Friday, August 29, 2008,8/29/2008 02:36:00 AM
Virgin Territory : สะดุดจูบ แดนเวอร์จิ้น
ดูมาตั้งนานเพิ่งนึกออกว่า ลืมเขียนบันทึกไป เฮ้อ ช่วงนี้ งานเข้า แทบไม่มีเวลามาอัพเดทบล็อกเลย
ไปดูที่ SF บางกะปิ น่านแหละ เปิดฉากมาก็เล่าเรื่องไปเรื่อยๆเหมือนนิทานปรำปรา กล่าวถึงพระเอก ที่หลงรักนางเอก อีท่าไหนไม่รู้ หลงเข้าไปอยู่ในวัดนางชี ทีนี้พระเอกเราก็แกล้งทำเป็นใบ้ เรารวบรัดเลยนะ ปรากฎว่านางชีวัดนี้ สงสัย ค้างเติ่งมานาน พอเห็นพระเอกสุดหล่อของเราเลยอดใจไม่ไหว เข้าแถวมาให้บริการกันครบถ้วนไม่เว้นแม้แต่เจ้าสำนักชี ( เราดูแล้วก็แปลกใจว่าทำไม ฝรั่งถึงปล่อยให้เนื้อเรื่องที่ล่อแหลมแบบนี้ออกมาฉายได้ ไม่มีใครตำหนิเลยหรือไร แต่ไม่ต้องห่วง ด้วยกรรไกรอันคมกริบของ กบว เมืองไทย มีอะไรให้หลุดลอดโผล่ออกมาโดยเด็ดขาด เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก 555
หนังโดนเฉือนออกไปตั้งเยอะ วิว ต่างๆก็สวยดี พระเอก นางเอกหน้าตาโอเคหมด แต่ฉไนดูๆไป แล้วเบื๊อเบื่อ ไม่น่าติดตามเลย จริงๆ ตอนกลางเรื่องว่าจะเดินออกมาแล้ว ถ้าไม่เกรงใจคนที่นั่งข้างๆ รับรองออกไปแล้ว หนังไม่สนุกเลย งั้นๆ เนื้อเรื่องก็แสนจะธรรมด๊าธรรมดา อะไรที่กระตุ้นอารมณ์นิดหน่อยก็ตัดออกจนไม่เหลือหรอ 5555 ผิดหวังนะ
สรุป หนังงั้นๆ ดูไปก็เสียดายตัง ฉากสู้กันด้วยดาบ เหมือนเอาเด็กมาเล่นฟันกัน ดูน่าเบื่อ มีตลกช่วงที่อยู่ในวัดนางชี ยังพอมีลุ้นมั่ง แต่นอกนั้น เฮ้อ ขี้เกียจบรรยาย ดังนั้น ด้วยความห่วยของหนังเอาไป 5.5 ก็พอ นี่ถ้าไม่ได้ความสวยของนางเอกช่วยไว้ ป่านนี้ 0 ไปแล้วจะบอกให้
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.movieseer.com/
สาวโสดน่ารักและสามหนุ่มมาแข่งขันเพื่อสู่ขอเธอแต่งงาน การแข่งขันเริ่มร้อนแรงถึงขีดสุดในภาพยนตร์ผจญภัยโรแมนติก แสดงนำโดย เฮย์เดน คริสเตนเซน, มิสช่า บาร์ตัน, ทิม ร็อท และคริสโตเฟอร์ อีแกน ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายของนักประพันธ์ จิโอวานนี่ โบบาซิโอ้
“Virgin territory : สะดุดจูบ แดนเวอร์จิ้น” เรื่องราวย้อนไปใน ค.ศ. 1364 เมื่อบ้านเมืองอยู่ในความวุ่นวายจาก คหบดีขี้โกง ชายหนุ่มผู้รักการผจญภัย ลอเรนโซ่ เดอ เลมเบิรตติ (เฮย์เดน คริสเตนเซ่น) พยายามต่อต้านเขา จนในที่สุดเดือนร้อน ถึงขั้นต้องหลบหนีออกจากเมือง และจากการเริ่มต้นหลบหนีครั้งนี้เอง ที่ทำให้ ลอเรนโซ่ เดินทางไปเจอกับการพิสูจน์รักแท้ ที่มีเรื่องของความเวอร์จิ้นเข้ามาเกี่ยวข้อง
Virgin Territory synopsis from : www.movieseer.com
A lovely maiden with three potential suitors finds the competition to take her hand in marriage heating up to a fever pitch in an adventuresome comedy romance starring Hayden Christenson, Mischa Barton, Tim Roth, and Christopher Egan.
Virgin Territory based on Giovanni Boccaccio's 14th Century literary classic, is about a group of young Florentines who take refuge in the Italian countryside. They're amusing one another with stories of love and adventure while the black plague decimates their city.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/29/2008 02:00:00 AM
Mheejou : อาข่าผู้น่ารัก
วันนี้มีนัดไปเล่นโบลิ่ง วันเกิดปุ๋มอีกแล้ว แต่ว่า มันยังเหลือเวลาอีกตั้งนานเพราะนัดไว้ที่ ทองหล่อตอนทุ่มนึงโน่น ตอนนี้ก็เลยนัดพี่พรรณมาดูหนังที่ เมเจอร์เอกมัยดีกว่า ระหว่างรอ ก็เดินไปดูที่บอร์ดว่ามีหนังอะไรดูมั่ง มีหลายเรื่องเลยแต่พี่พรรณไม่ชอบหนังแหวะๆ เละ ๆ เลยเหลือแค่เรื่องอาข่าเรื่องเดียว ก็ดีเหมือนกัน เพราะท่าทางหนงจะออกเร็ว ดูๆซะ เดี๋ยวออกแล้วจะไม่ได้ดู 5555
หนังเปิดเรื่องมาก็พูดถึง เด็กน้อยชาวเขา หมี่จู เด็กน้อยแสนซนผู้ซึ่งทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจผู้หลักผู้ใหญ่ในมู่บ้านไปซะหมด สุดท้ายพ่อเลยต้องส่งไปอยู่กับน้าที่สามเหลี่ยมทองคำเชียงราย ไม่ได้อยู่เฉยๆนะ คงนึกออกนะว่าชาวเขาเขามีอาชีพเสริมอะไรกันมั่ง เค้าก็รับจ้างเป็นแบบถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวไง ทีนี้บนเขาก็มีสถานีโทรทัศน์ชุมชนขึ้นไปตั้ง แรกๆคนชาวเขาเห่อก็ดูกันใหย๋ เรทติ้งขึ้นพรวดๆ ต่อมามุขหมด วเขาก็ขี้เกียจดูหน้าตัวเองออกทีวีทุกวัน เลยต้องหามุขใหม่ ยัยหม่จูของเราตอนนี้กลับมาอยู่เขาเหมือนเดิมแล้วด้วยความบ้ากล้องอยากออกทีวี ตอนนี้แหละ เลยขนเอารูปถ่ายเก่าๆของคนในหมู่บ้านออกมาโชว์ พร้อมบรรยายไปน้ำตาก็ไหลไป ตอนแรกเราดูเราก็นึกว่าระบบเสียงที่นี่ดีจังวุ้ย เสียงร้องไห้ทำไมมันเซ็นเซอราวขนาดนี้ ที่ไหนได้ พี่พรรณที่นั่งข้างๆ ร้องห่มร้องหายประหนึ่งว่า หมี่จูเป็นลูกในไส้ สงสาร ( จริงๆ เราเองก็แอบมีน้ำตาไหลหน่อยนึงเหมือนกันแหละสารภาพเลย แต่เห็นคนข้างๆร้องแล้ว ร้องไม่ออก เพราะพี่แก ฟูมฟายสุดชีวิต ยอมแพ้ดีกว่า)
นี่แหละ ที่เราดูมา ไม่ได้ประทับใจหนังหรอกนะ แต่ประทับใจคนที่ไปดูด้วย ช่างจิตใจอ่อนโยนเหลือเกิน
สรุป ใครจะว่ายังไงก็ช่าง เราค่อนข้างโอเคกับหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่า พล็อตเรื่องจะน้อยไปนิด เบาไปหน่อย ว่ากันที่จริงแล้วหนังเรื่องนี้ น่าจะทำเป็นแค่หนังสั้นก็พอ นี่ดันมาทำเป็นหนังยาวอารมณ์คนดูเลยถูกลากออกไปให้ยาวพอๆกับความยาวหนัง แทนที่มันจะกระตุ้นต่อมน้ำตา เป็นระยะๆ มันก็เลยค้างไปรวมกันตอนจบเสียดายตรงนี้แหละ เอาเป็นว่า ให้คะแนนความน่ารักก็แล้วกัน เอาไป 7.5 นะตัวเอง
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.majorcineplex.com/
พ่อจ๋า.....ทำไมใครหลายคนถึงหายไปจากหมู่บ้านของเรา
แล้วทำไมหนอ.....เราถึงไม่เคยถ่ายรูปพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย
ความสุขอันแท้จริง.....มันอยู่ที่ตรงไหนกันนะ
หมี่จู (ฟูอาน่า ฮิโรยาม่า) เด็กหญิงชาวเขาเผ่าอาข่า ทุกคนในหมู่บ้านรู้ซึ้งถึงความแสบซน รวมไปถึงวีรกรรมสุดป่วนของเธอเป็นอย่างดี จนทำให้พ่อกับแม่ต้องส่งหมี่จูไปอยู่กับน้าที่พื้นราบ ที่นั่นเปรียบเสมือนโลกใบใหม่ที่หมี่จูไม่เคยรู้จักมาก่อน หมี่จูสนุกไปกับงานพิเศษคือการรับจ้างถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว รูปถ่ายแต่ละใบกำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างกับหมี่จู ทำให้เธอคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจากโลกใบเดิมที่เธอเคยอยู่
ในขณะเดียวกันกลุ่มคนเล็กๆ ที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มกระจกเงา” ซึ่งมี พี่แป้น (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) เป็นหัวเรือใหญ่ ได้เข้ามามาทำโครงการทดลองชื่อว่า “บ้านนอกทีวี” ทีวีของชุมชนโดยชุมชน และเมื่อหมี่จูได้กลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง หมี่จูจึงคิดที่บอกเล่าเรื่องราวบางอย่างในแบบของเธอ และพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ออกรายการบ้าน
นอกทีวี แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เรื่องซุกซนอีกต่อไป มันกลับกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งที่ทุกคนในหมู่บ้านสามารถซึมซับได้ด้วยความ เข้าใจโดยมีรายการบ้านนอกทีวีเป็นสื่อกลาง ความพยายามและความตั้งใจของเด็กผู้หญิงธรรมดาคนนี้ กำลังจะทำให้ดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล.....
Mheejou synopsis from : www.movieseer.com
She is a little girl from the Ahka hill tribe community in Thailand's most northern region. The Ahkas are still a self-sustaining community. A youthful NGO arrives at her village to build a small community TV station. All programming is to be about the village with the NGO planning ultimately to have the villagers produce their programs. The little girl is interested but there is a bit of commotion...

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/29/2008 01:24:00 AM
The Coffin : โลงต่อตาย
เหมือนเดิม เป็นหนังที่เรารอคอย อยากดูนักหนา เราเลยไปดูรอบแรกซะเลยที่โรง SF บางกะปิ เพราะโรงนี้เรามีตั๋วฟรี 5555 จริงๆแล้วเราสามารถนั่งแถวหลังสุดได้ด้วย แต่ดันลืมบอกคนขายตั๋วไป แต่มันกลับกลายเป็นผลดี เพราะโรงมันใหญ่พอสมควร ถ้าขืนนั่งไกลมาก จอก็จะเหลือติ๊ดเดียว
หนังเริ่มต้นมาก็ตี่นเต้นเลย มีดาราที่เรารู้จักเยอะแยะเลย ทั้งฮ่องกง ไทย ญี่ปุ่น ก็น่าจะดูสนุกอยู่หรอกนะ ถ้าคนสร้าง ไม่ทำให้เราเสียอารมณ์ อย่าเพิ่งงง จะเล่าต่อ
หนังพูดถึงเรื่อง พิธีกรรมของคนไทย เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า การนอนในโลง เพื่อเสริมชะตาต่ออายุเจ้าของดวง แต่มันกลับกลายเป็นว่า การต่อดวงของตัวเองจะต้องชดเชยด้วยการที่คนที่เรารักจะต้องมีอันเป็นไป ฟังดูน่าขนลุกอยู่นะ หนังก็ทำได้ดี ทำให้เห็นเป็นคู่ๆเลยว่า คู่ไหนเจอเหตุการณ์อะไรมั่ง น่ากลัวดีอ่ะ แต่ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมเราดูหนังเรื่องนี้ แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า แรกๆคนสร้างก็มีไฟดีหรอก แต่พอใกล้ๆจบ ไม่รู้หมดไฟ หรือหมดเงิน หรือ หมดอารมณ์ทำต่อ ดูมันกุดๆ ยังไงก็ไม่รู้ ตอนจบของเรื่องนี่ ก็กลายเป็นว่า คนที่ไปนอนต่อชะตา ก็กลัวกันหมด แต่ไม่ได้บอกวิธีแก้ ที่ตายก็ตายไป แล้วยังไงกันล่ะเนี่ย หนังสอนอะไร งงอ่ะ
สรุป เราประทับภาพถ่ายที่ใช้มุมกล้องแปลกตา ทำให้ดูน่าตื่นเต้น ชอบตอนที่นางเอกฮ่องกงไปจับมือแฟนที่ตายไปแล้ว ตอนนี้สะดุ้งสุดตัว ทำได้ดี รู้สึกผู้กำกับคนนี้ เอกชัย เอื้ครองธรรม จะเคยสร้างเรื่อง Beautiful Boxer เราไม่มีโอกาสดู เพราะหนังออกเร็วมาก ส่วนเรื่อง Love Factory เราได้ดู เราว่าเหมือนหนังต่างประเทศนะ ก็โอเคอ่ะ แต่เรื่องนี้ เปลี่ยนมุขมาสร้างหนังผี พลอตก็โอเค แต่ไม่โดนอ่ะ อย่างที่บอก สงสัยเราตั้งความหวังไว้กับหนังเยอะมากไป เพราะช่วงนี้ มีแต่หนังหวยๆออกมาหลอกเอาตังค์อย่างเดียวตรึมเลย เรื่องนี้ ไม่ค่อยชอบอ่ะ เอาไป 7 ก็แล้วกัน
นักแสดง : อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, คาเรน ม็อค, นภคปภา นาคประสิทธิ์, แอนดรูว์ ลิม, อากิ ชิบูย่า, โอลิเวอร์ พูพาร์ท, ฟลอเร้นซ์ วนิดา เฟเวอร์, สุเชาว์ พงษ์วิไล, ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, อัสนี สุวรรณ
เนื้อเรื่องยิอ จาก http://www.majorcineplex.com
คริส (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เป็นสถาปนิกหนุ่มที่กลัวความแคบอย่างรุนแรง แต่ด้วยความหวังที่จะต่อชีวิตให้กับแฟนสาว มาริโกะ (อากิ ชิบูยะ) คริสจึงยอมเข้าทำพิธีนอนโลงสะเดาะเคราะห์ให้คนรัก ซู (คาเรน ม็อก) นักโภชนาการสาวผู้เคร่งครัดต่อการดูแลสุขภาพ ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย ก่อนแต่งงานกับคู่หมั้นหนุ่ม (แอนดรูว์ เหลียน) เพียง 2 สัปดาห์ ซูหลบมาประเทศไทย และเมื่อค้นพบพิธีกรรมนี้ เธอตัดสินใจนอนโลงเพื่อต่อชะตาชีวิต หลังจากที่ทั้ง 2 เข้าไปร่วมพิธี เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวโดยไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เริ่มต้นดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี เริ่มจากคริสถูกผีสาวแม่ลูกอ่อนสร้างความหวาดผวาในชีวิตรักของเขา ส่วนซูได้พบกับคู่หมั้นหนุ่มโดยมิได้นัดหมาย ซ้ำต้องพบกับความสยองขวัญอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้แนน เพื่อนรัก (ฟลอเรนซ์ เฟเวอร์) ต้องก้าวเข้ามาร่วมไขปริศนา และพบกับเรื่องราวที่น่ากลัวยิ่งกว่า เมื่อสิ่งที่แลกจากการนอนโลงเพื่อสะเดาะเคราะห์กลับกลายเป็นความน่ากลัวซึ่งคุกคามชีวิตของคนใกล้ชิด ทั้งคริสและซูจึงตัดสินใจพิสูจน์ความจริง แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขาทั้ง 2 ก็ยอม
The Coffin synopsis from : www.movieseer.com
Millions believe that lying down in a coffin is a part of the death-before-dying ritual to prolong one’s life by playing dead.
Chris (Ananda Everingham), an architect who is extremely claustrophobic but with hope to lengthen Mamiko’s (Arki Shibuya), his girlfriend’s life, Chris decides to overcome his fear by being in the coffin. Zoe (Karen Mok), a nutritionist, takes care of her health religiously. However, only 2 weeks before marrying her fiancé (Andrew Lin), Zoe finds out that she’s in the final stage of lung cancer. Zoe then runs away to Thailand and discovers the coffin ceremony and decides to participate in order to save her own life.
After the two partaking in the coffin ritual, the spine-chilling story follows. Chris and Zoe are confronted by a series of paranormal and terrifying incidents. Both might have to sacrifice their lives to unfold the truth.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/29/2008 12:52:00 AM
The Sun Also Rises : ยังมีหวังที่ปลายฟ้า
ด้วยความคิดถึง Houserama เพราะไม่มได้ไปดูหนังที่โรงนี้ ตั้งเป็นเดือนแล้ว ด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ 555 วันนี้ ทนคิดถึงไม่ไหว งใจจะไปดูทีเดียว สองเรื่องเลย วางแผนซะดิบดีว่า จะดูเรื่อง the Sun alsorises ก่อน แล้วต่อด้วยอีกเรื่องน่าจะเวิร์ค เรารีบไปที่ช่องขายตั๋ว ดีแฮะ ที่ราคายังเป็น 100เหมือนเดิม ไม่งั้นกรอบตายเลย 555
ทั้งโรงมีสามคน นี่ขนาดรอบบ่ายๆ อ้อ คงเป็นเพราะรอบบ่ายมั๊ง คนเลยน้อย หนังเปิดฉากขึ้นมา ภาพสวยมาก แต่งงๆ มีผู้หญิงหน้าตาใช้ได้คนนึง ท่าทางแต่งหน้าจนอายุค่อนข้างเยอแล้ว มาตะโกนโหวกเหวกเหมือนคนบ้า เกี่ยวกับรถไฟ พระอาทิตย์ขึ้นอะไรนี่แหละ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก หนังพยายามสื่อให้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้ มีพฤติกรรมแผลงๆ เช่น ปีนขึ้นต้นไม้ร้องโหวกเหวกบ้างล่ะ เอาชามมาโยนเล่นบ้าง แรกๆดูไปก็งง เอ๊ะ อีนี่มันบ้านี่ แต่ด้วยวิธีเล่าเรื่องที่สุดแสนจะแปลกประหลาด ก้ค่อยๆ เล่าย้อนกลับไปเปิดปมที่คนดูสงสัยมานานว่ามันเป็นบ้าอะไรของมันกันแน่ ที่แท้ ก็เรื่องเดิมๆ ความรักนั่นเอง
หนังมีความแปลกประหลาด อัศจรรย์พันลึกมากๆ ทั้งๆที่เนื้อเรื่องสุดแสนจะธรรมด๊าธรรมดา แต่คนสร้างก็ช่างคิดทำซะจนเราลุกไปไหนไม่ได้เลย ( เพราะลุกไปแล้ว เดี๋ยวไม่รู้มันจะเล่าย้อนไปตอนไหนอีก เดี๋ยวจะไม่รู้เรื่องยิ่งกว่านี้ แค่นี้ก็แย่แล้ว 5555 ) เชื่อมั๊ย นี่ขนาดดูมา 2 อาทิตย์แล้วนะ ภาพต่างๆยังตราตรึงในความทรงจำอยู่เลย ภาพรถไฟวื่ง ภาพ.. ต้องยอมรับเลยว่า ถ่ายภพได้ค่อนข้างสวย ยังมีภาพที่ตัวเอก เดินมาเจอกันตรงคันนาอีก ดูยังไงก็ไม่เบื่อ มีหมอกจางๆอีกต่างหาก สวยจริงๆ
ถ้าใครชอบความประทับใจ ในภาพที่สวยมากๆๆๆ แต่ต้องอดทนหน่อยในตอนแรก เพราะดูแล้วอึดอัดมากๆ นั่งดูไปด่าตัวเองไป ว่า เราโง่หรือว่า เราเมากันแน่หนอ ทำไมเราดูไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย เดี๋ยวมันร้องตะโกน เดี๋ยวมันหน้าบึ้ง งงมากๆ
สรุป ด้วยความแปลกใหม่ ประกอบกับภาพที่โคตรสวยเราให้ไปเลย7.5 ถึงเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ดูโคตรน่าติดตามตลอด ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อ DVD เก็บไว้ดีมั๊ย เพราะเกิดวันนึงเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า มันเป็นอะไรของมันกันแน่จะได้เอาขึ้นมาดูใหม่ได้ไง แต่ก็กลัวจะสติปัญญาไม่ถึงอีก เฮ้อ ไม่รู้เอาไงดี
เนื้อเรื่องย่อ The Sun Also Rises จาก http://movie.sanook.com/
The Sun Also Rises มาพร้อมกลวิธีการเล่าเรื่องที่แพรวพราว เทคนิการนำเสนอที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา ผู้กำกับ เจียงเหวิน แบ่งเรื่องในหนังออกเป็น 4 เรื่องย่อยๆ ด้วยกัน อันประกอบไปด้วย
เรื่องที่หนึ่ง เป็นเรื่องของหญิงม่ายที่ฝันถึงรองเท้าสีแดง และเธอก็รีบรุดไปหาซื้อรองเท้าคู่นั้นทันทีที่ตื่นนอน แต่มันกลับนำเธอไปพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เรื่องต่อมา เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เมื่อศาสตราจารย์เหลียงโดนศาสตราจารย์หญิงร่วมคณะ กล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ เขาจึงต้องเคลียร์ตัวเองให้สำเร็จ
เรื่องที่สาม เด็กหนุ่มลูกชายของหญิงม่ายในเรื่องแรก ต้องเผชิญหน้ากับครูของรัฐบาลที่ถูกส่งมาล้างสมองคนในหมู่บ้าน
เรื่องสุดท้ายเกิดขึ้นที่ทะเลทรายโกบี ที่ที่คนดูจะได้รับทราบความเป็นไปต่างๆ ของเรื่องข้างต้นได้อย่างชัดเจน
The Sun Also Rises ยังคงพูดถึงความเป็นไปในสังคมจีน การเสียดสีระบอบการเมืองและทัศนคติของผู้คนร่วมสมัย ด้วยลีลาทีเล่นทีจริง ตามแบบฉบับของเจียงเหวิน หนึ่งในคนทำหนังแถวหน้าของวงการภาพยนตร์จีนในปัจุบัน
The Sun Also Rises Synopsis from : www.houserama.com
Jiang Wen stars in his third directorial work that boasts a stellar cast including Joan Chen, Anthony Wong and Jaycee Chan. A polyptych of interconnected stories in different time-zones, shifting between a Yunnan village, a campus, and the Gobi Desert. Written by Anonymous from imdb.com

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/29/2008 12:03:00 AM
International Doll Fair 2008 : เทศกาลตุ๊กตานานาชาติ
เมื่อวันก่อนดูทีวี ได้ยินเค้าพูดเชิญชวนให้ไปดูงาน เทศกาลตุ๊กตานานาชาติ ที่จัดที่ซีคอนระหว่างวันที่ 16-24 สิงหาคม เราจำได้ว่าเราไปวันที่ 20 สิงหาคม เพราะมีธุระไปแถวนั้นพอดี เลยแวะไปซักหน่อย อ๋อ งานนี้เราไม่ลืมเอากล้องไปด้วยแล้ว ไม่เหมือนคราวที่ไปดูพระช่วงเข้าพรษา
เราไปถึงห้างตั้งแต่ยังไม่เปิดประตูเลย เลยถือโอกาสชะแว๊บไปเดินดูของที่ โลตัส แป็บนึงก่อน ไม่มีอะไรน่าซื้อเลย ของก็มีหมดทุกอย่างแล้ว ซักครู่ประตูห้างก็เปิดเราก็เลยรีบเดินไปดูงานตุ๊กตาที่ว่าให้เต็มตาสมกับที่รอคอยมาตั้งนาน
อุแม่เจ้า นี่หรืองานแสดงตุ๊กตานานาชาติที่โฆษณาทางทีวี ไม่รู้นะ เราไม่เคยไปดูงานแสดงตุ๊กตาที่ไหน แต่ในความรูสึกเราขอพูดตรงๆว่า เล้กมากๆ มีตู้โชว์ตุ๊กตา ประมาณ 10-20 ตู้เห็นจะได้ มีบาบี้ ประมาณสามตู้ ตู้นึงก็หลายชั้นอ่ะนะ รวมๆแล้วน่าจะซัก 30 ตัวมั๊ง แต่ละตัวก็หนาตาเหมือนกัน แตกต่างกันที่ชุดที่ใส่ เดี๋ยวก่อนเราไม่ได้ว่า งานไม่ดี หรือตุ๊กตาไม่ดีนะ ตุ๊กตาน่ะดี แถมมีบอร์ดติดเอาไว้อธิบายด้วยว่า ตุ๊กตาของใคร ประวัติเป็นไง แต่ที่เราติ เราว่างานนานาชาติ มันน่าจะอลังการกว่านี้หรือเปล่า
เราส่งรูปมาให้ดูเป็นหลักฐานด้วยว่า มีโชว์อะไรบ้าง ที่เราชอบก็มี ตุ๊กตาของเกาหลี ที่ดูวัยรุ่น ทันสมัยมากๆๆ หน้าซีดๆ ไม่ยิ้ม ดูเท่ดี
สรุป เราค่อนข้างผิดหวังกับขนาดของงาน แต่รูปแบบงานก็โอเคนะ เสียนิดนึง ตุ๊กตาน้อยไปหน่อย ไม่งั้นคงน่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้ เอาไป 6 ก็พอนะ

บทคัดย่อจาก http://www.ryt9.com/เลยแวะไปซักหน่อยกรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ซีคอนสแควร์ ซีคอนสแควร์ จัดงาน “ เทศกาลตุ๊กตานานาชาติ ” ยิ่งใหญ่ ตื่นตา ตื่นใจ กับตุ๊กตานับพัน อาทิ ตุ๊กตาประวัติศาสตร์ ตุ๊กตาหายาก แปลกแต่จริง ! ญี่ปุ่นเคยใช้ตุ๊กตาเป็นสื่อสร้างสันติภาพ อิชิมาซึ ทูตสันถวไมตรีตัวแรก ตุ๊กตาเยอรมัน อายุ 140 ปี(มีตัวเดียวในโลก) จูโม่ ตุ๊กตามีคิ้วและขนตาดก(มีตัวเดียวในประเทศไทย) บูดัวร์(ตุ๊กตาสุภาพสตรีชั้นสูงของฝรั่งเศส เลียนแบบการแต่งตัวเหมือนเจ้าของ ใช้เป็นตัวแทนมอบให้แก่คนรัก), Shirley Temple (ตุ๊กตาตัวแรกของโลกที่ทำขึ้นจากการเลียนแบบคนดัง) Jerry Mahoney Ventriloquist ตุ๊กตาดาราตลก จากอเมริกา, โมโมทาโร่ ตุ๊กตาญี่ปุ่นสัญญลักษณ์ความกล้าหาญ, ลิโป้ ตุ๊กตาจีน ตัวละครเรื่องสามก๊ก จากไต้หวัน,รามเกียรติ์ ตุ๊กตาบางกอกดอลล์ ศิลปะชิ้นเอกของไทย ฯลฯ ตุ๊กตาแฟชั่น ตุ๊กตายอดนิยม บีเจดี บาร์บี้ บลายท์ ตุ๊กตาเทยัง พูลลิบ แดล กับคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด จากญี่ปุ่น ตุ๊กตาล้อเลียน นักการเมือง ดารา ตลก และ ตุ๊กตาใต้ดิน ที่สร้างขึ้นตามจินตนาการของวัยรุ่น พร้อมเลือกซื้อตุ๊กตา ไทย และ เทศ เริ่มวันที่ 16 - 24 สิงหาคม ศกนี้ เวลา 10.30 — 21.00 น. ณ ลานน้ำพุ ชั้น 1 ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ นางสาวสุทิศา พุ่มประดล ผู้จัดการสายงานการตลาด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ จัดงาน “ เทศกาลตุ๊กตานานาชาติ ” ขึ้นระหว่าง วันที่ 16-24 สิงหาคม 2551 ณ ลานน้ำพุ ชั้น1 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชม ศึกษาประวัติความเป็นมา อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์ตุ๊กตา ที่ชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ต่างพากันหลงใหลในเสน่ห์จนกลายเป็นของสะสมอันทรงคุณค่า ภายในงานจะได้พบกับ ตุ๊กตาประวัติศาสตร์ ตุ๊กตาหายาก ตุ๊กตาแฟชั่น ตุ๊กตายอดนิยม และ ตุ๊กตาล้อเลียน จาก ไทย และ เทศ กว่า 1,000 ตัว ได้แก่ ตุ๊กตาไทย ตุ๊กตาบางกอกดอลล์ ของ คุณหญิงทองก้อน จันทวิมล : ชุดรามเกียรติ์ (ศิลปะชิ้นเอกของประเทศได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดตุ๊กตาพื้นเมืองนานาชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2521 ที่ประเทศโปแลนด์) ฯลฯ ตุ๊กตานานาชาติ ของ คุณเอกรัตน์ วงษ์จริต นักออกแบบชื่อดังผู้รักการสะสมของเก่าโดยเฉพาะตุ๊กตาโบราณ และ หมอตุ๊กตาต่างประเทศคนแรกของไทย (รับซ่อมเฉพาะตุ๊กตาที่มีอายุกว่า100 ปี) : Ishimathu (อิชิมาซึ ตุ๊กตาสันติภาพที่ใช้เป็นทูตสันถวไมตรี ระหว่าง ญี่ปุ่น - สหรัฐอเมริกา ผลิตปี 1900 อายุ 108 ปี มีเพียง 6 ตัวในประเทศไทย และ 58 ตัวทั่วโลก), ตุ๊กตาเยอรมัน อายุ 140 ปี(มีตัวเดียวในโลก), Jumeau bebe (จูโม่ ตุ๊กตามีคิ้วและขนตาดก มูลค่า 5 แสนบาท ผลิต ปี 1850 อายุ 158 ปี มีตัวเดียวในประเทศไทย) Boudior (บูดัวร์ ตุ๊กตาสุภาพสตรีชั้นสูงของฝรั่งเศสเลียนแบบการแต่งตัวเหมือนเจ้าของ ใช้เป็นตัวแทนมอบให้แก่คนรัก ผลิตปี 1920 อายุ 88 ปี) จากฝรั่งเศส, Shirley Temple (ตุ๊กตาเซเลบริตี้ ตัวแรกของโลกที่ทำขึ้นจากการเลียนแบบคนดัง ผลิตปี1930 อายุ 78 ปี) Jerry Mahoney Ventriloquist (ตุ๊กตาดาราตลกกับเทคนิคการพากษ์ไม่ขยับปาก ผลิตปี 1948 อายุ 60 ปี) Barbie (บาร์บี้ ตุ๊กตาหายากที่มีขนาดตัวใหญ่เท่าเด็ก 3 ขวบ)จากสหรัฐอเมริกา, Momotaro (โมโมทาโร่ ตุ๊กตาญี่ปุ่นสัญญลักษณ์ของความกล้าหาญ), Ripo (ลิโป้ ตุ๊กตาจีน ตัวละครเรื่องสามก๊ก จากไต้หวัน), ตุ๊กตาจากสาธารณรัฐเกาหลี, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, รัฐสุลต่านโอมาน ฯลฯ ตุ๊กตาแฟชั่น ตุ๊กตายอดนิยม : Barbie , Blythe(บลายท์), BJD, Taeyang Pullip Dal (เทยัง พูลลิบ แดล)กับคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด จากญี่ปุ่น ฯลฯ ตุ๊กตาหน้าเหมือนคนดัง อาทิ นักการเมือง ดารา ตลก ตุ๊กตาใต้ดิน เป็นตุ๊กตาที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการ มีรูปร่าง หน้าตา และ ท่าทาง ที่แปลกประหลาด การออกร้านจำหน่ายตุ๊กตาไทย และ เทศ อาทิ ตุ๊กตาผ้า ตุ๊กตาวูดู ตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ ฯลฯ ซีคอนสแควร์ ขอเชิญทุกท่าน ชื่นชมตุ๊กตาประวัติศาสตร์ สุดยอดความอลังการ ในงาน “ เทศกาลตุ๊กตานานาชาติ” วันที่ 16-24 สิงหาคม ศกนี้ เวลา 10.30—21.00 น. ณ ลานน้ำพุ ชั้น 1 ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2721-8888 ต่อ 312, 313, 314 www.seaconsquare.com

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Saturday, August 23, 2008,8/23/2008 11:17:00 PM
Woh Mah Ba Maha Sanook : ว้อ หมาบ้ามหาสนุก
โอ้โฮ ไปดูหนังเรื่องนี้มาตั้งนานเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืม โพสท์ลง บล็อก เอาล่ะ กำลังนั่งทบทวนอยู่ว่า มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มั่ง คิดไปคิดมานึกอะไรไม่ค่อยออกนะว่ามีอะไรน่าสนใจ อาจเป็นเพราะว่าเรามีอคตินิดหน่อยกับหม่ำ ตรงที่พูดจาไม่ค่อยสุภาพ มักจะหลุดคำอะไรไม่ค่อยเหมาะสมกับเยาวชนออกมาอยู่เรื่อยๆก็เป็นได้ มั๊ง
รู้สึกว่าจะเป็นหนังที่ใช้ CG ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหมาในเรื่อง แต่ก็พอดูได้นะ ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไร เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไหร่ พูดถึง หมาบ้าในหมู่บ้านที่วิ่งไล่กัดคน คนก็วิ่งไปสิ เหมือนดูบ้านผีปอบ แต่เป็นภาคที่ผี กลายเป็นหมาเท่านั้นเอง หนังไม่มีบทสนทนาอะไรที่ทำให้หัวเราะก๊าก เพราะตอนนี้มานั่งนึก ก็นึกถึงตอนเด็ดๆในหนังไม่ค่อยออก
สรุป เอาเป็นว่า หนังดูพอได้ ไม่ได้เหลาเหย่อะไร ตลกเป็นพักๆ แต่ถ้าจะให้เราเปรียบเทียบเรื่องนี้ กับ แหยมยโสธรนะ เรื่องแหยม ได้คะแนนล้นหลามเลยทั้งเนื้อเรื่องและตัวแสดง เราว่าเรื่องนี้งั้นๆอ่ะ เอาไปแค่ 6 ก็พอ เพราะไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือน่าสนใจเลย คิดดูดิ ดูไปแค่ สองสามอาทิตย์มานั่งนึกอีกทีนึกไม่ออกละ แสดงว่า หนังไม่มีความสามารถทำให้เราจดจำได้ เอ หรือว่า เราโง่เองวะ 5555
เนื้อเรื่องย่อ ว้อ จาก : http://www.adintrend.com
เมื่อความรู้เชิงวิชาการ (ที่ถูกต้อง) เข้าไปไม่ถึงความทุรกันดาร “ความเชื่อ” กับ “การเดา” ก็ทำให้ขวัญกระเจิง วิ่งกันลูกรังกระจาย
ณ.หมู่บ้านสุดกันดารห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่ง นิยมเลี้ยงสัตว์แปลกๆ ไว้ติดบ้านแทนหมา เพราะเคยมีโรคหมาบ้าระบาด ทำให้หมาในหมู่บ้านนี้ถูกจับไปหมด อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีแต่ความแห้งแล้ง ดินแตกแล้ง กันดาร ฝนไม่ตก แต่พื้นที่ใกล้ๆ กลับมีฝนตก อุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ต้นไม้เขียวขจีต่างกันราวฟ้ากับดิน
แล้ววันหนึ่งเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนในหมู่บ้านถูกสัตว์ร้ายกัดตายอย่างสยดสยอง ชาวบ้านต่างสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา จนในที่สุดนักวิชาการคนเดียวในหมู่บ้านก็ลงความเห็นว่าน่าจะถูก “หมาบ้า” กัดตาย “โชค”หมาตัวเดียวที่มีอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งเป็นหมาวัดที่ฉลาดแสนรู้ ถูกชาวบ้านเพ่งเล็งว่าโชคนี่แหละคือหมาบ้าที่ทำร้ายคนในหมู่บ้าน
ด้วยความกลัวที่จะถูกหมาบ้าทำร้าย คนในหมู่บ้านจึงช่วยกันหาวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้หมาบ้าเข้ามาใกล้ ด้วยวิธีประหลาดๆ สุดบรรยา ยแล้วแต่ว่าใครจะสมองใสแจ๋วกว่ากัน ความวุ่นวายในการวางแผนและลงมือของ “คน” ในการกำจัด “หมา” แบบสุดโต่งจึงเกิดขึ้น กลเม็ดเด็ดดวงของคน กับสติปัญญาระดับเกรดเอของหมา ใครล่ะที่มันจะเจ๋งกว่ากัน!
Synopsis : Woh Mah Ba Maha Sanook : from www.movieseer.com
In one of the most uncivilized villages where most of the people prefer petting strange animals than having a regular dog since rabid was an epidemic in the neighborhood before. The result of rabid is the cleanout of the dog population. The village also undergoes the drought problem, while the grass is greener in the neighboring town.
On one day, an unexpected thing happens. One of the villagers is terribly bitten by an unknown creature. Everyone tries to search for the answer until the only scholar in the village concludes that a rabid dog bit the victim to dead. Chok, the only dog in the village, becomes the number one suspect. He usually lives in a temple and is very smart.
With fear of getting bit by Chok, all villagers figure the weirdest way possible to protect themselves from him and at the same time want to get rid of Chok for good. When the mentality of dog and human crashes…we’ll find out who is the best in this mind game.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/23/2008 04:04:00 AM
Rogue : ตำนานโหดโคตรไอ้เคี่ยม
ไปดูเรื่องนี้วันแม่เหมือนกัน ดูมันสองเรื่องเลย ต่อจาก Wall-E ก็แจ้นมาตรงข้ามเลย ก็เมเจอร์บางกะปิเจ้าเก่า ที่ต้องข้ามมาดูโรงนี้ก็เพราะว่า เรามีตั๋วฟรีอะดิ แถมยังดูได้ในวันแรกเลยด้วย 555 เป็นไง แน่มั๊ยล่ะ
มีเพื่อนถามเรานะ ว่าทำไมเรามีตั๋วฟรีเยอะจัง จริงๆแล้วเราไม่ได้มีเป็นปึกหรอกนะ แต่ว่ามันทยอยมา อย่างหนังเรื่องนี้เนี่ย เราก็ได้มาจากกการที่ซื้อตั๋วล่วงหน้าตอนสงกรานต์ แต่ดันมาใช้ได้ตอนนี้ ส่วนอย่างอื่นที่ฟรีๆเนี่ย ส่วนใหญ่เราก็ได้มาจากโปรโมชั่นหน้าโรงนั่นแหละ เรียกได้ว่า มีโปรโมชั่น มีเกมส์อะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราก็ลุยจนได้ของฟรีมาจนได้ ตามนิสัยคนงก 55555 เพราะฉะนั้นต้องขยันอัพเดทข่าวสารหน้าโรงบ่อยๆหน่อย
มาคุยเรื่องหนังดีกว่า เราไม่ได้คาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้เลยจริงๆนะ หนึ่งก็เพราะเป็นตั๋วฟรีก็ดูไปงั้นๆแหละ สองก็หนังแนวนี้ ดูกี่เรื่องกี่เรื่องก็เหมือนเดิม จระเข้มากินคนสุดท้ายก็ตายเพราะโดนคนปราบ หรือไม่อีกทีก็ ไข่ทิ้งไว้เพื่อเอาไว้สร้างต่อภาคหน้า แต่เรื่องนี้ มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างออกไปนิดหน่อย
เรื่องเรื่องมา ก็พูดถึงพระเอกของเรื่อง ( ไมเคิล วอตัน ) เราดูหนังที่พระเอกคนนี้เล่นหลายเรื่องที่ชอบสุดก็เรื่องที่เล่นกับ ดรู แบรี่มอร์ เรื่อง Never been kissed ดูหลายรอบดูจนเราจำบทพูดได้หลายตอนเลย บอกได้เลยว่า ที่พูดภาษาอังกฤษได้ ก็มาจากหนังเรื่องนี้แหละ เนื้อเรื่องน่ารักจริงๆ เฮ้ย ไปไกลเลย กลับมาพูดเรื่องนี้ต่อดีกว่า ก็พระเอกมาเที่ยวออสเตรเลีย นางเอกเป็นไกด์ล่องเรือล่องไปล่องมา คนในเรือโดนจระเข้กินเกือบหมด ตัวนางเกเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ดันรอดอย่างเหลือเชื่อ พระเอกก็ไปช่วยจนสุดท้ายปราบจระเข้ยักษ์ได้เก่งกว่าไกรทองอีกแน่ะ
ที่เราชอบก็เพราะว่าหนังทำได้น่าตื่นเต้นมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่แต่ละคนต้องไต่เชือกข้ามลำน้ำไปอีกฝั่งเพื่อหนีจระเข้ เราว่า กดดันคนดูได้ดีมากๆ เพราะตื่นเต้นตลอดเวลา คนสร้างเองก็เหมือนรู้ เลยล่อฉากนี้ซะนาน จนคนดูเกือบลืมหายใจ ดูแล้วก็น่าสงสาร ที่ตัวละครตายเกือบหมดเพราะสังเวยจระเข้
สรุป ดูสนุกนะ สนุกกว่าที่คิดเยอะเลย เสียอย่างเดียว จระเข้ดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าไม่เวอร์แบบนี้ เราว่า หนังคงไม่สนุก แบบนี้ เรื่องนี้ เราให้ 8.8 นะ คะแนนไม่สูงไม่ต่ำ ที่เราให้ไม่เยอะมากก็เพราะเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยแตกต่างจากที่เคยๆสร้างมาซักเท่าไหร่ แต่ให้คะแนนพระเอก เพราะพลิกบทบาทจากหนังโรแมนติกมาเป็นหนังตื่นเต้น เล่นได้ดีเลยล่ะ ใช้ได้ นางเอก็หน้าหวานมากๆ ไม่น่ามาเป็นไกด์เลย อย่างนี้ เป็นนางแบบได้สบายๆ 555 อ้อ ไม่รู้ว่าใช้ฟิล์มยี่ห้ออะไรมาถ่ายภาพสีตุ่นๆ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
เนื้อเรื่องย่อ จาก www.movieseer.com
เพต เป็นนักเขียนข่าวท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ในระหว่างที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเจริญถึงขีดสุดในเขตแดนทางเหนือ ในระหว่างที่ล่องไปในฝั่งแม่น้ำทางเรื่อ เขาพบตัวเองให้ความสนใจ เคท มัคคุเทศก์สาวสวย เป็นอย่างมาก ทั้งสองชอบพอกันทันที แต่เมื่อเรือถูกชนโดยบางจากเบื้องล่าง การล่องเรือเที่ยวกลายเป็นความอลหม่าน พวกเขาหลุดไปอยู่ในเกาะโคลนเล็กๆ เกาะหนึ่ง เมื่อตกกลางคืน กระแสน้ำเริ่มขึ้น กลุ่มที่ติดเกาะเริ่มรู้ตัวว่าพวกเขาจะต้องโดน จระเข้น้ำเค็มดักรออยู่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่น่ากลังเพื่อความอยู่รอดในสถานที่ๆ ไกลที่สุดในโลก
Synopsis from : www.movieseer.com
Pets is an American travel writer reporting on the booming tourist industry in the Northern Territory. While taking a river cruise he finds himself stuck with a collection of interesting characters, including Kate, the beautiful local tour guide. There is an immediate attraction between the two, but when their boat is rammed by something from below, the tour is thrown into disarray and they become stranded on a tiny mud island. As night falls and the tide starts to rise, the group slowly realise they are being stalked by a huge saltwater crocodile. Beginning a terrifying struggle for survival in one of the most remote places in the world.

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/23/2008 03:20:00 AM
Wall-E : หุ่นน้อยหัวใจรักษ์โลก
วันแม่ปีนี้ หลังจากที่ได้กราบคุณแม่แล้ว ก็เผ่นแน่บไปดูหนังตามแบบฉบับของเรา ( แม่เรางง เฮ้ย นี่วันแม่นะ 555 ) เปล่าหรอก แม่เราไม่ชอบดูหนัง แกชอบดูงิ้วมากกว่า แล้วก็ฟังเพลงจีนเก่าๆอยู่บ้าน ขืนพาไปดู wall-E ท่านคงงงว่า นี่อะไร สรุปเราเลยไปดูหนังเรื่องนี้ ที่โรง เอสเอฟ บางกะปิ กับเพื่อนรุ่นน้อง เพราะบังเอิญเรามีโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 โรงดิจิตอลซะด้วยนะ เลยต้องรีบไปใช้สิทธิ์ก่อนสิ้นเดือนสิงหา
วันนี้วันหยุด เลยต้องซื้อตั๋วที่ราคา 140 บาทแต่ก็ยังถูกกว่าของ เมเจอร์อยู่ดี ( ตามที่เราเคยเล่า ว่า แพง แถมห่วย ) โรงก็โรงเดิม หนังตัวอย่างก็เหมือนเดิม แต่สังเกตได้ว่า โรงนี้เด็กๆเยอะเป็นพิเศษ ทั้งๆที่ไม่ได้พากษ์ภาษาไทยซะหน่อย สงสัยเด็กพวกนี้เรียนโรงเรียนอินเตอร์กันหมด 5555
ภาพสวยมาก ( คือ ปกติเราเป็นคนชอบโทนสีน้ำเงินอยู่แล้ว ) เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับดวงดาว ตัวละครออกแบบได้น่ารักทุกตัว ฉากก็สวยโคตรๆ ไม่มีที่ติเลยซักอย่าง เปิดฉากมาดูเหงาๆ เพราะพูดถึงโลกที่ไม่มีคนอยู่แล้ว มีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เก็บขยะเหลืออยู่ตัวเดียวกับแมลงสาบอีกตัวนึง หนังทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเอก Wall-E ได้ดีมากๆ ดูแล้วสงสารเลย
สักพักก็มีหุ่นยนต์นางเอกปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อจะเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตกลับไปยังยาน เนื้อเรื่องเริ่มสนุกก็ตั้งแต่นี้ เพราะตัวเอกของเราเริ่มมีความรัก หนังไม่ค่อยมีบทพูดนะ เพราะพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเสียงหุ่นยนต์อู้อี้มากๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้พูดกันหรอก ใช้ภาษามือซะมาก
เราให้เครดิตคนเขียนบทนะ เพราะเนื้อเรื่องโรแมนกะติกจริงๆ หุ่นยนต์รักกัน ไม่รู้คิดได้ไง คนออกแบบก็น่าจะได้คำชมด้วยเช่นกัน เพราะว่า น่ารักสุดๆ โอ๊ยชมแล้วชมอีก
สรุป ก็ต้องให้คะแนนเค้าอ่ะนะ เอาไปเลย 9.2 เราว่าไม่รู้จะติอะไรอ่ะ มันดูดีไปหมดจริงๆ มุขตลกก็น่ารักดีแทบทุกฉากเลย แต่ภาพที่ชอบที่สุดก็เป็นภาพโปสเตอร์ที่หุ่นยนต์สองตัวกุ๊กกิ๊กกันสองต่อสองนี่แหละ น่ารักสุดๆ เนื้อเรื่องก็สอนให้เพื่อนรักและจริงใจต่อกัน แล้วก็ให้รักธรรมชาติ มิฉะนั้น โลกของเราอาจกลายเป็นเหมือนกับภาพในหนังก็ได้ ( เราไม่รู้ว่าจะสรุปได้ตรงตามที่คนแต่งเค้าอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะ แต่เราได้ของเราแบบนี้แหละ 555 )
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.movieseer.com/
ถ้าเกิดว่ามวลมนุษย์ต้องจากโลกนี้ไปและใครบางคนลืมปิดระบบการทำงานของหุ่นยนตร์ตัวสุดท้ายขึ้นมาละ? หลังจากหลายร้อยปีของความเหงาและการทำสิ่งที่โปรแกรมสร้างเขาขึ้นมา วอลล์-อี (ย่อมาจาก ผู้โยกย้ายของเสียระบบพื้นโลก) พบเป้าหมายใหม่ในชีวิต (นอกจากการเก็บนู้นนิดนี่หน่อย) เมื่อเขาพบกับ อีฟ หุ่นยนตร์ค้นหาร่างเพรียว อีฟลงมาตรวจสอบพื้นที่ในโลกชั่วคราว การมาของเธอทำให้วอลล์-อี เกิดอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งเมื่อเธอกำลังจะจากไป วอลล์-อีต้องเลือกว่า เขาจะเป็นเพียงหุ่นยนต์เก็บกวาดขยะที่ไม่มีความรู้สึก หรือตามหาความรู้สึกที่ได้เรียนรู้มาจากขยะที่มนุษย์ทิ้งเอาไว้ให้เขาเก็บกวาด เข้ามารวมสนุกกับวอลล์-อีในการผจญภัยข้ามจักรวาลไปพร้อมๆ กับแมลงสาปเพื่อนซี้และทีมหุ่นยนตร์เพี้ยนๆ อีกมากมาย
The Official WALL-E Synopsis, According to Buena Vista (aka Disney) from : http://animatedfilms.suite101.com/
"What if mankind had to leave Earth, and somebody forgot to turn the last robot off?
"Academy Award®-winning writer-director Andrew Stanton (Finding Nemo) and the inventive storytellers and technical geniuses at Pixar Animation Studios (The Incredibles, Cars, Ratatouille) transport moviegoers to a galaxy not so very far away for a new computer-animated cosmic comedy about a determined robot named WALL-E.
"After hundreds of lonely years of doing what he was built for, WALL-E (short for Waste Allocation Load Lifter Earth-Class) discovers a new purpose in life (besides collecting knick-knacks) when he meets a sleek search robot named EVE. EVE comes to realize that WALL-E has inadvertently stumbled upon the key to the planet’s future, and races back to space to report her findings to the humans (who have been eagerly awaiting word that it is safe to return home). Meanwhile, WALL-E chases EVE across the galaxy and sets into motion one of the most exciting and imaginative comedy adventures ever brought to the big screen.
"Joining WALL-E on his fantastic journey across a universe of never-before-imagined visions of the future, is a hilarious cast of characters including a pet cockroach, and a heroic team of malfunctioning misfit robots.
"Filled with surprises, action, humor and heart, WALL-E was written and directed by Andrew Stanton, produced by Jim Morris, co-produced by Lindsey Collins and features original and innovative sound design by Academy Award®-winner Ben Burtt (Star Wars, the Indiana Jones series, E.T. the Extra-Terrestrial)."
So there you have it, folks. WALL-E opens June 27, 2008 amid some pretty fierce expectations. Can WALL-E halt the Pixar profit slide? Or will it be yet another brilliant movie that receives its due well after its theatrical release? And did Disney really drop the ball with Ratatouille?

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments