Thursday, October 23, 2008,10/23/2008 11:55:00 PM
Queens of Langkasuka : ปืนใหญ่จอมสลัด
ได้ตั๋วฟรีมาจาก Visa Wave ให้ไปดูหนังที่ SF ได้ฟรี เราสู้อุตส่าห์เก็บบัตรนี้เอาไว้จนถึงวันนี้ที่รอคอย 555 วันที่ 23 ตุลาคม วันที่เราจะได้ดู ปืใหญ่จอมสลัด ที่เรารอมาตั้งสองปีแน่ะ หลังจากที่เรารู้ว่าจะเอามาสร้างโดย นนทรีย์ นิมิบุตร โห ตอนนั้น เราก็เห็นประโคมข่าวใหญ่เลยว่า เป็นหนังฟอร์มยักษ์ ในที่สุดก็ได้ดูซะที
ตั้งแต่ดูหนัง( แบบเสียเงิน) ที่โรงนี้มา ยังไม่เคยเห็นหนังรอบไหน คนเยอะขนาดนี้มาก่อน คนเยอะมากๆ พอเข้าไปนั่งในโรงถึงได้รู้ว่า คนมันเยอะขนาดไหน มองไปทางไหนมีแต่หัวคนนั่งเต็มทุกเก้าอี้เลย นี่ขนาดโรง ดิจิตอล ซึ่งตั๋ว 140 บาทนะเนี่ย จะรำคาญหน่อยก็อีตรง คนนั่งข้างๆนี่แหละ ที่แซวหนังตลอดเรื่อง คงนึกว่าเราจะสนุกไปด้วยมั๊ง ขอโทษที รำคาญสุดๆ
หนังเปิดฉากมาก็ถ่ายให้เห็นปืนใหญ่กำมะลอกระบอกนึง ค่อยๆจมลงใต้ทะเล คือเราว่า ปืนใหญ่ขนาดนั้น มันน่าจะมีน้ำหนักมากๆๆ มันไม่น่าจะเด้งไปมาได้ขนาดนั้นนะ แต่เอาเหอะ นิดๆหน่อยๆ ก็ถือว่าทำใช้ได้นะ มีลวดลายบนกระบอกปืนใหญ่เป็นลายไทย ไม่รู้เรียกว่าลายตาอ้อย หรือเปล่า เนื้อเรื่องดูสนุกเลยแหละ เราว่าเค้ามีการพูดถึง เจ้าแม่ ลิ้มกอเหนี่ยว ด้วยนะ แต่เวอชั่นภาพยนต์นี่ไม่ตรงกับที่เราเคยได้ยินมานะ ที่เราได้ยินได้อ่านมาเนี่ย พูดถึง พี่ชาย ลิ้มเคี่ยม ที่มารักกับสาวใต้ แล้วมีการสร้างมัสยิด เจ้าแม่พยายาม ขอร้องให้พี่ชายกลับจีน จนสุดท้ายรู้ว่าไม่มีทางทำให้กลับได้แล้วแน่ๆ เลยขอลาตาย ก่อนตายได้สาบแช่งไม่ให้มัสยิดที่ต้องการสร้างนี้สำเร็จ ก็ปรากฎว่า สร้างไม่สำเร็จจริงๆ จะต้องมีเหตุอาเพทเกิดขึ้นเสมอ ถึง 3 ครั้ง 3 ครา คนใต้เลยนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมากๆๆ ( ปัตตานี ) แต่เรื่องนี้ พี่ชายมาสร้างปืนใหญ่แทน เลยไม่รู้อันไหนถูกไม่ถูก เอาเป็นว่า ดูหนุกๆก็แล้วกัน ( แต่ส่วนตัวเราเชื่ออันที่เราอ่านมามากกว่านะ )
ดูๆไปหนังมันมีเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์เยอะเลย มีการหายตัว มีเข้าทรง มีการฝึกมนต์เรียกปลาด้วย ส่วนนี้ทำให้หนังดูสนุกขึ้น แต่ก็ทำให้หนังดูลดความน่าเชื่อถือไปนิดนึง ยังไงก็ตามเราก็ให้อภัยนะ เพราะแค่มาดูชุดที่จารรุณีใส่ กับ ฉาก ก็คุ้มแล้ว (ส่วนใหญ่ที่เห็นในเรื่อง เป็น CG เกือบ 80 % นะ เราว่า ไม่ว่าจะเป็น ปลาวาฬเอย ปลากระเบนเอย กำแพงเมืองเอย CG ล้วนๆ อย่างที่บอกแหละว่าให้อภัย ดูก็รู้ว่าตั้งใจทำเต็มที่แล้ว ไม่เหมือนกับหนังหลายๆเรื่องที่ทำแบบตั้งใจมาหลอกเอาตังเราเหมือนที่ผ่านๆมา
สรุป รวมๆแล้ว เราชอบมาก ๆ ทำได้ดีสมที่รอคอย เนื้อเรื่องก็สนุก เสียอย่างเดียวไม่ตรงกับที่เราอ่านมา 5555 แต่เอาเหอะ เนื่องจากความดีมีเยอะ มันก็เลยกลบความเลวซะมิดเลย อีกอย่างที่ชอบคือ ความตั้งใจในการทำ คือ ดูออกเลยอะ ว่าตั้งใจมากๆ ทั้งภาษาจีน ภาษาอังกฤษที่พูดในเรื่อง ตัวแสดงพูดได้ดีมากๆๆ เครื่องแต่งกายก็โอเค ฉากก็ดี ตัวแสดงก็เยี่ยม ถ้าจะชมตัวแสดงก็ต้องชม สรพงษ์ จารุณี กับ อนันดา ที่เหลือก็พอไปได้ ถ้าจะพยายามหาที่ติให้เจอก็ตรง CG บางทีดูไม่เนียนเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าสอบผ่าน อย่างฉากที่แพลอยในทะเลนี่ แพนิ่งเกินเหตุ เป็นต้น รวมๆแล้ว ชอบหนังไทยเรื่องนี้ที่สุดในบรรดาหนังไทยที่ดูมาปีนี้ เราให้ไปเลย 9.1
เรื่องย่อ
400 ปีที่แล้ว ลังกาสุกะ รัฐอิสระต้องสูญเสีย รายาบาฮาดูร์ ชาห์ จากการถูกลอบปลงพระชนม์ ราชวงศ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการสถาปนา องค์หญิงฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ธิดาคนโตขึ้นเป็นรายาสตรีองค์แรกแห่งลังกาสุกะ แม้รายาฮีเจาจะปกป้องบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง แต่เหล่าแคว้นรอบด้าน รวมทั้งกลุ่มกบฏและโจรสลัดต่างๆ ล้วนหมายจะยึดครองดินแดนอันมั่งคั่งแห่งนี้
จนกระทั่งปราชญ์แห่งอาวุธชาวดัชท์ เดินทางมาพร้อมกับศิษย์เอกนักประดิษฐ์ชาวจีนนาม ลิ่มเคี่ยม (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เพื่อนำมหาปืนใหญ่ อาวุธที่ดีที่สุดไปถวายรายาฮีเจาใช้ป้องกันบ้านเมือง แต่กลับถูกกลุ่มโจรสลัดที่นำโดย เจ้าชายราไว (เอก โอรี) และ อีกาดำ (วินัย ไกรบุตร) ผู้มีวิชาดูหลำอันแก่กล้า ซุ่มโจมตีเพื่อชิงมหาปืนใหญ่ จนทำให้เรือฮอลันดาระเบิด กระบอกปืนใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล เหลือเพียงแต่ ลิ่มเคี่ยม ที่รอดชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นเวลากำเนิดของ ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็กชายชาวเลผู้มีคุณสมบัติพิเศษในตัวที่จะสามารถฝึกวิชาดูหลำขั้นสูงได้ ปารี เติบโตเป็นหนุ่ม พร้อมกับสั่งสมทั้งความสามารถและความแค้นในการสะสาง อีกาดำ ที่ทำให้พ่อและแม่ของตนต้องตาย ลิ่มเคี่ยม ซึ่งช่วยชีวิต ปารี ในครั้งนั้นไว้ได้ หลบมาใช้ชีวิตอยู่กับหมู่บ้านชาวเล พร้อมประดิษฐ์อาวุธพิสดารมากมาย และตั้งกลุ่มก่อกวนตัดกำลังโจรสลัดขึ้น
ในอีกด้าน แม้ลังกาสุกะจะมีทหารเอกฝีมือเยี่ยมอย่าง ยะรัง (ชูพงษ์ ช่างปรุง) แต่ ฮีเจา ก็ยังจำเป็นต้องให้ อูงู (แอนนา แฮมบาวรีส) น้องสาวคนเล็กของตนอภิเษกกับ เจ้าชายปาหัง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้ลังกาสุกะ แม้ อูงู จะไม่เต็มใจก็ตาม ขณะที่ ยะรัง นั้นกลับตกหลุมรัก บิรู (แจ๊คคลิน อภิชนานนท์) องค์หญิงคนรอง แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกนั้นได้
การต่อสู้ของหลายฝ่ายก่อตัวขึ้น ปารี ได้มาพบกับ อูงู ทั้งคู่หลงไปติดเกาะร้างแห่งหนึ่ง ทำให้ ปารี ได้ฝึกวิชาดูหลำชั้นสูงจาก อาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) ปรมาจารย์ทางดูหลำ และพบว่าดูหลำคือวิชาที่มีทั้งด้านสว่างที่ทรงพลังและด้านมืดที่น่ากลัว ยากจะควบคุมจิตใจเอาไว้ได้ พร้อมกับที่ความรักของทั้ง ปารี และ อูงู ได้งอกงามขึ้น ขณะเดียวกัน ลิ่มเคี่ยม กลับถูกกลุ่มสลัดจับตัวเป็นเชลยไว้ได้ และถูกบังคับให้ต้องสร้างปืนใหญ่ที่จะนำมาใช้ทำลายล้างรัฐลังกาสุกะ
สงครามครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยลังกาสุกะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะกองทัพโจรสลัดกลับสามารถกู้มหาปืนใหญ่ในตำนานนั้นจากก้นทะเลไว้ได้ ลังกาสุกะเป็นเป้าหมายของการทำลายล้าง มีเพียง ยะรัง นักรบผู้กล้า ปัญญาของ ลิ่มเคี่ยม และ อูงู ผู้พร้อมสละทั้งชีวิตกับความรักเพื่อแผ่นดิน รวมถึงพลังดูหลำอันลึกลับของ ปารี เท่านั้น ที่จะต่อกรกับแสนยานุภาพจากกองทัพโจรสลัดได้
Synopsis
In 1600 A.D. Queen Hijau of Langkasuka felt the heat of internal conflict when a rogue prince conspired with a abnd of ruthless pirates to incite a rebellion. They plotted a schene to high-jack a number of high callber cannons from a Dutch vessel. The secret plot falls spectacularly as the ship, along with its crew and weapons sink into the abyss after an almighty explosion. The fateful incident happens on the same day as the birth of "Pan", born with a hereditary gift that enables him to communicate with creatures of the sea. In years to come and after much training Pan's uncanny ability would be used to help the reigning monarchy defeat the merciless pirates that threaten their shores. Pan will call upon whales, sirens, dolphins and serpents to aide him in a historic sea battle that be recalled for centuries.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/23/2008 11:45:00 PM
Doraemon the Movie/Nobita's New Great Adventure Into the Underworld - The Seven Magic Users :โดเรมอน ตอน โนบิตะตะลุยแดนปีศาจ 7 ผู้วิเศษ
ได้ตั๋วฟรีจาก CitiMvisa ไปดูหนังเรื่งอนี่เอสเอฟบางกะปิรอบทุ่ม เราไม่พลาดอยู่แล้วเพราะว่าเรากะโดเรมอนเป็นเพื่อนซี้กัน เราดูทุกภาคเลย 55555
คนล้นหลาม ไม่รู้มาจากไหนมองไปทิศไหนก็เจอแต่เด็กๆเต็มไปหมด น่ารักดี เราไปกิน Swensen เพื่อรอเวลาฉายรอบทุ่ม แต่ไม่กล้ากินเยอั เพราะเดี๋ยวจะกิน ข้าวโพดคั่วกับน้ำอัดลมที่เค้าแจกฟรีไม่ลง 555 พอใกล้จะทุ่มเราก็เอาคูปองไปแลก ปรากฎว่าวางแผนผิด เพราะมีคนเข้าคิวรอแลกเกือบสิบแถว แต่ไม่เป็นไร ด้วยความงก ทำให้หน้ามืด เราก็แลกมาจนสำเร็จ
หนังเข้าโรงตรงเวลาดี แม้จะดวุ่นวายไปหน่อย คราวนี้ไม่ยักมีให้เล่นเกมส์แฮะ แหมเสียดาบเราเลยอดเล่นเกมส์ได้ของฟรีเลย 5555 ไม่ป็นไรหรอก เราพูดเล่น แหมใครมันจะมีปัญญาเอาของฟรีมาแจกได้ทุกบ่อยๆ
หนังฉายแล้ว คนแน่นโรงเลย เราไม่เห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว คนนั่งจนถึงแถวหน้าสุดของโรงหนังเลย เราอดจินตนการไม่ได้ว่า ถ้าเราโดนให้นั่งแถวหน้านี่เราจะทำไงเนี่ย คงดูไม่รู้เรื่องแน่ๆ เพราะภาพมันคงใหญ่มากๆ
หนังเปิดตัวปุ๊บ เราก็รู้สึกถึงความไม่คุ้นเคยกับตัวละคร คือเราว่ามันวาดแปลกๆอ่ะ วาดไม่สวยเหมือนในโทรทัศน์ หรือในหนังสือเลย เราพูดตรงๆว่าเราชอบแบบเดิมมากว่า โนบิตะ หน้าตาตลกมาก ที่สวยสุดน่าจะเป็นชิสึกะ
เนื้อเรื่องก็สนุกดีนะ แต่เชื่อมั๊ยตอนนี้เป็นตอนที่ยาวที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาเลยนะ เพราะว่าเราเข้าโรงตอนทุ่มนึง แต่หนังเลิกตอนทุ่มสิบ ปกติแล้ว หนังการ์ตูนจะประมาณ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง เนื้อเรื่งยาว มุขตลกเยอะ แต่แปลกอีกอย่างที่ภาคนี้ไม่ยักจะมี ฉากเศร้าหรือซึ้ง ไม่เหมือนภาคอื่นๆที่เคยดูมาจะต้องมีฉากพรากจากกันมาเป็นยาดำให้น้ำตาซึมเสมอๆ
เอาล่ะ ก็ของฟรี ดูเพลินๆไม่ต้องคิดมาก สรุปว่า ธรรมดา ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ถึงกับมาสนุก สังเกตจากเสียงหัวเราะของเด็กๆที่มีแทรกเป็นระยะๆ ก็ถิอว่าสอบผ่านไปได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ตอนที่เราชอบที่สุด อาจเป็นเพราะภาคนี้ จบห้วนไปหน่อย สรุปเลยไม่รู้ว่าตอนจบๆยังไงจบไปเฉยๆ ไม่รู้ว่า สุดท้ายได้กลับมาเปลี่ยนโลกมนุษย์อีกหรือเปล่า เราให้ 7 นะ ก็ถือว่าไม่เลว เท่าไหร่นะ หนังช่วงนี้หาดียากส์
เรื่องย่อ
วันหนึ่ง โนบิตะ (เมงุมิ โอโอฮาระ) ใช้ตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างซึ่งเป็นของวิเศษของ โดราเอมอน (วาซาบิ มิซุตะ) เปลี่ยนโลกให้เป็นโลกแห่งเวทมนตร์ ทุกคนจึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่โนบิตะกลับใช้เวทมนตร์ไม่ได้สักอย่าง โนบิตะต้องการให้โลกกลับเป็นเหมือนเดิม ทว่าแม่ของเขาเอาตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างไปทิ้งเสียแล้ว ต่อมา โดราเอมอน โนบิตะ และเพื่อนๆ ได้พบกับ มิโยโกะ (ซากิ ไอบุ) และได้รู้เกี่ยวกับแผนคุกคามโลกของเหล่าปีศาจ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับรูปปั้นประหลาดที่โดเรเอมอนและโนบิตะเคยเก็บได้ ตามที่ระบุในบันทึกโบราณ พวกเขาต้องเดินทางไปยังแดนปีศาจ เพื่อกำจัดราชาปีศาจที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวาย โดยใช้ลูกดอกเงินแทงที่หัวใจ แต่แล้วมิโยโกะถูกฝ่ายศัตรูจับตัวไป โดราเอมอน โนบิตะ และเพื่อนๆ คิดจะใช้เครื่องย้อนเวลาพาพวกตนกลับไปยังอดีต แล้วใช้ตู้โทรศัพท์ติ๊ต่างของ โดเรมี (จิอากิ ฟูจิโมโตะ) เปลี่ยนให้โลกเป็นเหมือนเดิม ทว่าหากทำเช่นนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมิโยโกะก็ยังจะดำเนินต่อไปในโลกคู่ขนานอยู่ดี พวกเขาจึงไม่มีทางเลือก ต้องมุ่งหน้าต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ในฐานะ 7 ผู้วิเศษ
Synopsis
Nobita (Megumi Oohara) uses Doraemon's (Wasabi Mizuta) Moshimo-box to change the world to a place where the use of magic is possible. Everyone makes use of it on their daily lives, except for Nobita who isn't very good at conjuring spells. Frustrated, he plans on returning things to their past state, but his mother threw the Moshimo-box away. One day, Doraemon and his friends meet Professor Mangetsu (Jun'ichi Komoto), who studies magic and magical beings such as goblins, and his daughter Miyoko (Saki Aibu), and are warned of the dangerous approximation of the "star of the Underworld" to the Earth's orbit. With the future of the planet at stake, the group must travel to the Underworld and pierce the heart of the Underworld King with a silver dart, as detailed in the ancient texts of "The Chronicles of the Underworld". Their attempts are, however, thwarted and Miyoko captured.
Doraemon and his friends then decided to use the Time Machine to return to the past, and use Dorami's (Chiaki Fujimoto) Moshimo-box to restore the Earth. The events on the Underworld continue, however, to take place in a Parallel Universe, where Miyoko is still captive. The group is once again forced to travel to the Underworld and defeat its tyrannical ruler once and for all.

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/23/2008 11:32:00 PM
City of Ember : กู้วิกฤตมหานครใต้พิภพ
พอดี ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศา จากบัตร His and Her Club ของค่าย ICC โดยสามารถบัตรสมาชิกไปดูหนังในเครือ EGV , Major ได้ลด 50 บาท ต่อที่นั่ง เราเลยเลือกที่จะไปใช้ส่วนลดที่ EGV ลาดพร้าว เพราะใกล้บ้าน ค่าตั๋วลดเหลือแค่ 30บาทเองจากราคา 80 บาท แต่สิทธิ์นี้เค้าให้ใช้แค่เดือนละครั้งเดียวเอง แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวตั๋วฟรีที่รามีจะไม่ได้ใช้พอดี 5555
เราไม่ได้ดูเรื่องนี้ ตั้งแต่วันแรกเข้าหรอกเพราะมัวแต่ไปดู Max Payne มาดูตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกเนอะ เชื่อมั๊ย ทั้งโรงมีคนดูแค่ 5 คนเอง ไม่รู้โรงหนังจะอยู่ได้ไง น่าสงสาร
เปิดตัวออกมาก็รู้สึกเลยว่า หนังคงมาค่อยน่าสนุก เราไม่รู้จักดาราซักกะตัว นอกจาก บิล เมอเร่ย์ ( ซึ่งเป็นตัวแสดงที่เราไม่ชอบที่สุดในโลก ) นอกนั้นโนเนม เทคนิกในการตัดต่อก็ไม่เนี๊ยบ ดุก็รู้ อ้อ โทษทีต้องเรียกว่า CG สิเนอะ เพราะระบบตัดต่อนี่น่าจะซัก 20-30 ปีที่แล้ว ไม่เนี๊ยบเลย โดยเฉพาะฉากที่พยายามจะหนีออกจากเมืองของตัวเอกนี่ เห่ยมากๆ แต่ก็พอดูได้ ฝีมือเราไม่ได้ดูถูกคนไทยนะ แต่เรากลับมองว่า ถ้าเรื่องนี้เป็ฯหนังมาตรฐานสากล มาตรฐานฮอลลีวู๊ด เราว่าหนังไทยก็ทำได้ประมาณนี้แล้วล่ะ จงภูมิในเถอะ ว่าเราทำได้แล้ว
เนื้อเรื่องเหมือนหนังแนว ครอบครัว ของวอลดีสนีย์ ไม่มีอะไรซับซ้อน ดูไปได้เรื่อยๆ เดาได้ตลอดเรื่อง ไม่ต้องคิดมาก ตรงนี้แหละที่ทำให้หนังขาดสเน่ห์ ขาดความน่าสนใจ เฮ้อ พุดแล้วก็เสียดาย เพราะเนื้อเรื่องน่าสนใจ แต่น่าจะทำให้ดีกว่านี้
สรุป ไม่ประทับใจเท่าไหร่นะ เราให้ได้แค่ 6 เพราะหนังขาดความลึก ชอื่เรื่องและการประชาสัมพันธ์ดูเหมือนเป็นหนังผู้ใหญ่ แต่พอเข้าไปดู ถึงได้รู้ว่าน่าจะเหมาะกับเด็กมากกว่า ดาราห่วย ( ในสายตาเรา ) เล่นไม่เก่งเลย เนื่อเรื่อง โอเค เหมาะกับเด็กๆ CG พอใช้ได้ รวมๆ ก็ งั้นๆ
เนื้อเรื่องย่อ
เอ็มเบอร์ เป็นมหานครที่ไม่มีใครเคยเห็นดวงตะวัน แสงสว่างเดียวที่ใช้แบ่งเวลากลางวันและกลางคืน คือแสงสว่างจากหลอดไฟ นครแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นพร้อมคำทำนายที่ว่า เมื่อเมืองมีอายุครบ 200 ปี หายนะจะบังเกิด ผู้กล้าจะต้องตามหากล่องแห่งปริศนา ที่ภายในบรรจุแผนที่คำทำนายที่จะปกป้องเมืองจากหายนะครั้งสำคัญ แต่ไม่เคยมีพลเมืองคนใดใส่ใจกับคำทำนายนี้ วันหนึ่ง เมื่อแสงไฟในเมืองเอ็มเบอร์เริ่มกระพริบไม่เป็นจังหวะ ดวงไฟที่เคยกำหนดความหวังของผู้คนเริ่มดับลงทีละดวง ลีนา (เซียร์ชา โรแนน) เด็กส่งสารของเมือง และ ดูน (แฮร์รี่ เทร็ดอเวย์) ผู้ดูแลพลังงานในเหมืองถ่านหิน เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงออกตามหากล่องในตำนาน เพื่อตามแผนที่ปริศนาที่จะนำมาซึ่งการปลดปล่อยชาวเมืองเอ็มเบอร์ ให้พ้นจากความมืดมิดไปตลอดกาล
Synopsis
Oscar-winning Monster House director Gil Kenan takes the helm for this children's fantasy about two young heroes who attempt to solve an ancient mystery in time to prevent their underground city from being swallowed by darkness. The City of Ember was built over 200 year ago, deep below the Earth, where the destruction of a mass-scale disaster couldn't reach it. Equipped with a massive generator and vast supplies, the people of Ember have thrived happily for generations -- but the city wasn't meant to be lived in forever. The generator is breaking down and the supplies are running out, but two centuries in isolation have robbed the Emberites of their knowledge - nobody knows how the electric lights work anymore, and nobody understands that there's something beyond the city besides darkness. Nobody, that is, besides Lina (Saoirse Ronan) and Doon (Harry Treadaway), two teenagers who still have the hope that everyone else has lost to ignorance and apathy -- not to mention a sheet of instructions left by the Builders themselves explaining how to leave the city. But the 200 year old paper is falling apart, and pieces are missing. So with the lights threatening to flicker for the last time and leave Ember in darkness forever, Lina and Doon set out on an adventure through the streets, sewers, and dark caverns of Ember to put the pieces back together. To solve the mystery, they'll have to get inside the Builders' heads, and avoid the grasp of corrupt Mayor Cole (Bill Murray), who wants to keep Ember the way it is - no matter what the cost. ~ Jason Buchanan

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/23/2008 11:18:00 PM
Max Payn : แม็กซ์ เพย์น ฅนมหากาฬถอนรากทรชน
SF บางกะปิ คือ เป้าหมายของเราในการมาดูหนังเรื่องนี้ ฮั่นแน่ รู้แล้วใช่มั๊ย ว่าเหตุผลก็คือที่นี่ฉายระบบ ดิจิตอล เราอยากดูระบบนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดูก็แค่นั้น วันนี้เป็นวันธรรมดา หนังเข้าไปแล้ว สองสามวัน แต่คนในโรงมีประมาณ 50 คน สำหรับเราๆถือว่า ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ถือว่าดีด้วยซ้ำไป ชั่วโมงนี้ มีคนแบบนี้ก็โอแล้ว
ได้ยินมาว่า หนังเรื่องนี้ สร้างมาจากเกมส์คอม เอาอีกแล้ว เราได้ยินแค่นี้เราก็กลัวแล้ว เพราะว่า จากประสพการณ์ของเรา หนังที่สร้างจากเกมส์จะรุนแรงมากแล้วก็ไม่ค่อยสนุกเลย เน้นแต่ฉากบู๊ จริงๆเราก็ชอบนะ แต่รู้สึกว่า เราดูแล้วม่ได้อะไรนอกจากความะใจอย่างเดียว มันส์ตอนนั้นออกจากโรงแล้วไม่มีอะไรติดตัวเราไปบ้างเลย
แต่เรื่องนี้ แปลกไปนิดนึงตรงที่ว่า มีพล็อตเกี่ยวข้องกับบริษัทยา มีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ และการตามล่า เออ แบบนี้ ค่อยมีที่มาที่ไปหน่อย อีกอย่างมีตา มาร๕ก วอลเบิร์ก ราวที่แล้วที่เล่นเรื่อง The Happening ก็ทำให้เราผิดหวังกับเนื้อเรื่องมาทีละ ( ไม่ใช่ฝีมือนะ ฝีมือ โอเค แต่อีตา เอ็ม ไนท์ อ่ะดิ เอาเนื้อเรื่องบ้าบออะไรก็ไม่รู้มาให้แสดง )
เรื่องนี้ ถ้าจะให้ชม ก็ต้องชมเรื่อง ภาพสโลโมชั่น ที่สวยโคตรๆ ตอนที่พระเอกยิงปืน แล้วโดนกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ สวยมากๆ อีกฉากคือตอนที่ถ่ายวิถีกระสุนแหวกน้ำเป็นลำ นี่ก็สวยเหมือนกัน พวกปีศาจในจินตนาการที่มีปีก ก็ทำได้ดี ตอนแรกที่เราจะมาดูก็เพราะเราคิดว่าเป็นหนังผีนี่แหละ แต่จริงๆไม่ใช่ เลยผิดหวังนิดหน่อย
สรุป เรื่องนี้ ดีสุดในรอบเดือนเลยก็ว่าได้ ได้ทั้งควาสะใจ ได้สาระนิดหน่อย ไม้ดูภาพสวยๆ เบ็ดเสร็จเอาไป 7.8 ก็แล้วกัน จะได้สมกับที่รอคอยที่จะดูซักนิด
เนื้อเรื่องย่อ
แม็กซ์ เพย์น (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) เป็นตำรวจเดนตายที่มุ่งมั่นไล่ล่ากลุ่มฆาตกรโหด ที่สังหารครอบครัวและคู่หูของเขา เพื่อนำตัวมาลงโทษให้สาสม เขาเดินหน้าสืบสวนอย่างหามรุ่งหามค่ำด้วยความคับแค้นแน่นอก ซึ่งนำเขาเดินทางถลำลึกเข้าสู่โลกใต้ดินสุดสะพรึง ยิ่งเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนค่อยๆ เผยปมทีละน้อย แม็กซ์ ต้องจำใจเผชิญหน้ากับเหล่าวายร้ายชนิดตัวต่อตัวครั้งแล้วครั้งเล่า และยังต้องรับมือกับการถูกหักหลังที่ไม่คาดคิดมาก่อน
Synopsis
Rockstar Games' double-gunned action franchise comes to the big screen thanks to director John Moore (The Omen) and Mark Wahlberg, who embodies the title character of Max Payne, a widowed cop hell-bent on delivering justice no matter what the cost as he investigates a string of killings in his city. Mila Kunis and Chris O'Donnell head up the supporting cast, with Beau Thorne adapting the screenplay for the 20th Century Fox production. ~ Jeremy Wheeler, All Movie Guide

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Sunday, October 12, 2008,10/12/2008 04:15:00 PM
Body of Lies : บอดี้ ออฟ ลายส์ แผนบงการยอดจารชนสะท้านโลก
นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ดีดี เพื่อนก็ขอให้เล่าเรื่อง Body of lies ให้ฟัง เลยบอกไปตามตรงว่า เฮ้ย ยังไม่ได้ดูเลย แต่ว่า อยู่ในรายการหนังที่อยากไปดูอยู่แล้ว ก็เลยรีบไปดูดีกว่า แถวนี้มันก็มีแค่โรงเดียว ที่ฉายระบบดิจิตอล เราก็เลยไปดูที่ SF บางกะปิเหมือนเดิม ตอนเราไปตีตั๋วก็เย็นมากแล้ว แต่คนก็ค่อนข้างเยอะนะทั้งๆที่สภาพภายนอกที่เห็น แทบไม่มีคนมาตีตั๋วเลย คนขายตั๋วนั่งตบยุงกันเป็นแถว แต่ในโรงสิ เราถือว่าแน่น นะ เพราะคนดูเป็นร้อยเลย
วันนี้ มาดูหนังด้วยอารมณืบ่จอย เพราะคู่ที่นั่งข้างหลังนั่งคุยกันตลอด น่ารำคาญมาก เราหันไปมองหน้าสองสามครั้ง แต่ความเป็นผู้ดีของเราก็ไม่สามารถทำให้หนังหน้าของทั้งสองมีปฏิกิริยาแต่อย่างใด เราเลยต้องใช้ธรรมะเข้าข่ม ตั้งสมาธิไม่สนใจอีกต่อไป ปรากฎว่า ได้ผลแฮะ รู้งี้เราทำสมาธิแต่แรกก็ดี แต่ก็อย่างว่าแหละ มันก็ไม่ได้ทำใจกันได้ง่ายๆ แต่พอลงมือทำ เออ มันก็ไม่ยากแฮะ ( แต่ระหว่างเรื่อง พอ แวบมาคิดเรื่องนี้ ก็หงุดหงิดเป็นบางครั้งเหมือนกันนะ เกิดความคิดว่า แหม ตอนจบขอดูหน้าหน่อยเหอะ 5555 )
หนังเริ่มต้นฉาย เราก็เริ่มร็สึกไม่ค่อยดีละ ข้อหนึ่ง เป็นแนวสงครามที่ต้องถือกล้องถ่าย เพื่อให้คนดูเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ซึ่งวิธีการถ่ายทำแบบนี้ ภาพจะสั่นมาก อย่างที่เราเคยดูมา ซึ่งเราดูหนังแบบนี้แล้วเราจะมีอาการคลื่นไส้เหมือนเมารถทุกครั้ง เลยกลัวมาก อย่างที่สอง เป็นหนังแนว สหรัฐ กับพวก ตะวันออกกลาง อีกแล้ว ซึ่งแนวนี้เราดูจนเอียน แถม มันทำได้สมจริงจนเราดูแล้วเครียดมากๆ เรื่องที่ทำให้เราเข็ดหนังประเภทนี้ คือ the kingdom แค่พูดก็กลัวแล้ว คือมีครบสิ่งที่เรากลัวทั้งสองอย่างเลย ดูเสร็จ อ๊วกแตกอ๊วกแตน ไม่กล้าดูไปอีกนาน
อ้าวดันมาเจอเรื่องนี้อีกจนได้ เราเองไม่ได้เป็นสาวกของอีตา ลีโอนาโด เลย ค่าที่ว่า เป็นดาราที่หน้าตาไม่เห็นจะดูดีมนสายตาเราเลย แถมเรื่องนี้ไว้หนวดเคราเพื่อให้กลมกลืนกับคนตะวันออกกลางตามเนื้อเรื่อง เลยไปกันใหญ่เลย แต่โอเคล่ะ ฝีมือการแสดงเค้าเล่นได้ดีขึ้นมาก ถ้าเปรียบกับสมัย ไททานิก คนที่เราอยากมาดู คือ รัสเซล ครอ ต่างหาก คนนี้สิ แสดงดีจริงๆ เล่นเรื่องไหน เราก็คิดไปเลยว่า เป็นคนๆนั้นจริงๆ ตีบทแตกกระจุย
เนื้อเรี่องก็เกี่ยวกับ หน่วยสืบราชการลับของอเมริกา ที่ไปทำงานในตะวันออกกลาง ทำให้เราได้เห็นคนประเภทนี้ทำงานแบบถวายหัว หลอกลวงคนสารพัด เพื่อให้ได้ข้อมูลมาใช้ทางการทหาร ดูแล้วก็เหลือเชื่อ แต่ก็ได้ไอเดียว่าเค้าทำกันอย่างนี้เอง ต้องโกหกหน้าตา ดูแล้วอนาถใจเป็นพักๆ
ไม่รู้ว่าเราฉลาดน้อย หรือยังไง เราดูบางตอนไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ หนังมันเดินเรื่องเร็วมากๆ พุดก็เร็ว เลยไปกันใหญ่เลย แถม เปาะเปี๊ยะทอดกับทองหยิบของเอสแอนด์พีที่กินเข้าไปก่อนดูหนังก็เริ่มออกฤทธิ์ หนังตาก็เริ่มหนักเข้าทุกที เราไม่เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว เราโทษหนัง ที่ไม่สามารถทำให้เราเอาชนะความอยากหลับได้ 5555 แต่ก็แป๊บเดียวแหละ เราลืมตาอีกทีก็ตอนที่ พระเอก โดนทรมานแล้ว ( นึกในใจ ตายซะได้ก็ดี เหม็นขี้หน้า 5555 )
ยังไงซะ ด้วยความที่เป็นหนังที่เข้าข่ายที่เราไม่ชอบสองข้อ แต่ว่า กล้องไม่สั่นมากก็เลยดูได้จนจบเรื่องโดยไม่มีอาการคลื่นไส้ แต่มาติดข้อสอง ที่มันสมจริงมาก ระเบิดพลีชีพกันเป็นระยะ แถมเหมือนจริง มีเลือดกระจายแทบทั้งเรื่อง ก็เลยเครียดมากกกกก ในที่สุด
สรุป เราว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจนะ ดาราก็แสดงดีทั้สองคน ( ตัวนำ ) ส่วนตัวประกอบอื่นๆก็แสดงดีทุกตัว ผู้กำกับก็เก่ง ภาพที่ออกมาดีทุกฉากเลย พูดแล้วก็ซ้ำไปซ้ำมา คือ ส่วนตัวเราเอง เราไม่ชอบ ด้วยเหตุผลที่บอกไปแล้ว ภาพสั่น และ ตะวันออกกลาง ดูแล้วโคตรเครียด เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ซาดิสกระหายเลือดมากกว่า ส่วนเราขอบ๊ายบาย คราวหน้า เราจะพยายามไม่ดูแล้ว จริงๆแล้ว ตามสภาพเศรษฐกิจ และ ตามความต้องการลดกิเลสของเราเอง แผนในห้าปีหน้าของเราจะค่อยๆ ลดการดูหนังลงปีละ 20% นั่นก็แปลว่าปีที่หกหรือปี 2014 เราน่าจะดูหนังต่อปีลดลงมากจนเหลือแทบ ไม่ได้ดูเลย เฮ้ย พูดไปถึงไหนเนี่น เออกลับมาเข้าประเด็นก่อน เรื่องนี้เราให้ 6.0 นะ
เนื้อเรื่องย่อ
โรเจอร์ เฟอร์ริส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) เป็นยอดฝีมือที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มีอยู่ในมือบนแนวรบ ในพื้นที่ซึ่งชีวิตมนุษย์ไม่มีค่ามากไปกว่าข้อมูลที่จะได้มาถึงมือ ในปฏิบัติการที่นำพาเขาไปทั่วโลก ลมหายใจเฮือกต่อไปของเฟอร์ริสขึ้นอยู่กับเสียงปลายสายของโทรศัพท์ที่ป้องกันการดักฟัง – ซีไอเอมือเก่า เอ็ด ฮอฟแมน (รัสเซล โครว์) กับการวางแผนยุทธศาสตร์ผ่านคอมพิวเตอร์แล็พท็อปจากห้องนั่งเล่นในบ้านชนบท ฮอฟแมนกำลังแกะรอยผู้นำขบวนการก่อการร้ายหน้าใหม่ที่สั่งการระเบิดทั่วโลกพร้อมกัน เพื่อลวงเครือข่ายหน่วยข่าวกรองที่ซับซ้อนที่สุดในโลก การล่อให้เขาปรากฏตัวออกมานั้น เฟอร์ริสต้องแทรกซึมเข้าสู่โลกมืดหม่นของเขา แต่ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเท่าไหร่ ก็ยิ่งค้นพบว่าความเชื่อใจเป็นได้ทั้งอันตรายและสิ่งเดียวที่จะทำให้เขายังมีลมหายใจ
Synopsis
Based on Washington Post columnist David Ignatius' 2007 novel about a CIA operative, Roger Ferris (Leonardo DiCaprio), who uncovers a lead on a major terrorist leader suspected to be operating out of Jordan. When Ferris devises a plan to infiltrate his network, he must first win the backing of cunning CIA veteran Ed Hoffman (Russell Crowe) and the collegial, but perhaps suspect, head of Jordanian intelligence. Although ostensibly his allies, Ferris questions how far he can really trust these men without putting his entire operation - and his life - on the line.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Saturday, October 11, 2008,10/11/2008 07:40:00 AM
Rambo 4 : แรมโบ้ 4 นักรบพันธุ์เดือด
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ที่ Major Hollywood ช่วงที่มีการจัดรายการ ดูฟรี 30วัน 30เรื่อง นี่เอง ทั้งๆที่แต่เดิม ไม่เคยมีความคิดอยู่ในหัวสมองเลยว่าอยากดูเรื่องนี้
เรามีความรู้สึกเฉยๆก่อนดู เพราะคิดว่าดูไปก็เท่านั้น หนังยิงกัน นึกซะว่ามาดูฆ่าเวลาไปอย่างนั้นๆ ที่ไหนได้ หนังสนุกโคตรๆ มันส์สุดๆ ชนิดไม่อยากให้จบเลย ทั้งๆที่หนังแนวยิงกันเลือดสาดแบบนี้ ไม่ใช่หนังแนวที่เราชอบดูในช่วงนี้เลย
หนังเปิดฉากมาก็พูดถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่า มีนายทหาร บ้าเลือดตนนึงกับลูกนองที่ฆ่าคนเป็นผักปลา หนังพยายามทำให้คนดูเกลียดไอ้พวกนี้อย่างถึงขีดสุด เพราะคนบ้าอะไร มันทำไมถึงได้โหดเหี้ยมได้ผิดมนุษย์มนาได้ขนาดนี้ ตัดแขนตัดขาคนมั่ง ข่มขืนผู้หญิงมั่ง เอาเด็กโยนเข้ากองไฟมั่ง สารพัดความโหดที่จะสรรหามาทำกับคนด้วยกัน เป็นการปูเรื่องปสู่ความชอบธรรมที่สุดท้ายแล้วไอ้พวกนี้ก็โดนกรรมตามสนอง โดยโดนแรมโบ้ พระเอกของเรา เอาปืนที่ใช้ในสงครามมาถล่มยิงแบบไม่กลัวเปลืองกระสุน เลือดพุ่งเลือดสาดกันชนิด เอาเฮลบลูบอยมาราดไม่ทันกันเลยทีเดียว
ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้รู้ถึงความมันส์ มันส์จริงๆนะ ไม่รู้ว่าถ้าซื้อแป็นดีวีดีมาดูที่บ้านจะมันส์ได้ขนาดนี้หรือเปล่า ยิ่งพูดก็ยิ่งมันส์
สรุป ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะพลาดหนังเรื่องนี้ไปได้ เสียดายจังที่ไม่เคยได้ดู ภาค 1-3 สงสัยต้องเอามาดูใหม่ซะแล้ว ไม่น่าเลย รู้งี้ดูซะตั้งนานแล้ว ด้วยความมันส์อย่างชนิดสุดเหวี่ยงแบบนี้ เราให้ไปเลย 8.8 เสียดายหนังสั้นไปนิด แล้วก็สาระเบาไปหน่อย ไม่งั้นเราให้เกือบเต็มได้เลยนะเนี่ย แหม พูดแล้วยังมันส์ไม่หาย
เนื้อเรื่องย่อ
20 ปีให้หลัง จอห์น แรมโบ้ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษทางภาคเหนือของประเทศไทย เขาทำงานอยู่บนเรือบดลำหนึ่งที่ล่องอยู่ในแม่น้ำสาละวิน ใกล้ๆกับชายแดนไทย-พม่า ที่ซึ่งเกิดสงครามระหว่างพม่าและชนเผ่ากะเหรี่ยง ทว่าเขากลับใช้ชีวิตอย่างไม่ยี่หระสถานการณ์รอบข้าง แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเมื่อกลุ่มมิชชันนารี่ต้องการไกด์ชาวอเมริกัน โดยการนำของซาร่าห์ (จูลี่ เบนซ์) และไมเคิล (พอล ชูลซี่) โดยติดต่อมาหาแรมโบ้ ในตอนแรกแรมโบ้ปฏิเสธที่จะเดินทางข้ามไปยังฝั่งพม่า แต่สุดท้ายเขาตกลงที่จะพาคนกลุ่มนี้ไป ต่อมาเขาได้ทราบข่าวว่ากลุ่มมิชชันนารี่ไม่ได้เดินทางกลับมา มันจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกลับไปอีกครั้ง…
Synopsis
Vietnam veteran John Rambo has survived many harrowing ordeals in his lifetime and has since withdrawn into a simple and secluded existence in Thailand, where he spends his time capturing snakes for local entertainers, and chauffeuring locals in his old PT boat. Even though he is looking to avoid trouble, trouble has a way of finding him: a group of Christian human rights missionaries, led by Michael Burnett and Sarah Miller, approach Rambo with the desire to rent his boat to travel up the river to Burma. For over fifty years, Burma has been a war zone. The Karen people of the region, who consist of peasants and farmers, have endured brutally oppressive rule from the murderous Burmese military and have been struggling for survival every single day. After some inner contemplation, Rambo accepts the offer and takes Michael, Sarah, and the rest of the missionaries up the river. When the missionaries finally arrive at the Karen village, they find themselves part of a raid by the sadistic Major Pa Tee Tint and a slew of Burmese army men. A portion of the villagers and missionaries are tortured and viciously murdered, while Tint and his men hold the remainder captive. Concerned by their disappearance, the minister in charge of the mission gathers a group of mercenaries and pleas Rambo transport them with his boat, since he knows their last exact location. But Rambo can't stay behind: he joins the team where he belongs, to liberate the survivors from the clutches of Major Tint in what may be one of his deadliest missions ever Written by stallonezone.com / Drew Lahat
In this latest Rambo installment, John Rambo has retreated to a simple life in a rural Thai village near the Burmese border, capturing snakes for local entertainers, and transporting roamers in his old PT boat. Following repeated pleas, Rambo helps ferry a group of Christian aid workers into war-torn Burma, where the local Karen villagers are regularly tortured and massacred by Major Tint's sadistic soldiers. The humanitarian mission is going well, until the village is attacked and the missionaries are kidnapped, and Rambo is once again asked to transport - but this time a group of mercenaries, assembled by the missionaries' minister on a deadly rescue mission. This time he doesn't stay behind. Written by Drew Lahat
In Thailand, John Rambo is living peacefully capturing snakes and transporting people and cargo in an old boat. When a group of Christian missionaries asks to be transported to the war zone in Burma to help the locals, the reluctant Rambo only accepts when Sarah Miller presents her point of view about their humanitarian mission. Rambo leaves the group in the requested location, but the village where they are working is attacked by the sadistic army of Major Pa Tee Tint, the locals are slaughtered and the missionaries are abducted. Later a member of their church meets Rambo and asks him to transport a group of mercenaries hired to rescue the missionaries. Written by Claudio Carvalho, Rio de Janeiro, Brazil
In Thailand, John Rambo is living peacefully capturing snakes and transporting people and cargo in an old boat. But when he joins a group of mercenaries to venture into war-torn Burma, and rescue a group of Christian aid workers who were kidnapped by the ruthless local infantry unit. Rambo refuses, but is convinced by another member, Sarah Miller, to take them up there. When the aid workers are captured by the Burmese army, Rambo decides to venture alone into the war zone to rescue them. Written by Anthony Pereyra {hypersonic91@yahoo.com

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/11/2008 06:40:00 AM
Be Kind Rewind : ใครจะว่า...หนังข้าเนี๊ยะหล่ะเจ๋ง
เรื่องนี้ เราไม่ได้ไปดูหรอก เพราะว่าไปดูไม่ทัน หนังออกก่อน แสดงว่า ยังไง คิดเอาเอง ขนาดรีบไปดูแล้วนะเนี่ยยังไม่ทันเลย
เนื้อเรื่องย่อ
เมื่อ เจอร์รี่ (แจ็ก แบล็ก) เชื่อว่าโรงไฟฟ้าทำให้เขาสมองเสื่อม จึงบุกเข้าไปหมายถล่มโรงไฟฟ้าให้พังราบ แต่ดันพลาดทำให้เขากลายเป็นมนุษย์แม่เหล็ก เรื่องยิ่งยุ่งเข้าไปอีกเมื่อสนามแม่เหล็กจากตัวของเจอร์รี่ไปลบภาพวิดีโอในร้านให้เช่าสุดโกโรโกโสของเพื่อนซี้ ไมก์ (มอส เดฟ) หมดเกลี้ยง
ทั้งสองไม่อยากให้แฟนประจำของร้านวิดีโอต้องผิดหวัง จึงลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์เลียนแบบเรื่องที่ลูกค้าต้องการเช่ากันในลานหลังบ้านของเจอร์รี่นั่นแหละ แต่กลับกลายเป็นว่าภาพยนตร์รูปแบบใหม่ที่ทั้งสองตั้งใจสร้างกันขึ้นมาแบบมั่วๆ กลับโด่งดังขึ้นมา
ในที่สุดทั้ง เจอร์รี่ ไมก์ และเพื่อนบ้านทั้งหลายก็กลายเป็นดาราจำเป็นมาถ่ายทำกันเต็มเวลา เพื่อสร้างภาพยนตร์เลียนแบบภาพยนตร์ดังที่สุดแสนประทับใจในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Ghostbusters ไปจนถึง King Kong ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจร้านวิดีโอกลับมาฟู่ฟ่า แต่ยังทำให้ละแวกบ้านของทั้งสองมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกด้วย
Synopsis
When a bumbling movie lover becomes magnetized while attempting to sabotage a local power plant and accidentally erases all of the videotapes in the small video store where his best friend works, the pair attempt to keep the store's loyal customer base by remaking as many of the top-renting movies as possible. Mike (Mos Def) is an employee at Be Kind Rewind, a modest mom and pop video store that is owned by Mr. Fletcher (Danny Glover). Mike's best friend Jerry (Jack Black) works in an auto garage/junkyard directly adjacent to a local power plant. Lately Jerry has become increasingly paranoid about the effects that the power plant is having on his health. Convinced that he has developed a brain tumor from working in such close proximity to the power plant, Jerry attempts to sabotage the plant. Unfortunately for Jerry, his brain is magnetized in the process. The next time Jerry goes to visit Mike at Be Kind Rewind, the powerful magnetization emanating from his brain erases every videotape in the store. Now the only way for Mike and Jerry to be sure that Be Kind Rewind stays in business is to remake every film on the shelves before the customers notice. But when word gets out that Mike and Jerry have remade such Hollywood classics as Back to the Future, Robocop, The Lion King, and Rush Hour without permission, the store is threatened with copyright violations and forced to close its doors. In the aftermath of the closing, Mr. Fletcher and his employees discover just how loyal their customers really are when the entire neighborhood pools their resources to transform the junkyard into a legitimate movie studio and produce an entirely original film detailing the incredible adventures of a local jazz legend. ~ Jason Buchanan, All Movie Guide

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/11/2008 05:43:00 AM
E-Tim Tai Nae : อีติ๋มตายแน่
ดู Amusement จบก็มาต่อเรื่องนี้เลย ตะกี๊เห็นคนต่อแถวยาว สงสัยน่าจะสนุก อ้าว ก็มีโน็สเล่นด้วยนี่นา ก็น่าจะสนุกอยู่นา
โอ้โฮ คนในโรงมีเกือบ 50 คนแน่ะ คนคงเห่อแหละ อ้าวก็หนังเพิ่งเข้าได้วันเดียว แหม ด้วยความที่เรารอมานาน ไม่รู้เรื่องนี้จะทำให้ผิดหวังเหมือนหนังไทยเรื่องก่อนๆ อีกหรือเปล่า เรื่องนี้ เราเลยตั้งใจดูเป็นพิเศษ ให้สมกับการรอคอยมานาน
หนังเปิดตัวออกมา ก็เริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าสงสัยเป็นอีกเรื่องที่มาหลอกเอาตังค์เราแหงๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เราดูหนังของ โน๊ส มาทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ห่วยที่สุด ถ้าไม่นับตัวโน๊ส นางเอก อิตามิ กับ มะเหมี่ยว แล้ว ที่เหลือ ดูไม่ได้เลย เล่นไม่ได้เรื่อง บทก็น้ำเน่า เดาได้ตลอดเรื่อง มุขเก่ามาก ตั้งแต่สมัยมิตรเพชรา ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียนบท เฮ้อ ดูแล้วอยากเดิยออกจากโรง อยากให้หนังจบเร็วๆ เชื่อมั๊ยว่าพอหนังจบ คนแย่งกันเดินอกจากโรงอย่างกับว่า ถ้าอยู่นานกว่านี้จะโนเก็บเงินเพิ่ม
เราว่าทั้งเรื่อง มีแค่สามคนนี้แหละที่เล่นดี โน๊ส อิตามิ แล้วก็ เหมี่ยวปวันรัตน์ ขอบอกว่า อิตามิ น่ารักมากๆๆๆๆๆ แต่ก็อย่างว่าแหละ แค่นี้คงไม่สามารถทำให้หนังดีขึ้นมาได้
สรุป ผิดหวังอย่างรุนแรงมาก ถึง มากที่สุด ดนตรีประกอบเรื่องนอกจากเพลง ไม่เคยรักใครเท่าติ๋มแล้ว ที่เหลือเรียกได้ว่า แทบไม่ได้ยินเสียงเพลงประกอบเรื่องเลย ดูแล้วเงียบเกินไป พูดง่ายๆ ทั้งเรื่อง มีแต่เสียง น็ส คอยพูดไม่ให้เงียบอยู่คนเดียว ราวกับดู ทอล์กโชว์อยู่ แต่ยังไงก็ดูฝืนๆ เพราะถ้าเราอยากดูโน๊สพูด เราก็ไปดู ทอล์กโชว์ดีกว่า สรุปอีกที คงดูรอบเดียว แค่นี้ก็เข็ดแล้ว เอาไปแค่ 4.8 ก็พอ

เนื้อเรื่องย่อ
ไอ้ตึ๋ง หรือ ฟ้าสะท้าน ส.สะพานปลา (อุดม แต้พานิช) เป็นนักมวยที่ขึ้นแสดงประจำสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพัทยา เขาเป็นชายหนุ่มที่เข็ดขยาดในเรื่องรักจนไม่กล้าริมอบหัวใจให้กับสาวคนไหน แต่แล้วกลับไปตกหลุมรัก อิเตมิ หรือ อีติ๋ม (อาซึกะ) นักท่องเที่ยวสาวจากแดนปลาดิบที่มาหลงเสน่ห์เมืองไทยเข้าอย่างจัง ด้วยความน่ารักอ่อนหวานของอีติ๋ม ไอ้ตึ๋งจึงลุกขึ้นมารวบรวมแรงฮึดทั้งพลังกายพลังใจ พิสูจน์ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายให้สาวเจ้ารู้ว่าเขานี่แหละคือ ชายหนุ่มที่คู่ควร ขณะเดียวกันนั้น มะขิ่น (ศิริน หอวัง) สาวกะเหรี่ยงจากแม่ฮ่องสอน ที่หารายได้อยู่ในพัทยา ด้วยการขายของจิปาถะสารพัดอย่าง ก็แอบชอบไอ้ตึ๋งอยู่เงียบๆ
Synopsis
Director Yuthlert Sippapak’s new film, E-Tim Tai Nai, is written by and starring a comedian, Udom Taepanich (Note). Note plays a boxer, Ei-Ting, participating in a boxing show in Pattaya. He meets a Japanese tourist named Itemi (Asuka Yanagi) or E-Tim and falls head over heels for her. At the end, Ei-Ting has to prove his love for E-Tim and to prove

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,10/11/2008 05:05:00 AM
Amusement : หรรษาสยอง
วันก่อนไปอ่านเรื่องย่อ ของหนังเรื่องนี้แล้วเกิดสนใจ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะดูหรอกเรื่องนี้ เพราะดูท่าทางจะเป้ฯหนังฟอร์มเล็ก โรงหนังคงเอามาฉายคั่นรายการไปงั้น แต่ด้วยความที่ช่วงนี้ไม่มีหนังใหม่เข้าเท่าไหร่เลย ตัดใจไปดูเรื่องนี้ก็ได้วะ เราก็เลยไปดูที่โรง เมเจอร์บางกะปิ เหมือนเดิม ทั้งๆที่ตอนแรกเรากะว่าออกกำลังที่ เซ็นทรัลบางนาเสร็จก็ดูที่โรงนั้นเลยก็ได้ แต่ด้วยความไม่คุ้น เยเปลี่ยนใจไปดูใกล้บ้านดีกว่า
เราเลือกใช้วิธีตีตั๋วด้วยเครื่องจำหน่ายตั๋ว สำหรับ เอ็มแคช เพราะขี้เกียจต่อคิวซื้อตั๋วจากพนักงาน สงสัยว่า วันนี้จะมีโปรโมชั่นอะไรซักอย่าง เพราะเห็นคนเข้าคิวยาวเชียว เดาว่าน่าจะเป็น เอไอเอส ซื้อตั๋วดู อีติ๋ม ราคา 60 บาทนะ
แป๊บเดียวเราก็ได้ตั๋ว ว่าแล้วก็รีบเข้าโรงไปดูหนังอย่างสบายอารมณ์ ทั้งโรงมีคนแค่ 5 คนเอง หนังเปิดเรื่องมาก็ตื่นเต้นเลย เป็นฉากที่รถแล่นตามกันสามคัน คันแรกเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ สุดท้าย ก็ลงเอยด้วยคนบ้ามาฆ่าคนตามสไตล์หนังโรคจิตแบบฮอลลีวูด
หนัแบ่งออกเป็นสามช่วง แต่ละช่วงก็พูดถึงผู้หญิงสวยๆ รวมทั้งหมดสามตอนก็สามคน ขอบอกว่า ดาราหญิงที่แสดงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่สวยสะบัด หุ่นดีโคตรๆ แต่ว่าสามคนนี้ คงเคยไปทำอะไรให้ไอ้คนบ้าฆาตกรของเรื่องเคืองขุ่น เลยออกตามล่าฆ่าทีละคน ซึ่งปนังก็ค่อยๆทะยอยเฉลยปริศนาที่คนดูสงสัยทีละเปลาะๆ
เป็นหนังฟอร์มเล็กที่ทำได้เข้าท่าดีเหมือนกัน ด้วยเอกลักษณ์ของเนื้อเรื่องที่กำหนดบุคลิกให้ฆาตกรในเรื่องมีเสียงหัวเราะที่สุดแสนจะกวนบาทาและน่ากลัวในเวลาเดียว นั่งนึกสภาพตัวเองถ้ามีใครมาหัวเราะแบบนี้ เราคงประสาทแด็กแหงๆ
สรุป ก็กลางๆนะ ฝีมือนักแสดงในเรื่องดูจากใบหน้าแต่ละคน เราว่าใหม่กับวงการมากๆ แต่ก็เล่นได้ไม่เลวทีเดียว คนเขียนเรื่องก็ผูกเรื่องได้น่าสนใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกโลเคชั่น เราว่าน่ากลัวใช้ได้เลย เราชอบไอเดียตอนที่ฆาตกรหลอกนางเอกว่าผ่าท้องเพื่อนนางเอกแล้วโดยเอาชุดที่มีลำไส้แลบออกมาให้ใส่ ดูแล้วสยองดีพิลึก เสียอย่างเดียว เรื่องสั้นไปหน่อย ประมาณ 75 นาทีเอง หนังสั้นมากๆ แต่ที่เหลือก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ตัวแสดงโอเคมากๆ ฉากก็หาที่ได้ดีเหมาะกับเนื้อเรื่อง ที่จะไม่ชอบก็คงจะมีอย่างเดียว คือตัวแสดงที่เป็นคนบ้า ดูแล้วเล่นแข็งๆ ไม่ค่อยสมบทบาทเท่าไหร่ แต่แปลกเรื่องนี้ ดูแล้วก็แล้วกัน ไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากดูซ้ำ คงยังโมโหเรื่องหนังสั้นเกินไปไม่คุ้มค่าเงินอยู่มั๊ง 555 ถ้างั้นเราก็คงให้ได้แค่ 7.1 แหละ
เนื้อเรื่องย่อ
Amusement คือ ภาพยนตร์สยองขวัญ 3 องค์ ที่นำไปสู่บทสรุปแห่งความสยองที่เหนือการคาดเดา ขบวนคาราวาน ที่แปรเปลี่ยนเป็นการนองเลือด... ปราสาทหลังใหญ่ กับคนที่หายไปอย่างลึกลับ... แขกที่ไม่ได้รับเชิญในบ้านในแถบชานเมือง... The Intruder ทาบิธาได้ยินเสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมา ในขณะที่กำลังเลี้ยงหลานของเธอในบ้านแถบชานเมือง เธอไม่เพียงปวดหัวอยู่แล้วกับการรับมือเด็กซน แต่เธอก็ยังต้องเพิ่มความกลัวเข้าไปด้วย เมื่อใครบางคนเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน... The Pension เมื่อสงสัยว่า แฟนหนุ่มและเพื่อนร่วมห้องของเธอที่หายไป จะอยู่ในปราสาทชำรุดทรุดโทรมที่ชื่อว่า "Pere′s Pension" ซึ่งเธอก็ต้องพบกันความสยดสยองที่ตามมา... The Reservoir ผู้หญิงสองคนหนีเพื่อเอาชีวิตให้รอดในถ้ำ พวกเธอพบบันไดเหล็ก ที่อาจจะนำไปสู่ทางรอดที่ปลอดภัย พวกเธอไต่บันไดกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่ามีความรู้สึกว่า ผู้ล่านั้น อยู่ห่างจากเท้าของพวกเธอเพียงแค่ไม่กี่ฟุต... เหตุการณ์ทั้งสามเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ไปเชื่อมโยงกับการถูกกลั่นแกล้งในวัยเด็ก ที่ทุกคนได้ลืมไปแล้ว“เกือบ” ทุกคน... Amusement ถูกเล่าเรื่องด้วย ความความตื่นเต้นและน่าสะพรึงกลัว มันเป็นการกลับมารวมตัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย ของเพื่อนในสมัยเด็กสามคน ที่ต้องตกอยู่ท่ามกลางเขาวงกตที่ซับซ้อน โดยที่ทั้งทาบิธา (แคทเธอรีน วินนิต), เชลบี้ (ลอร่า เบร็คคินบริค) และลิซ่า (เจสสิก้า ลูคัส) ต่างก็ไม่รู้ตัวว่า พวกเธอถูกสะกดรอยตาม จนพวกเธอก็ได้ตกลงไปในหลุมพรางของผู้อยู่เบื้องหลังไปทีละคนสองคน และแปรเปลี่ยนสภาพของตัวเองให้กลายเป็นเหยื่อ มันนำมาซึ่งสถานการณ์ที่บีบบังคับ ที่แสดงให้เห็นถึงความกลัว การแก้แค้น และความสุขสนานที่เสียสติ จากความทรงจำวัยเยาว์อันแสนโหดร้าย ซึ่งถูกนำมาเชื่อมโยงกับชะตาชีวิตของผู้หญิงสามคน ที่ถูกรุกรานโดยพลังงานอันชั่วร้าย
Synopsis
When three female strangers are brought together as part of a malevolent plan, their worst fears soon become a terrifying reality in a dark thriller from writer Jake Wade Wall and director John Simpson.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments