Saturday, August 23, 2008,8/23/2008 03:20:00 AM
Wall-E : หุ่นน้อยหัวใจรักษ์โลก
วันแม่ปีนี้ หลังจากที่ได้กราบคุณแม่แล้ว ก็เผ่นแน่บไปดูหนังตามแบบฉบับของเรา ( แม่เรางง เฮ้ย นี่วันแม่นะ 555 ) เปล่าหรอก แม่เราไม่ชอบดูหนัง แกชอบดูงิ้วมากกว่า แล้วก็ฟังเพลงจีนเก่าๆอยู่บ้าน ขืนพาไปดู wall-E ท่านคงงงว่า นี่อะไร สรุปเราเลยไปดูหนังเรื่องนี้ ที่โรง เอสเอฟ บางกะปิ กับเพื่อนรุ่นน้อง เพราะบังเอิญเรามีโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 โรงดิจิตอลซะด้วยนะ เลยต้องรีบไปใช้สิทธิ์ก่อนสิ้นเดือนสิงหา
วันนี้วันหยุด เลยต้องซื้อตั๋วที่ราคา 140 บาทแต่ก็ยังถูกกว่าของ เมเจอร์อยู่ดี ( ตามที่เราเคยเล่า ว่า แพง แถมห่วย ) โรงก็โรงเดิม หนังตัวอย่างก็เหมือนเดิม แต่สังเกตได้ว่า โรงนี้เด็กๆเยอะเป็นพิเศษ ทั้งๆที่ไม่ได้พากษ์ภาษาไทยซะหน่อย สงสัยเด็กพวกนี้เรียนโรงเรียนอินเตอร์กันหมด 5555
ภาพสวยมาก ( คือ ปกติเราเป็นคนชอบโทนสีน้ำเงินอยู่แล้ว ) เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับดวงดาว ตัวละครออกแบบได้น่ารักทุกตัว ฉากก็สวยโคตรๆ ไม่มีที่ติเลยซักอย่าง เปิดฉากมาดูเหงาๆ เพราะพูดถึงโลกที่ไม่มีคนอยู่แล้ว มีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เก็บขยะเหลืออยู่ตัวเดียวกับแมลงสาบอีกตัวนึง หนังทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเอก Wall-E ได้ดีมากๆ ดูแล้วสงสารเลย
สักพักก็มีหุ่นยนต์นางเอกปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อจะเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตกลับไปยังยาน เนื้อเรื่องเริ่มสนุกก็ตั้งแต่นี้ เพราะตัวเอกของเราเริ่มมีความรัก หนังไม่ค่อยมีบทพูดนะ เพราะพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเสียงหุ่นยนต์อู้อี้มากๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้พูดกันหรอก ใช้ภาษามือซะมาก
เราให้เครดิตคนเขียนบทนะ เพราะเนื้อเรื่องโรแมนกะติกจริงๆ หุ่นยนต์รักกัน ไม่รู้คิดได้ไง คนออกแบบก็น่าจะได้คำชมด้วยเช่นกัน เพราะว่า น่ารักสุดๆ โอ๊ยชมแล้วชมอีก
สรุป ก็ต้องให้คะแนนเค้าอ่ะนะ เอาไปเลย 9.2 เราว่าไม่รู้จะติอะไรอ่ะ มันดูดีไปหมดจริงๆ มุขตลกก็น่ารักดีแทบทุกฉากเลย แต่ภาพที่ชอบที่สุดก็เป็นภาพโปสเตอร์ที่หุ่นยนต์สองตัวกุ๊กกิ๊กกันสองต่อสองนี่แหละ น่ารักสุดๆ เนื้อเรื่องก็สอนให้เพื่อนรักและจริงใจต่อกัน แล้วก็ให้รักธรรมชาติ มิฉะนั้น โลกของเราอาจกลายเป็นเหมือนกับภาพในหนังก็ได้ ( เราไม่รู้ว่าจะสรุปได้ตรงตามที่คนแต่งเค้าอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะ แต่เราได้ของเราแบบนี้แหละ 555 )
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.movieseer.com/
ถ้าเกิดว่ามวลมนุษย์ต้องจากโลกนี้ไปและใครบางคนลืมปิดระบบการทำงานของหุ่นยนตร์ตัวสุดท้ายขึ้นมาละ? หลังจากหลายร้อยปีของความเหงาและการทำสิ่งที่โปรแกรมสร้างเขาขึ้นมา วอลล์-อี (ย่อมาจาก ผู้โยกย้ายของเสียระบบพื้นโลก) พบเป้าหมายใหม่ในชีวิต (นอกจากการเก็บนู้นนิดนี่หน่อย) เมื่อเขาพบกับ อีฟ หุ่นยนตร์ค้นหาร่างเพรียว อีฟลงมาตรวจสอบพื้นที่ในโลกชั่วคราว การมาของเธอทำให้วอลล์-อี เกิดอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งเมื่อเธอกำลังจะจากไป วอลล์-อีต้องเลือกว่า เขาจะเป็นเพียงหุ่นยนต์เก็บกวาดขยะที่ไม่มีความรู้สึก หรือตามหาความรู้สึกที่ได้เรียนรู้มาจากขยะที่มนุษย์ทิ้งเอาไว้ให้เขาเก็บกวาด เข้ามารวมสนุกกับวอลล์-อีในการผจญภัยข้ามจักรวาลไปพร้อมๆ กับแมลงสาปเพื่อนซี้และทีมหุ่นยนตร์เพี้ยนๆ อีกมากมาย
The Official WALL-E Synopsis, According to Buena Vista (aka Disney) from : http://animatedfilms.suite101.com/
"What if mankind had to leave Earth, and somebody forgot to turn the last robot off?
"Academy Award®-winning writer-director Andrew Stanton (Finding Nemo) and the inventive storytellers and technical geniuses at Pixar Animation Studios (The Incredibles, Cars, Ratatouille) transport moviegoers to a galaxy not so very far away for a new computer-animated cosmic comedy about a determined robot named WALL-E.
"After hundreds of lonely years of doing what he was built for, WALL-E (short for Waste Allocation Load Lifter Earth-Class) discovers a new purpose in life (besides collecting knick-knacks) when he meets a sleek search robot named EVE. EVE comes to realize that WALL-E has inadvertently stumbled upon the key to the planet’s future, and races back to space to report her findings to the humans (who have been eagerly awaiting word that it is safe to return home). Meanwhile, WALL-E chases EVE across the galaxy and sets into motion one of the most exciting and imaginative comedy adventures ever brought to the big screen.
"Joining WALL-E on his fantastic journey across a universe of never-before-imagined visions of the future, is a hilarious cast of characters including a pet cockroach, and a heroic team of malfunctioning misfit robots.
"Filled with surprises, action, humor and heart, WALL-E was written and directed by Andrew Stanton, produced by Jim Morris, co-produced by Lindsey Collins and features original and innovative sound design by Academy Award®-winner Ben Burtt (Star Wars, the Indiana Jones series, E.T. the Extra-Terrestrial)."
So there you have it, folks. WALL-E opens June 27, 2008 amid some pretty fierce expectations. Can WALL-E halt the Pixar profit slide? Or will it be yet another brilliant movie that receives its due well after its theatrical release? And did Disney really drop the ball with Ratatouille?

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink