Thursday, July 16, 2009,7/16/2009 05:50:00 PM
Harry Potter and the Half-Blood Prince :แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม


จำได้ว่า เมื่อประมาณ สิบปีก่อน หรือ กว่านี้นิดหน่อย ตอนที่กระแส HP ดังมากๆ เราก็เป็นคนที่ตามกระสซะด้วย HP ออกมา สามเล่ม ตอนนั้น ร้านหนังสือดอกหญ้าดังมากๆ ต้องมีการเข้าคิวจองหนังสือกัน เราก้เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราซื้อยกชุดเลย กะว่าจะอ่านรวดเดียว พอวันหยุด เราก็เริ่มต้นอ่าน อ้อ ฉบับ ภาษาไทย นะ ไม่รู้วันนั้นอารมณืไม่ดีหรือยังไง อ่านไปได้ประมาณ สิบห้า หรือ ยี่สิบ หน้านี่แหละ มีความรู้สึกอย่างแรงเลยว่า นี่ไม่ใช่หนังสือที่เราชอบแน่ๆ เพราะอ่านไปได้แค่นี้ รู้สึกเอียน เลี่ยน อยากจะอ๊วก บอกไม่ถูก เราเข้าใจว่า สงสัย อารมณืไม่ดี เอาไว้อ่านวันหลังดีกว่า พอวันจันทร์ เพื่อนๆ ก็มาถามว่า เป็นยังไง หนุกมั๊ย เราตอบไปตรงๆว่า อ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายเดี๋ยวขอเวลาหน่อย จะหาวันหยุด อารมณ์ดีดี แล้วจะลองอ่านใหม่ พออีกสัปดาห์ต่อมา วันนั้นอารมณ์ดีมากๆๆๆๆ รีบไปหยิบ HP หน้าที่เราค้างไว้มาอ่านต่อ ปรากฏว่า อ่านได้ สิบ นาที ความรู้สึกเดิมก็เกิดขึ้นอีก คือ หงุดหงิด อย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ชอบหนังสืออย่างแรง รู้สึกว่า ไม่สนุกเลย ทั้งๆที่ ไอเดีย ในหนังสือ ดีมากมาย สรุป คือ เราคงไม่มีบุญอ่านหนังสือ เรื่องนี้ เหนังสือทั้งสามตอนก็ยังอยู่ที่ตู้หนังสือที่บ้านในสภาพที่สองเล่มหลัง ไม่เคยเปิดดูเลยแม้แต่หน้าเดียว และเราก็เลยคิดต่อว่า ถ้างั้นเราขอไปดูแบบเป็นภาพยนต์เอาก็แล้วกัน
หนังฉายมากี่ตอนกี่ตอนเราก็จำไม่ค่อยได้ แต่เรื่องนี้เหมือนมีอาถรรพ์กับเรา เพราะเราดูทุกครั้ง ต้องเผลองีบหลับทุกครั้งไป ( ไม่ได้หลับนานนะ แป๊บเดียว ซัก ห้านาทีได้มั๊ง ) ทั้งๆที่หนังก็มีฉากอลังการมากมาย รวมทั้งตอนล่าสุด เจ้าชายเลือดผสม ที่เราเพิ่งไปดูมา ตั้งแต่ภาคแรก เราว่าดาราน่ารักดี ทุกตัว แต่เนื้อเรื่องเราไม่ค่อยชอบ เราว่ามันเด็กไป แต่พอภาคสอง ดูแล้วก็ยังไม่ประทับใจ แต่หงุดหงิด ที่ดาราเด็กในเรื่อง โตขึ้นหลายตัว และหน้าตาไม่น่ารักเหมือนเคยแล้ว ยกเว้น นางเอก ที่สวยขึ้น ที่หน้าตาดูแล้วน่ากลุ้มใจที่สุดคือ รอน ที่ขี้เหร่ขึ้นทุกวัน รวมทั้งตัวพระเอกด้วย แต่พอตอนใหม่ พระเอกดูดีขึ้นมาก นางเอก เรียกได้ว่า สวยเลยแหละ ส่วน รอน ภาคนี้ เราว่า ขี้เหร่ที่สุดในโลก ดูไม่ได้เลย อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นสำหรับเรา ก็ยังเกิดเหมือนเดิม คือ เราหลับอีกแล้ว แต่ภาคนี้ต้องยอมรับว่า เทคนิคทำได้ดีมาก นี่ถ้าได้ไปดู โรงสามมิติ คงดูดีกว่านี้ แต่เราเช็คที่นั่ง ผ่านอินเตอร์เน็ตแล้ว ปรากฏว่า รอบฉายเต็มตลอดหลายวันแรก เราเลยคิดว่า ไม่เอาดีกว่า แล้วก็โชคดีแล้วล่ะ เพราะฉากที่น่าดูที่สุด อยู่ตอนต้นเรื่องนั่นเอง ฉาก สะพานขาด ดู สมจริงๆสุดๆ ชอบจริงๆ นอกนั้นตลอดทั้งเรื่อง ก็ดูแบบไปเรื่อยๆ ไม่มีฉากไหนหวือหวาอีกเลย
สำหรับเรา เรื่องนี้ ก็เป็นนิทานยาวๆเรื่องหนึ่ง ที่นำเสนอเรื่องไอเดียแนวพ่อมดแม่มด ที่น่าทึ่ง ต้องขอชมจินตนาการของคนเขียน เราว่า หนังเลือกดารามาไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ โดยเฉพาะตัวรอน ตัวที่เหลือก็พอทน แต่ที่ชอบ น่าจะเป็น ตัว ดัลโบดอ ( ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่า ) ที่ชอบอีกอย่า คือ เทคนิกต่างๆในเรื่องที่ทำได้ดี จริงๆ แต่ตอนนี้ที่เราไม่ชอบน่าจะเป็น โทนสีของเรื่องที่มืดตลอดเรื่อง อันนี้เป็นความไม่ชอบส่วนตัว คือ เราไม่ชอบหนังที่มืดๆ ชอบแบบสดใสหน่อย แต่ก็เข้าใจนะ ว่า เนื้อเรื่องมันแนวนี้ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี รวมๆแล้ว เราให้ 6.2 นะ ก็ธรรมดา อ้อ หนังยาวด้วย เกือบสามชั่วโมง ทรมาณจัง
เรื่องย่อ : ลอร์ดโวลเดอมอร์ (เรล์ฟ ไฟน์ส) และเหล่าผู้เสพความตายกลับมาสร้างความโกลาหลทั้งในโลกของมักเกิ้ลและโลกแห่งเวทมนตร์อีกครั้ง ทำให้โรงเรียนฮอกวอตส์ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป แฮร์รี่ พอตเตอร์ (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) สงสัยว่าอันตรายอาจแฝงตัวอยู่ในปราสาทแห่งนี้ ขณะที่ ดัมเบิลดอร์ (ไมเคิล แกมบอน) ต้องการให้ แฮร์รี่ เตรียมรับมือกับศึกครั้งสุดท้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดัมเบิลดอร์ ขอให้ แฮร์รี่ ช่วยหากุญแจที่จะปลดเปลื้องการป้องกันตัวของ ลอร์ดโวลเดอมอร์ และผู้ที่กำข้อมูลชิ้นสำคัญนี้ไว้มีเพียงอดีตอาจารย์วิชาปรุงยา ศาสตราจารย์ ฮอเรซ ซลักฮอร์น (จิม บรอดเบนต์) ดัมเบิลดอร์ จึงจัดแจงให้อดีตเพื่อนร่วมงานคนนี้กลับมารับตำแหน่งเดิม โดยแลกกับเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น ห้องทำงานที่ใหญ่ขึ้น และโอกาสที่จะได้สอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เลื่องชื่อ ขณะเดียวกัน บรรดานักเรียนถูกจู่โจมโดยฮอร์โมนวัยรุ่นที่พลุ่งพล่าน ความสัมพันธ์อันยาวนานของ แฮร์รี่ กับ จินนี่ (บอนนี ไรต์) เริ่มหยั่งรากลึก แม้จะมีแฟนหนุ่มของ จินนี่ อย่าง ดีน โทมัส (อัลฟี อีนอช) เป็นอุปสรรคอยู่ก็ตาม ส่วน ลาเวนเดอร์ บราวน์ (เจสซี เคฟ) ก็ทุ่มเทความเสน่หาให้กับ รอน (รูเพิร์ต กรินต์) เสียเต็มที่ ทิ้งให้ เฮอร์ไมโอนี่ (เอ็มมา วัตสัน) คุกรุ่นไปด้วยความหึงหวงเพียงลำพัง แล้วยังมีช็อกโกเลตใส่ยาเสน่ห์ที่ตกไปอยู่ในมือของ โรมิลด้า เวน (แอนนา แชฟเฟอร์) ซึ่งทำให้ทุกอย่างยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ ขณะที่ความรักผลิบาน นักเรียนคนหนึ่งกลับแยกตัวออกห่าง โดยหวังจะสร้างชื่อให้กับตัวเอง แม้จะเป็นในด้านมืดก็ตาม ความรักลอยฟุ้งอยู่ทั่วไป แต่โศกนาฏกรรมกลับรอคอยอยู่เบื้องหน้า และฮอกวอตส์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
Synopsis: Voldemort (Ralph Fiennes) is tightening his grip on both the Muggle and wizarding worlds and Hogwarts is no longer the safe haven it once was. Harry (Daniel Radcliffe) suspects that dangers may even lie within the castle, but Dumbledore (Michael Gambon) is more intent upon preparing him for the final battle that he knows is fast approaching.Together they work to find the key to unlock Voldemort's defenses and, to this end, Dumbledore recruits his old friend and colleague, the well-connected and unsuspecting bon vivant Professor Horace Slughorn (Jim Broadbent), whom he believes, holds crucial information. Meanwhile, the students are under attack from a very different adversary as teenage hormone rage across the ramparts. Harry finds himself more and more drawn to Ginny (Bonnie Wright), but so is Dean Thomas (Alfie Enoch). And Lavender Brown (Jessie Cave) has decided that Ron (Rupert Grint) is the one for her, only she hadn't counted on Romilda Vane's (Anna Shaffer) chocolates! And then there's Hermione (Emma Watson), simpering with jealously but determined not to show her feelings. As romance blossoms, one student remains aloof. He is determined to make his mark, albeit a dark one. Love is in the air, but tragedy lies ahead and Hogwarts may never be the same again.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink