกอบเอาไปเต็มเลย ฟังเพราะและซึ้งจริงๆ
เรื่องย่อ : ในปี พ.ศ. 2536 ยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วทุกท้องที่ของประเทศ รวมถึงที่โรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เด็กนักเรียน 7 คนที่ชีวิตกำลังอยู่ในวัยสดใส สนุกสนาน มีความฝันและความรัก กลับต้องมาตกนรกทั้งเป็นกับปัญหาที่ดูเหมือนไม่สามารถหาทางออกได้ เรื่องเริ่มจากการที่ วาล (ธีรภัทร์ แย้มศรี) ต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนหลายอย่าง เพื่อช่วยแม่แบ่งเบาภาระหนี้สินที่พ่อที่เสียไปแล้วทิ้งไว้ให้ จากนั้น ดำ เพื่อนที่อู่ ก็แนะนำให้ วาล รู้จักยาบ้า ที่จะทำให้ วาล ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย กว่าจะรู้ตัว ชีวิตของ วาล ก็ตกอยู่ใต้อำนาจของมันอย่างช้าๆ
.jpg)
แล้ว วาล ก็กลายเป็นสะพานที่นำยาไปสู่เพื่อนๆ นักเรียนตัวแสบชั้น ม. 5 พัน (พิเชษฎ์พงษ์ โชคประดับ) ยอด (อำนาจ บัวปรอด) เอก (พงศธร ศรีบุญเพ็ง) และรุ่นน้องม.4 ที่สนิทกันอีก 3 คน เทพ (ณัฐชนน ศุภลักษณ์) ปอด (ศุภณัฐ มีสมศักดิ์) และ โบ๊ะ (นวพล เจริญธรรมรักษา) หันมาทดลองยาเสพติดด้วยหลากหลายเหตุผล เทพ ซึ่งที่บ้านมีฐานะที่สุดช่วยออกเงินทุน ทำให้พวก วาล ไม่เคยขาดยา ทุกคนรู้ว่ามันคือสิ่งที่ผิด แต่ก็ไม่สามารถเลิกได้ เรื่องราวลุกลามจนถึงตำรวจ ทุกคนพร้อมจะตราหน้าพวกเขาว่าเป็นเด็กเหลือขอไม่มีอนาคต อาจารย์ พินิจ (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) จึงยื่นมือเข้าช่วยเด็กๆ และได้รับรู้ปัญหาทั้งหมด อาจารย์พยายามปรับความคิดของเด็กโดยให้ใช้ปัญญาและให้ยืดอกรับปัญหาต่างๆ รวมทั้งปรับความเข้าใจของชาวบ้านในชุมชนสามชุกไปพร้อมๆ กัน ให้ทุกคนคิดเสียใหม่ว่าปัญหายาเสพติดไม่ได้เป็นความผิดของเด็กฝ่ายเดียว ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ด่าทอโยนความผิดให้กัน อาจารย์ พินิจ ขอโอกาสให้เด็กๆ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และรับปากจะทำให้เด็ก 7 คนเลิกยากลับมาเป็นคนดีและอยู่ร่วมในชุมชนอย่างสงบสุขให้ได้ เขาจึงพาเด็กๆ มาอยู่ค่ายประจำที่โรงเรียน ให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ เป็นกิจวัตร ทั้งออกกำลังกาย ปลูกกุหลาบ และทำอาหาร อาจารย์ พินิจ ทำได้มากสุดก็แค่ยืนเคียงข้าง และเฝ้ามองวันที่เด็กทั้ง 7 เข้มแข็งพอที่จะก้าวผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุด
.jpg)
Synopsis : Based on a true story, Sam Chuk: Once in a Chance exposes 7 teenagers in a small province called Sam Chuk, whose lives are entangled with troubles and devastated by using drugs. Their local teacher is seriously concerned the drugs problem and begins to cope with them by giving them a chance to prove themselves.