Thursday, August 20, 2009,8/20/2009 05:24:00 PM
Inglourious Basterds : ยุทธการเดือดเชือดนาซี
แต่ไหนแต่ไรมา เวลาเราไปดูหนัง หรือ อ่านหนังสืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เราเกลียดที่สุด ก็คือการจำชื่อคน เราจะเป็นคนแปลก คือไม่ค่อยใส่ใจเรื่องชื่อแซ่ สักเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผู้อำนวยการสร้างหรือผู้กำกับเนี่ย ดูจะเป็ฯเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาสำหรับเราจริงๆ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เจ๋งไม่แจ๋วจริงแล้ว เราไม่มีวันจำได้โดยเด็ดขาด ถ้าถามเราว่า ผู้กำกับที่สร้างไททานิก ชื่ออะไร ให้ตอบทันทีเราตอบไม่ได้จริงๆ ต้องใช้เวลานึกซักพัก แต่ถ้าถามเราว่าตอนนี้ ( จริงๆแล้วก็ตลอดมานั้นแหละ ) ใครเป็นผู้กำกับหนังในดวงใจของเรา ต้องยกให้คนนี้เลย เควนทิน ทารานทิโน งงตัวเองเหมือนกัน คนบ้าอไร ชื่อจำยากชิบเป๋ง แต่เอาดิ เราจำได้อ่ะ
หนังของอีตานี่ เราประทับใจตั้งแต่เรื่องแรก ที่เราดู คือเรื่อง From dusk till dawn ตอนแรกที่เราซื้อตั๋วเข้าไปดู โปสเตอร์เป็นรูป คนยิงปืน เราเข้าใจไปเองว่าน่าจะเป็นหนังบู๊ เชื่อมั๊ยดูไปได้ครึ่งเรื่อง ก็สนุกตามสไตล์หนังบู๊อยู่แล้ว ปรากฏว่ากลายเป็นหนังผีครับพ่อแม่พี่น้อง ครึ่งหลัง มันส์ระเบิดเถิดเทิงไปเลย คนยิงปืนสู้ผีจนผีตายเรียบ เอากะเค้าสิ เหตุการณ์ผ่านไปหลายปีดีดัก ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า หนังโคตรมันส์เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าใครสร้างอะไรยังไง รู้แต่ว่า สมัยนั้นเราถึงกับซื้อ วิดีโอมาเก็บไว้เลย ( สมัยนั้นยังเป็นวิดีโออยู่ ) ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ก็ไม่เร็วเท่าไหร่หรอก ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ไปดูหนัง ที่ซีคอน ปรากฏว่า มันส์โคตรอีกแล้ว มันคือ Kill bill ครับ ทั้งสองภาคเลย โคตรสนุก จากนั้นเราเลยไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมว่า ใครเป็นคนสร้าง แล้วนอกจากเรื่องนี้แล้ว เค้าสร้างเรื่องอะไรมั่ง ปรากฏว่า มีหนังที่สร้างอยู่ ประมาณซัก สิบกว่าเรื่องมั๊ง เราก็ตามไปหามาดูหมดเลย ไปผิดหวังเลย สนุกสุดๆจริงๆ ทุกเรื่อง หนังแกจะเป็นหนังแนวโหดนิดๆแบบเว่อร์ ถึงโหดแต่ไม่น่ากลัวเลย เพราะมันเว่อจนแอบขำว่า เออคิดได้เนอะ ใครมันจะไปบ้าขนาดนั้น ดูอย่าง kIll Bill โอ้โฮ ยิงกันกระจุยกระจาย นางเอกตนเดียว สู้กับญี่ปุ่นยากูซ่าทั้งกองทัพ ชนะอีกต่างหาก
มาพูดเรื่องนี้ดีกว่าสเน่ห์ของหนัง คือ ดาราที่ขนมาแสดงแบบไม่กลัวเปลืองงบ มีทั้ง แบรดพิท ทั้งคนอื่นๆ สารพัด แล้วดูดิ๊ ไปจับแบรดพิทมาพูดเหน่ออีกต่างหาก หมดหล่อเลย 555 แต่หนังของตานี่ คนที่ชอบจะเข้าใจว่า ไม่ใช่เอะอะอะไรยิงกันอย่างเดียว ฉากพูดก็พูดซะยาวเชียว แต่บทพูดก็คมคายนะ เราได้คำพูดดีๆจากหนังของตานี่จมหูไปเลย พูดเก่งเหมือนหนังแขกเลย มีหลักการน่าเชื่อถือสุดๆ จู่ๆก็ยิงกันแบบมีเหตุผลนะ แต่คนดูตั้งตัวไม่ทัน แล้วฉากบู๊ของหนังตานี่ก็โคตรมันส์ มีฉากหนึงตรงกลางเรื่อง ในผับที่ทหารนาซีไปกินเหล้าแล้วมีเรื่องยิงกับพวกนักสืบอเมริกัน ฉากนี้ กินเวลาแค่ไม่น่าจะเกิน 10 วิ แต่เป็น 10 วิที่มันส์ที่สุดในชีวิตของเราที่เคยดูหนังบู๊มา มันส์มากกกกกกกก
มันส์จนไม่รู้จะเล่ายังไง บทพูดก็พูดได้สละสลวยมากในความคิดของเรานะ แต่เรื่องนี้ บทพูดส่วนใหญ่เป็นภาษาฝรั่งเศสกับเยอรมัน เพราะอิงเหตุการณ์ในสมัยนั้น ผู้ร้ายก็ฉลาดสุดๆ เวลาพูดจาหลอกล่อก็แสดงถึงไหวพริบปฎิภาณสุดยอด ต้องชมคนเขียนบท จุดเด่นของหนังของ เควนทิน อีกอย่างคือ ความสะใจที่มีให้คนดูอย่างเต็มเปี่ยม เค้าร็ว่าคนดูอยากเห็นอะไร จัดให้แบบเต็มที่เลย ฉากจบก็โคตรมันส์ เป็นการเผาโรงหนังแบบย่างสด โอยไม่ร็จะพูดยังไงโคตรสะใจ
สรุป ชอบมากกกกกกกกกกกกกก ดูแล้วไม่อยากให้จบ แต่หนังก็ยาวนะ ประมาณ สองชั่วโมงกว่า แต่เป็นสองชั่วโมงแห่งความมันส์ ว่า แล้วก็อยากไปดูอีกรอบนึง หนังดูง่าย เนื้อเรื่องเว่อแบบสนุก ฉากบ็ถึงใจไคลแม็กซ์สะใจคนดู คนที่ไม่ชอบหนังพูดยาวๆ อาจรำคาญ แต่บทพูดเราว่าทำดีนะ แสดงอารมณ์และความฉลาดของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ร็จะติอะไร เพราะชอบไปหมดเลย เราให้ 9.9 ไปเลย
เรื่องย่อ : เมื่อครอบครัวของสาวชาวยิว โชซานนา เดรย์ฟัส (เมลานี โลรองต์) ถูก ฮานส์ ลานดา (คริสโตเฟอร์ วอลต์ซ) นายพันของกองทัพนาซีสังหาร โชซานนา ที่เหลือตัวคนเดียวก็ลี้ภัยไปยังปารีส และได้รับอุปการะจากผู้หญิงใจดีคนหนึ่ง เธอจึงได้เข้าไปทำงานในโรงภาพยนตร์ ในขณะเดียวกัน กลุ่มทหารอเมริกัน-ยิวที่เรียกขานกันว่า เดอะ บาสเทิร์ดส์ นำโดยนายร้อย อัลโด เรน (แบรด พิตต์) ร่วมมือกับนักแสดงสาวชาวเยอรมันและสายลับคนสำคัญ บริดเจต ฟอน แฮมเมอร์สมาร์ก (ไดแอน ครูเกอร์) ในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านและโค่นล้มอำนาจของผู้นำนาซี โชคชะตาของคน 2 กลุ่มเวียนมาบรรจบ เมื่อวีรบุรุษสงครามชาวเยอรมันเกลี้ยกล่อมผู้บังคับบัญชาของเขา ให้ฉายภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อของนาซีเรื่องล่าสุดที่โรงภาพยนตร์ที่ โชซานนา ทำงานอยู่ โชซานนา มองเห็นโอกาสในการล้างแค้น พร้อมกับที่ เดอะ บาสเทิร์ดส์ คิดใช้โอกาสนี้วางแผนตลบหลังแนวรบศัตรู เพื่อทำให้ฟันเฟืองเครื่องจักรสงครามของเยอรมันสะดุดลง
Synopsis : In German-occupied France, Shosanna Dreyfus (Melanie Laurent) witnesses the execution of her family at the hand of Nazi Colonel Hans Landa (Christoph Waltz). Shosanna narrowly escapes and flees to Paris, and meets a kindly woman who takes her in to work at her movie theatre. Elsewhere in Europe, Lieutenant Aldo Raine organizes a group of Jewish soldiers to engage in targeted acts of retribution. Known to their enemy as The Basterds, Raine's squad joins German actress and undercover agent Bridget Von Hammersmark (Diane Kruger) on a mission to take down the leaders of The Third Reich. Fates converge under a cinema marquee. Shosanna is poised to carry out a revenge plan of her own, when she finds herself in a unique situation when an infatuated German war hero persuades his superiors to screen their latest propaganda film at her theatre. Aware of the plans for the movie premiere, The Basterds are working deep behind enemy lines enact their own plans to throw a wrench in the German war machine.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Thursday, August 13, 2009,8/13/2009 06:48:00 PM
Raging Phoenix : จีจ้า ดื้อสวยดุ
จากอีส้ม ก็มาต่อเรื่องนี้เลย ที่เราคาดว่า คงจะดูสนุก เพื่อชดเชยกับความไม่สนุกของเรื่องแรก ปรากฏว่า อาการหนักเข้าไปอีก ตอนแรกเราคิดว่า หนังแนวจีจ้า แนว จาพนมคงจะทำได้ดี เหมือนกับที่เคยทำมา ปรากฏว่า ไม่ค่อยสนุกเลย จีจ้าเรื่องนี้ มีบทพูดเยอะขึ้นก็จริง แต่ดูยังไงยังไง เราก็นึกว่า ดูเรื่อง ช็อกโกแลตอยู่ วิธีการแสดงไม่เปลี่ยนเลย บทบู๊เราว่า เผลอๆ เรื่องแรกของเธอจะมันส์กว่านะ เรื่องนี้ เหมือนรีบๆสร้างมาเอาเงินยังไงๆอยู่ ฉากบู๊ที่เราคิดว่าน่าจะอลังการกว่าเดิม มาดูเรื่องนี้ เหมือนพยายามก๊อปปี้ กายกรรมเปียงยางมาผสมกับเด็กแร๊บ ซึ่งเราว่าดูตลกมากกว่ามันส์ เพราะว่าแบบนี้ เราสู้ไปดูกายกรรมของจริงจะสนุกกว่า หรือไม่ก็ไปดูเด็กแรบเต้นอย่างเดียว น่าจะดูดีกว่านี้ สรุปคือเราไม่ค่อยชอบเลย จริงๆนะ ดาราในเรื่องนอกจาก จีจ้าแล้ว เราไม่รู้จักใครเลย หน้าตาแปลกๆออกไปทางแนวลบ อ้อ มีคนนึงที่ขอชม เกือบลืมไป คือ คุณ รุ้งตะวัน นักกล้ามหญิง ที่เราเดาว่า ไม่เคยเล่นหนังมาก่อน แต่เรื่องนี้ เล่นใช้ได้เลย แหม แต่เธอคนเดียว คงไม่สามารถ ดึงภาพหนังทั้งเรื่องที่แย่ให้ขึ้นมาได้ แถมฉากบู๊ในเรื่องก็เอามาโปรโมท ในทีวี ตามรายการต่างๆแทบไม่เหลืออะไรให้ลุ้น หรือ ให้ตื่นเต้นแล้ว
แต่อย่างน้อย หนังก็มีมุมดี มุมนึงที่เรามองเห็นอย่างนึง คือการให้กำลังใจ คนที่ท้อแท้ ให้สู้ อย่าเพิ่งท้อ มีฉากที่ จีจ้าคิดถึงพ่อแม่ ที่เราว่า ทำได้อารมณ์ ดีพอสมควร นอกนั้น ก็มีอีกฉากที่พระเอกของเรื่อง กำลังจะตาย ฉากนั้น เราก็ว่าดี ที่เหลือ เราว่างั้นๆ นะ
รวมๆ เราว่า ผิดหวังอ่ะ ฉากบู๊ ไม่ดีเท่าที่เราจินตนาการเอาไว้ ดูตลกมากกว่า แถมเนื้อเรื่องพยายามโชว์ฉากบู๊อีก เลยไปกันใหญ่เลย เหมือนพยายามโชว์ส่วนที่แย่ให้เราเห็นมากเข้าไปอีก เนื้อเรื่อง พูดเรื่องเมรัยยุทธ ก็คือ ก็อปปี้มาจาก หนังเฉินหลงนั่นเอง ท่าบู๊ ก็พยายามดัดแปลงมาจาก ท่าแร๊บ เนื้อเรื่องส่งนนึงก็เอามาจากเรื่อง เพอฟูม น้ำหอมมนุษย์ เบ็ดเสร็จ คือ ยำใหญ่ใส่สารพัดนั่นเอง รสชาติออกมาเลย ขาดๆเกินๆ ไม่ถูกใจเราเท่าไหร่ เราให้ 5.3 เท่ากับเรื่องแรก
เรื่องย่อ : ว่ากันว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ความผิดหวัง และความสูญเสีย มนุษย์ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่พร้อมถูกหล่อหลอมขึ้นจากส่วนลึกในจิตใจ เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ สิ่งนั้นเรียกว่า ความรัก และมันกำลังจะเกิดขึ้นกับ ดื้อ (ญาณิน วิสมิตะนันทน์) หญิงสาวที่มีดีกรีความห้าวดีเดือดพอๆ กับหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตกลับไม่เคยสัมผัสรักแท้แม้แต่ครั้งเดียว วันหนึ่งชีวิตของ ดื้อ ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอได้พบกับ สนิม (คาซู แพทริก แทง) ชายแปลกหน้านัยน์ตาเศร้า ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มคนลึกลับที่ต้องการบางอย่างในตัวเธอ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ ดื้อ ไม่เคยสัมผัสมาก่อน โลกที่มิตรภาพและเพื่อนแท้หาได้จริง โลกที่ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ เรียนรู้การใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเดียวกัน ดื้อ กลายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้ฝึก เมรัยยุทธ ที่สุดแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ลึกลับ ฉับไว มีวิถีการจู่โจมที่พริ้วไหว ล้ำลึก แปลกตา และยากที่จะคาดเดา นอกจากนี้ ดื้อ ยังได้รับมิตรภาพจากเพื่อนใหม่อย่าง ขี้หมู (หนุ่ย แสนแดง) และ ขี้หมา (สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม) ผู้เคยมีบาดแผลจากความสูญเสียมาเช่นเดียวกัน แต่กลับรวมตัวกันลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรัก ในขณะเดียวกัน ลอนดอน (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์) มือสังหารฝีมือฉกาจถูกส่งตัวมาเล่นงาน ดื้อ สนิม และพรรคพวก ทำให้พวกเขาจำต้องต่อสู้โดยต้องเดิมพันด้วยชีวิต แต่ ดื้อ และพรรคพวกไม่รู้เลยว่า ความสามารถของพวกเขายังห่างไกลและยากที่จะรับมือศัตรู ทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้ คือการเข้าถึงแก่นแท้ที่เป็นหัวใจสำคัญของเมรัยยุทธขั้นสูงสุด นั่นหมายความว่า ดื้อ จะต้องรู้ซึ้งถึงคุณค่าและความหมายของรักแท้ให้ได้เสียก่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ ดื้อ ยังไม่เคยสัมผัสมาเลยทั้งชีวิต ถึงแม้ว่าขณะนี้ ดื้อ เรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรักแล้วก็ตาม
Synopsis : Raging Phoenix is the comeback of Jija Yanin, the female action icon, that combines new stunning martial art styles and love story to be the ultimate action-romance film. Focused specifically to Jija''s skills and personality, Raging Phoenix fuses her martial arts skills with hip hop dancing and other elements. The film also introduces a newcomer, Kazu Patrick Tang who teams up with Jija on the big screen.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/13/2009 06:46:00 PM
In Country Melody 2 : อีส้มสมหวัง ชะชะช่า
อย่างที่บอกแหละว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังเข้าเลย อาทิตย์นี้เป็นหนังไทยสองเรื่อง คือ เรื่องนี้ กับ จีจ้า อีกเรื่องนึง สำหรับเรื่องนี้ ความรู้สึกตอนแรกคือ ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ แต่ในที่สุดเราก็มานั่งอยู่ในโรง อ้อ ลืมบอกไปว่าตอนนี้ มีโปรโมชั่นกับช็อกโกแลตคิทแคท เอาซองเปล่าขนาด 6 ชิ้น มาลดราคาค่าตั๋วได้ 60 บาท สรุปแล้ว เราก็จ่ายตั๋วเรื่องนี้แค่ 60 บาท เอง ก็โอเค เมื่อเทียบกับคนที่ใช้โทรศัพท์ค่าย AIS แล้วก็จ่าย 60 บาท เท่ากันไป
เรื่องนี้ เราดูแล้วไม่ค่อยสมหวังเหมือนชื่อสักเท่าไหร่ เพราะมุขในเรื่องก็งั้นๆ ไม่ได้ขำอะไรมากมาย นึกไม่ออกเลยว่า มีตอนไหนขำมั่ง แถมมุขตลกในเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นแนวใต้สะดือซะมาก เป็นห่วงเด็กที่พ่อแม่เอามาดูด้วย เอาเถอะ ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรที่มันโจ่งแจ้งออกมา แต่เด็กที่มาดูด้วยก็คอยถามพ่อแม่ตลอดว่า เค้าหัวเราะอะไรกัน ทีนี้ ก็มาถึงบทที่พ่อแม่ต้องคอยอธิบายให้เด็กๆฟังแล้วว่า ตะกี๊ เค้าขำอะไร ต้องใช้ ไหวพริบปฎิภาณกันสุดฤทธิ์ เห็นแล้วเราก็ขำ แต่ไม่ได้ขำในเรื่องนะ ขำพ่อแม่เด็กน่ะ ภาพพจน์ของโน้ตเชิญยิ้ม สำหรับเราตอนนี้ เลยติดลบนิดหน่อย ไหนบอกว่า อยู่ชมรมคนรักครอบครัว แล้วไม่ห่วงครอบครัวคนอื่นบ้างหรือไร ที่เอาลูกมาดูหนังของตัวเอง แล้วมีแต่มุขตลกใต้สะดือ เฮ้อ อย่างน้อย ก็น่าจะมีอะไรบอกผู้ปกครองสักนิดว่าเรื่องนี้ ไม่เหมาะกับเด็กเล็ก
เราเห็นโน้ต ให้สัมภาษณ์ในทีวีว่า ให้ พิง ลำพระเพลิง เขียนบท เนื้อเรื่องก็โอเคนะ มีหักมุมนิดหน่อย ตามสไตล์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราก็ไม่โทษ พิงนะ เราก็ต้องโทษโน็ตเหมือนเดิมที่ปล่อยให้ออกมาอย่างนี้ได้ไง ส่วนดารา เราก็ชอบแทบทุกตัว ที่ชอบมาก คือ ชมพู่ เพราะแสดงเก่ง สวยอีกต่างหาก ค่อมก็โอเค แต่ด่าคำตลาดเยอะไปหน่อย รวมๆ เราว่าต่ำกว่า มาตรฐาน ที่เราตั้งไว้นิดนึง ส่วนพระเอก เล่นหนังไม่มาก แต่เราว่า เล่นได้โอเคเลย ร้องเพลงเพราะดี ( แต่อย่างว่า แหละ สมัยนี้ เครื่องช่วยเยอะ เลยไม่รู้ว่า เพราะเอง หรือ เครื่องช่วย )
สรุป อีกที หนังเรื่องนี้ ไม่ค่อยสมหวังเหมือนชื่อ ถ้ามาดูเอาฮา ก็ฮาได้นิดหน่อย ไม่ก๊าก อย่างที่ใจนึกไว้ หนังลงทุนต่ำ ฉากตื่นตาตื่นใจ นอกจากฉากเต้นบนเวทีนิดๆหน่อยๆแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าดู ธรรมดามากๆๆๆ แถมยังพูดไม่ค่อยเพราะอีกต่างหาก เราเข้าใจว่า หนังเป็นหนังเกี่ยวกับนักร้อง และคนในตลาด แต่คนในตลาดไม่ใช้ภาษาตลาดก็มีเยอะแยะ แล้วใครๆก็นึกว่าเป็นหนังแนวครอบครัว เราคนนึงล่ะ ที่ไม่ส่งเสริมให้เด็กๆมาดู อย่าดูเลย เดี๋ยวจะติดคำพูดไม่ดีจากหนังไป เราให้ 5.3 นะ สำหรับ ความรับผิดชอบและสิ่งที่คนดูจะได้น้อยไปหน่อย จากหนังเรื่องนี้
เรื่องย่อ : หลังจาก ยอดรัก สลักใจ เสียชีวิตลง ส้ม (สุวนันท์ คงยิ่ง) กับ สมหวัง (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ก็คิดขยับขยาย หาหนทางสานฝันของตนเองต่อไป เพื่อบำรุงปากท้องที่ต้องกินต้องใช้ คุณบำเรอ (โน้ต เชิญยิ้ม) พ่อของส้ม จึงชวนลูกเขย กับลูกสาว ดิ้นรนเข้ามาหาโอกาสในกรุงเทพฯ โดยมีสองสามีภรรยา ค่อม (ค่อม ชวนชื่น) กับ ชมพู่ (ชมพูนุช กลิ่นจำปา) ติดสอยห้อยตามมาด้วย สมหวัง ได้งานร้องเพลงที่คาเฟ่ บำเรอ เป็นยามเฝ้ารถ ค่อม เป็นคนรับรถ ส่วน ส้ม กับ ชมพู่ ยังอยู่บ้านเช่า รอฟังผลการสมัครงานที่ไปยื่นไว้ สมหวัง ได้มาพบกับแสงสีในกรุงเทพฯ มีสาวๆ นักร้องและแม่ยกเข้ามาติดพัน ทำให้ สมหวังไขว้เขว ซึ่ง บำเรอ และ ค่อม ก็รู้เห็นเป็นใจ เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะสร้างทางลัดไปสู่ชีวิตที่สุขสบายได้ ในบรรดาสาวๆ ที่มาติดพัน สมหวัง มี อ๋อย (รุ่งนภา บรู๊ค) ที่ทั้งสวย มีระดับ และทุ่มเทให้ สมหวัง ทุกอย่าง การปฏิบัติตัวและการแต่งตัวของ สมหวัง เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ ส้ม เริ่มระแคะระคาย และตามสืบจนรู้ความจริงว่า สมหวัง นอกใจ จึงทะเลาะกันถึงขั้น ส้ม ลงไม้ลงมือกับ สมหวัง ความจริงที่ ส้ม ปกปิดไว้ว่าตัวเองตั้งครรภ์จึงถูกเปิดเผย สมหวัง จึงพยายามที่จะเลิกเจ้าชู้ แม้ว่าจะยังไม่สำเร็จเสียที ทุกคนหวังว่า สมหวัง ตัวน้อยๆ ที่จะเกิดมาจาก ส้ม จะทำให้ครอบครัวได้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่เมื่อ อ๋อย สามารถพา สมหวัง ไปสู่การเป็นนักร้องออกเทปได้สำเร็จ สมหวัง ก็ลืมทุกสิ่งและทิ้งทุกคนไป ทำให้ บำเรอ เสียใจมากกับอาการลืมตัวของ สมหวัง และ ส้ม ก็แทบหัวใจสลาย แล้วความรักของ ส้ม และ สมหวัง จะเป็นอย่างไรต่อไป
Synopsis : Som and Somwang abandon their musical band to pursue their dreams in Bangkok. Somwang gets a job as a singer in a night cafe, he soon is allured by the night life, girls and fame. The change of Somwang makes Som heartbroken, but the news of Som''s pregnancy seems to reconcile their problem. However, their lives are twisted when Somwang is going to become an artist and decides to leave everything behind his back.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Friday, August 7, 2009,8/07/2009 04:25:00 PM
G.I. Joe: The Rise of Cobra : จีไอโจ สงครามพิฆาตคอบร้าทมิฬ
มาแล้ว หนังที่ดูสนุกโคตรๆของเดือนนี้ ต้องเรื่องนี้เลย มันส์สุดๆ ดูแบบลุ้นทุกวินาทีแทบไม่ได้หายใจหายคอ ตื่นเต้นตั้งแต่นาทีแรกจนลุกออกจากที่นั่ง นับเป็นหนังแอคชั่นไซไฟในดวงใจเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เราไม่รู้ที่มาที่ไปของเนื้อเรื่องอ่ะนะ แต่ไม่ใช่หนังจากการ์ตูนของเครือ Marvel แน่ๆ เพราะไม่เห็นไตเติ้ลเอาไว้ เลยเดาว่าน่าจะแต่งขึ้นมาใหม่ ตแต่ขอย้ำอีกครั้งว่า โคตรสนุก นางเอกทั้งตัวผู้ร้าย และผู้ดี สวยมากกกก ทั้งสองคน หุ่นดีด้วย
เนื้อเรื่องก็แนวเดิมนั่นแหละ ฝ่ายธรรมะต้องป้องกนการใช้อาวุธร้ายแรงของฝ่ายอธรรมที่จะทำลายโลก ในที่สุดก็ทำสำเร็จ แต่เราเดาว่า น่าจะมีภาคต่อ เพราะจบแบบนี้ เหมือนปูทางเอาไว้ว่า พวกผู้ร้ายจะต้องแหกคุกออกมาในภาคสองแหงๆ ไม่เชื่อคอยดู
คนดู มีเกือบสามสิบคนในรอบเช้า โรงดิจิตอลของ เมเจอร์ บางกะปิ ถือว่าไม่เลวนะ ฉากที่เราชอบก็มีฉากที่หอไอเฟลล้ม ทำได้ดีมาก ส่วนชุดที่พระเอกกับเพื่อนพระเอกใส่ที่ดูเหมือนหุ่นยนต์นั่น เป็นฉากที่ประทับใจในความเก่งของชุด แต่ดันเป็นฉากที่ตลกที่สุดในเรื่องเพราะเพื่อนพระเอกดันเฟอะฟะจนดูขำมากกว่าจะดูเก่ง ฉากนี้มันส์มาก เพราะระเบอดรถให้เห็นหลายค้นเลยล่ะ ดูน่าตื่นตาตื่นใจดีมาก
นางเอกตัวโกงนั่น ร้ายแต่ก็สวยสุดๆ คิดว่า น่าจะเป็นตัวร้ายที่สวยที่สุดในโลก อ้อ แต่ต้องบอกว่าเฉพาะตอนผมสีดำนะ ตอนผมทองก็ธรรมดาๆ ส่วนนางเอกผมแดงนั่นก็สวยไม่ยอมใครเหมือนกัน แหม เรื่องนี้ดูแล้วคุ้ม เพราะสวยๆทุกคนเลย ดูแล้วเจริญหูเจริญตาดีมากๆ 5555
ความรู้สึกแบบนี้ เทียบเท่าได้กับตอนดูเรื่องX-men เลย แหม ชอบจัง ไม่รู้ว่า ถ้าซื้อดีวีดีมาเก็บไว้ดูที่บ้านจะมันส์เท่านี้หรือเปล่า แต่ยังไงเราก็เชียร์หนังเรื่องนี้เต็มที่เราให้ 9.1 เลย
เรื่องย่อ : ดุก (แชนนิง ทาทัม) และ ริปคอร์ด (มาร์ลอน เวย์นส์) เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ จีไอโจ หน่วยปฏิบัติการลับระดับยอดฝีมือที่ปักหลักอยู่ในบรัสเซลส์ โดยมี ฮอว์ก (เดนนิส เควด) เป็นผู้นำกลุ่ม พวกเขามีอาวุธเป็นอุปกรณ์ทางการทหารและอุปกรณ์ของสายลับที่ทันสมัยที่สุด เป้าหมายของพวกเขาในคราวนี้คือต่อสู้กับ คอบร้า องค์กรชั่วร้ายลึกลับที่นำโดยพ่อค้าอาวุธชาวสก็อต เดสโตร (คริสโตเฟอร์ เอกเคลสตัน) จีไอโจ จะต้องควบคุมไม่ให้ คอบร้า แผ่ขยายอำนาจอันเป็นภัยต่อโลกมากไปกว่านี้ โดยต้องบุกตะลุยไปปฏิบัติการทั่วโลก ตั้งแต่ขั้วโลกเหนือ ปารีส มอสโก วอชิงตัน ดี.ซี. ออสเตรเลีย ไปจนถึงทะเลทรายซาฮาราของอียิปต์
Synopsis: Duke (Channing Tatum) and Ripcord (Marlon Wayans) join the Brussels-based G.I. Joe Team, a highly trained Secret-Ops team led by Hawk (Dennis Quaid). This elite team uses the latest in next-generation spy and military equipment.Their mission is to battle the growing threat of Cobra, the mysterious and evil organization headed by a Scottish arms dealer Destro (Christopher Eccleston), to prevent them from plunging the world into chaos. Locations include the Arctic, Paris, Moscow, Washington, D.C., Australia and the Egyptian desert Sahara.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/07/2009 04:18:00 PM
Samchuk ,Once in a chance : สามชุก (ขอเพียงโอกาสอีกสักครั้ง)
วันนี้ ดูหนังสองเรื่องเพราะอาทิตย์นี้มีหนังเข้าแค่นี้ ( แอบดีใจ ไม่เปลืองตังค์) เห็นหนังตัวอย่างแล้ว ปะทับใจเพลงที่เอามาประกอบ เพลง กอดฉันไว้ ฟังแล้วน้ำตาซึมไม่รู้ตัว ยิ่งพอได้เห็นบทสัมภาษณ์ในรายการทีวีแล้ว ก็ยิ่งอยากดู เห็นเอาดาราเด็กใหม่ๆมาเล่นตรึม ทั้งเรื่องเราไม่รู้จักใครซักคน อ้อ รู้จักคนเดียว คือคนที่เล่นเป็นครูผู้ชายที่ป็นตัวเอกในเรื่อง ที่เล่นได้อารมณืพอใช้เลยแหละ
หนังแนวนี้ ไม่ค่อยได้เห็นเลยในช่วงห้าปีหลังเนี่ย นึกไม่ออกว่ามีหนังแนวนี้ในยุคนี้ด้วย แต่ถ้าเป็นแนวด็กติดยาเสพติดเท่าที่นึกออกก็มี น้ำพุ เสียดาย ก็ถือว่าเป็นหนังน้ำดี อีกเรื่องที่กล้ามากๆที่ยอมฉีกตัวออกมาทำหนังแนวนี้ ในขณะที่ชาวบ้านเค้าไปเล่นหนังตลก กับ แอคชั่นกัน แต่ผู้กำกับก็ลดความเสี่ยงโดยการเอาดาราโนเนมมาแสดง ก็ลดค่าใช้จ่ายไปได้โขเลย แล้วก็ดาราเด็กแต่ละคนนี่เห็นเล่นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่ฝีไม้ลายมือก็พอไปวัดไปวากะเค้าได้เหมือนกันนะ
ดูแล้วก็อินนะ คิดถึงเพื่อนๆสมัยเรียน ม ปลายเหมือนกัน ชีวิตเราก็คล้ายๆกับเด็กในเรื่องนั่นแหละ หนีเรียนมั่งอะไรมั่งไปตามประสา แต่ไม่ถึงกับติดยาเท่านั้นเอง พอครึ่งหลังของหนัง เนื้อเรื่องเริ่มหนักขึ้น น้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมาทีละนิด แต่ไม่ได้ฟูมฟาย แต่มันทะยอยไหลไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง อารมณ์มันทั้งเศร้าและซึ้งระคนกัน สลับไปมา สงสารตัวละครด้วย ก็มี ปนเปกันไปหมด ก็ถือว่า พอใช้ได้กับการกดดันอารมณ์คนดูได้พอสมควร ( เอาตัวเองเป็นเกณฑ์ )
สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ นอกจากเพลงประกอบแล้ว เราก็ชอบการเดินเรื่องที่ค่อยๆบอกคนดูว่า อะไรเป็นอะไร การเล่าชีวิตของตัวละครแต่ละตัวที่ตรงไปตรงมา ( มีตั้งเจ็ดคนเจ็ดปัญหา ) ไม่เยิ่นเย้อ เข้าใจง่าย ดาราใหม่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอารมณ์ แต่หน้าตาเหมือนเด็กแถวบ้าน หน้าตาธรรมดามากๆ บางคนเราเดาว่า คงจะไม่ได้เล่นหนังอีกแล้วมั๊ง ที่เหลือก็ธรรมดา ฉากก็แสนจะบ้านๆ เพราะถ่ายในตลาดสามชุกนั่นแหละ ไม่ต้องลงทุนมาก เรื่องนี้ สงสัยเอากล่อง เพราะว่ารอบที่เราไปดู ทั้งโรงมีห้าคนเอง แต่ใครจะไปรู้ อาจได้ตังค์ก็ได้นะ ก็ดูสนุกพอใช้ เรื่องนี้ เราให้ 7.2 สำหรับ เนื้อเรื่อง ไอเดีย ความกล้า แหกตลาด แล้วก็อารมณ์หนัง เพลงประกอบเอาไปเต็มเลย ฟังเพราะและซึ้งจริงๆ
เรื่องย่อ : ในปี พ.ศ. 2536 ยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วทุกท้องที่ของประเทศ รวมถึงที่โรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เด็กนักเรียน 7 คนที่ชีวิตกำลังอยู่ในวัยสดใส สนุกสนาน มีความฝันและความรัก กลับต้องมาตกนรกทั้งเป็นกับปัญหาที่ดูเหมือนไม่สามารถหาทางออกได้ เรื่องเริ่มจากการที่ วาล (ธีรภัทร์ แย้มศรี) ต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนหลายอย่าง เพื่อช่วยแม่แบ่งเบาภาระหนี้สินที่พ่อที่เสียไปแล้วทิ้งไว้ให้ จากนั้น ดำ เพื่อนที่อู่ ก็แนะนำให้ วาล รู้จักยาบ้า ที่จะทำให้ วาล ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย กว่าจะรู้ตัว ชีวิตของ วาล ก็ตกอยู่ใต้อำนาจของมันอย่างช้าๆ แล้ว วาล ก็กลายเป็นสะพานที่นำยาไปสู่เพื่อนๆ นักเรียนตัวแสบชั้น ม. 5 พัน (พิเชษฎ์พงษ์ โชคประดับ) ยอด (อำนาจ บัวปรอด) เอก (พงศธร ศรีบุญเพ็ง) และรุ่นน้องม.4 ที่สนิทกันอีก 3 คน เทพ (ณัฐชนน ศุภลักษณ์) ปอด (ศุภณัฐ มีสมศักดิ์) และ โบ๊ะ (นวพล เจริญธรรมรักษา) หันมาทดลองยาเสพติดด้วยหลากหลายเหตุผล เทพ ซึ่งที่บ้านมีฐานะที่สุดช่วยออกเงินทุน ทำให้พวก วาล ไม่เคยขาดยา ทุกคนรู้ว่ามันคือสิ่งที่ผิด แต่ก็ไม่สามารถเลิกได้ เรื่องราวลุกลามจนถึงตำรวจ ทุกคนพร้อมจะตราหน้าพวกเขาว่าเป็นเด็กเหลือขอไม่มีอนาคต อาจารย์ พินิจ (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) จึงยื่นมือเข้าช่วยเด็กๆ และได้รับรู้ปัญหาทั้งหมด อาจารย์พยายามปรับความคิดของเด็กโดยให้ใช้ปัญญาและให้ยืดอกรับปัญหาต่างๆ รวมทั้งปรับความเข้าใจของชาวบ้านในชุมชนสามชุกไปพร้อมๆ กัน ให้ทุกคนคิดเสียใหม่ว่าปัญหายาเสพติดไม่ได้เป็นความผิดของเด็กฝ่ายเดียว ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ด่าทอโยนความผิดให้กัน อาจารย์ พินิจ ขอโอกาสให้เด็กๆ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และรับปากจะทำให้เด็ก 7 คนเลิกยากลับมาเป็นคนดีและอยู่ร่วมในชุมชนอย่างสงบสุขให้ได้ เขาจึงพาเด็กๆ มาอยู่ค่ายประจำที่โรงเรียน ให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ เป็นกิจวัตร ทั้งออกกำลังกาย ปลูกกุหลาบ และทำอาหาร อาจารย์ พินิจ ทำได้มากสุดก็แค่ยืนเคียงข้าง และเฝ้ามองวันที่เด็กทั้ง 7 เข้มแข็งพอที่จะก้าวผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุด
Synopsis : Based on a true story, Sam Chuk: Once in a Chance exposes 7 teenagers in a small province called Sam Chuk, whose lives are entangled with troubles and devastated by using drugs. Their local teacher is seriously concerned the drugs problem and begins to cope with them by giving them a chance to prove themselves.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, August 5, 2009,8/05/2009 04:39:00 PM
The Taking of Pelham 1 2 3 : ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123
ไปดูหนังเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ แต่ลืม update วันนี้ นึกขึ้นได้เลยมาบันทึกไว้ซักหน่อยกันลืม ไปค้นหาข้อมูลเก่าจากในเวป ปรากฏว่า หนังเรื่องนี้เคยสร้างมาแล้วทีนึงเมื่อหลายสิบปีก่อน เราไม่เคยได้มีโอกาสดูเวอชั่นแรก แต่ก็แอบดีใจลึกๆว่าหนังน่าจะดี ไม่งั้นเค้าคงไม่เอามาสร้างอีกรอบหรอกจริงมั๊ย
เรื่องนี้ เราจำได้เลยว่าไปดูวันเดียวกับที่ดูเรื่อง กาลิเลโอ วันนั้นดูสามเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอนแรกที่เห็นโปสเตอร์ ถึงแม้เราจะมั่นใจในฝีมือของทั้ง จอห์น ทราโวลต้า กับ แดนเซล วอชิงตัน แต่ด้วยความที่ช่วงนี้ เราดูหนังแอคชั่นมาเยอะ จนเรื่มเบื่อๆกับเลือดในจอแล้ว เพราะยิงกันอุตลุตหนวกหูทุกเรื่องเลย ดูแล้วชอบปวดหัวบ่อยๆก็เพราะไอ้เสียงดังๆนี่แหละ เลยเริ่มกลัว
แต่ไม่รู้ผีตนไหนดลใจให้เข้ามาดู คงเป็นเพราะว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังเข้าเลยมั๊ง มีอะไรก็เลยดูๆไป 555 แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เรารู้สึกดีนะ ที่หนังไม่ได้แย่ขนาดที่คิด แถมดูสนุก ตื่นเต้นพอสมควร บทหนังทั้งเรื่องเป็นบทสนทนาต่อรองระหว่าง จอห์น ทราโวลต้า กับ แดนเซ,วอชิงตัน ที่คุยกันไปคุยกันมาแบบถูกคอ ( ในหนัง ) คนดูก็พลอยสนุกและรู้เรื่องความเป็นไปเป็นมาของตัวละครจากบทสนทนานี้ด้วย เราว่าสนุกดีนะ แต่ตอนจบจบง่ายไปนิด รู้สึกว่าบังเอิญเหลือเกินนะที่ไปเจอผู้ร้ายบนสะพาน แหม แจคพอตจริงๆ นอกนั้นแล้ว ก็ธรรมดา หนังมีฉากแอคชั่นนิดหน่อย เน้นตอนปลายๆเรื่อง ส่วนตอนต้นเรื่องเน้นบทยิงคน ซึ่งเราไม่ค่อยชอบ เพราะรุนแรงเกินไป เด็กๆไม่สมควรดูอย่างยิ่ง อีกอย่างคือ โจรก็โง่เหลือเกิน ไม่รู้เลยว่า มีกล้องวิดีโอติดอยู่ที่ แลบทอปของผู้โดยสาร ที่สามารถต่อ อินเตอเนตออกไปเผยแพร่ภาพในรถได้ สงสัยโจรไม่มีความรู้เรื่องคอมพ์
เอาเหอะ ยังไงซะ ก็ถือว่าดูได้แบบเอาเพลินๆอีกเรื่อง นึกไม่ออกว่าตอนนั้นที่ว่า เคยสร้างมาก่อนนี้ เค้าสร้างยังไง แต่ถ้าหนังมีแค่นี้ เราว่า สงสัยไม่มีการสร้างรอบสามแล้วล่ะ เพราะว่าธรรมดาเกินไป ใจจริงเราอยากดู ไซโค เวอร์ชั่นใหม่มากกว่า ไม่รู้จะมีคนเอามาสร้างใหม่รึเปล่าก็ไม่รู้ เรื่องนี้ นอกจากดาราดีดี ที่เล่นแล้ว เราก็ไม่ประทับใจอะไรซักเท่าไหร่ เราให้ 6.4 นะ
เรื่องย่อ : วันธรรมดาๆ ของ วอลเตอร์ การ์เบอร์ (เดนเซล วอชิงตัน) ผู้ควบคุมการเดินรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก กลับกลายเป็นความโกลาหล เมื่อกลุ่มอาชญากรติดอาวุธ 4 คน นำโดย ไรเดอร์ (จอห์น ทราโวลตา) ขึ้นปล้นขบวนรถไฟใต้ดิน และขู่จะสังหารผู้โดยสารหากพวกเขาไม่ได้รับเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาลภายในเวลา 1 ชั่วโมง เมื่อความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น การ์เบอร์ ต้องใช้ความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับระบบรถไฟใต้ดิน เพื่อชิงไหวชิงพริบกับ ไรเดอร์ และช่วยชีวิตตัวประกันให้ได้ แต่ปริศนาหนึ่งที่ การ์เบอร์ ยังคงไม่เข้าใจ คือแม้พวกอาชญากรจะได้เงินไปแล้ว พวกเขาจะหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
Synopsis : New York City subway dispatcher Walter Garber's (Denzel Washington) ordinary day is thrown into chaos by an audacious crime: the hijacking of a subway train. Ryder (John Travolta), a criminal mastermind, leads a highly-armed gang of four, threatening to execute the train's passengers unless a large ransom is paid within one hour. As the tension mounts beneath his feet, Garber employs his vast knowledge of the subway system in a battle to outwit Ryder and save the hostages. But there's one riddle Garber can't solve: even if the thieves get the money, how can they possibly escape?

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Tuesday, August 4, 2009,8/04/2009 02:21:00 AM
The Hangover : เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน
จริงๆ ก่อนหน้านี้ มีคนเอาตั๋วฟรีมาให้ แต่พวกตั๋วฟรีดูรอบปฐมทัศน์พวกนี้เนี่ย มักจะต้องไปดูรอบ สองทุ่มซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็เลิกสี่ทุ่ม แบล้วก็ชอบไปฉายแถวสยาม ไม่เวิลเทด ก็ พารากอน คำนวณ แล้ว ค่าเดินทางกับค่าตั๋ว พอๆกันกับมาดูแถวบ้าน แถมไม่เสียสุขภาพนอนดึกอีกต่างหาก เราก็เลยไม่เอาดีกว่า
เรื่องนี้นื้อเรื่องแปลกดี เดาไม่ค่อยจะถูก ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป นี่ขนาดหนังตลกนะเนี่ย ยังต้องเดาเลย 555 เรื่องนี้เราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายเลยนอกจากจะขอขำอย่างเดียว ซึ่งก็สมประสงค์ เพราะได้หัวเราะเป็นพักๆ บางทีก็พักใหญ่บางทีก็พักเล็ก ฉากที่ชอบน่าจะเป็นตอนที่พวกพระเอกตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างในห้องเละไปหมด เพราะเราเองก็ไม่นึกว่า ภาพที่ปรากฏบนจอจะเละได้ขนาดนี้ ดูแล้วจี้ดี นางเอกคนที่แสดงเป็นนางระบำจ้ำบ๊ะนั่น สวยเซ็กซี่สุดๆ จำไม่ได้ว่าเคยเล่นเรื่องอะไรมาก่อน แต่หน้าตาสวยสะดุดตามากๆ น่าจะจับมาเล่นหนังอีกเยอะๆ
ไม่รู้จะพูดยังไงดีกับหนังเรื่องนี้ ถ้าจะดูเพลินๆคงพอได้ หนังไม่ได้ขำมากมายอะไรนักหนา เราเคยดูหนังที่ยีกว่านี้มาแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่เฉียดคำว่าห่วย เพราะไม่มีช่วงไหนที่น่าง่วงเลย เอาเป็นว่า พอใช้ได้ก็แล้วกัน เราให้ 6.5
เรื่องย่อ : สองหนุ่มสาวชาวลอสแอนเจลิส ดัก บิลลิงส์ (จัสติน บาร์ธา) และ เทรซี การ์เนอร์ (ซาชา บาร์รีส) กำลังจะแต่งงานกัน สองวันก่อนหน้างานแต่ง สี่หนุ่มซึ่งประกอบไปด้วย ดัก และเพื่อนสนิทของเขา ฟิล เวนเนก (แบรดลีย์ คูเปอร์) และ สตู ไพรซ์ (เอ็ด เฮล์มส์) และพี่ชายของ เทรซี ที่ชื่อ อลัน (แซก กาลิเฟียนาคิส) พากันกระโดดขึ้นรถเบนซ์เปิดประทุนสุดรักของพ่อตาไปฉลองสละโสดแบบสุดเหวี่ยงกันที่ลาสเวกัส ฟิล เป็นคุณครูชั้นมัธยมศึกษาที่แต่งงานแล้ว เวลาเขาอยู่กับเพื่อนๆ วุฒิภาวะของเขาจะลดลงเท่าๆ กับของลูกศิษย์ของเขาเลยทีเดียว ส่วน สตู เป็นหมอฟันที่ขี้กังวลไปเสียทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง เมลิสสา (ราเชล แฮร์ริส) แฟนสาวจอมบงการของเขา เขาจึงต้องโกหกเธอว่ากำลังมาเที่ยวชิมไวน์อยู่ที่นาปา วัลเลย์ ส่วน อลัน ก็น่าหนักใจไม่แพ้กัน เพราะดูเหมือนเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมารยาทการเข้าสังคมเลยแม้แต่นิดเดียวเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นขึ้นในห้องโรงแรมที่ลาสเวกัส ต่างก็ปวดหัวแทบจะแตกเพราะอาการเมาค้าง ไม่มีใครจำได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลา 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา ห้องพักของพวกเขาอยู่ในสภาพเละเทะโกลาหล มีสิ่งประหลาดๆ ที่ไม่ควรจะอยู่ในห้องนั้นปรากฏขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ส่วนสิ่งที่ควรจะอยู่ในห้องนั้นกลับหายไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของงานนี้ เจ้าบ่าวที่ชื่อ ดัก นั่นเอง ฟิล สตู และ อลัน พยายามหาตัว ดัก ให้พบ โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างน้อยนิด ออกตะลุยค้นหาว่า สิ่งแปลกๆ ที่ไม่ควรจะอยู่ในห้องนั้นมาจากไหน และเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่หายไป พวกเขาจะต้องปฏิบัติภารกิจนี้แข่งกับเวลา เพราะถ้าหา ดัก ไม่เจอในอีก 2-3 ชั่วโมง เทรซี คงจะเริ่มผิดสังเกตว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นแน่ๆ แต่ที่แย่กว่านั้นคือ ถ้าพวกเขาหา ดัก ไม่เจอก่อนวันแต่งงาน หายนะแบบไหนกันหนอที่กำลังจะเกิดขึ้น
Synopsis : Angelenos Doug Billings (Justin Bartha) and Tracy Garner (Sasha Barrese) are about to get married. Two days before the wedding, the four men in the wedding party - Doug, Doug's two best buddies Phil Wenneck (Bradley Cooper) and Stu Price (Ed Helms), and Tracy's brother Alan Garner (Zach Galifianakis) - hop into Tracy's father's beloved Mercedes convertible for a 24-hour stag party to Las Vegas.Phil, a married high school teacher, has the same maturity level as his students when he's with his pals. Stu, a dentist, is worried about everything, especially what his controlling girlfriend Melissa (Rachael Harris) thinks. Phil has to lie to her that they are going on a wine tasting tour in the Napa Valley. And Alan seems to be unaware of what are considered the social graces of the western world.The morning after their arrival in Las Vegas, they awaken in their hotel suite each with the worst hangover. None remembers what happened in the past twelve or so hours. The suite is in shambles. And certain things are in the suite that shouldn't be, and certain things that should be in the suite are missing. Probably the most important in the latter category is Doug. As Phil, Stu and Alan try to find Doug using only what little pieces of information they have at hand, they go on a journey of discovery of how certain things got into the suite and what happened to the missing items. However they are on a race for time as if they can't find Doug in the next few hours, they are going to have to explain to Tracy why they are not yet back in Los Angeles. And even worse, they may not find Doug at all before the wedding.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,8/04/2009 02:19:00 AM
Death Happen : 6:66 ตายไม่ได้ตาย
ตามที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่า จะลดการดูหนังโรง แล้วเราก็ทำได้จริงๆด้วย เพราะช่วงนี้มีหนังเข้าน้อยมากๆ อาทิตย์หนึ่งจากเดิมที่เคยฉายอยู่ 4-5 เรื่อง ตอนนี้ จะด้วยสภาวะเศรษฐกิจ หรืออะไรก็แล้วแต่ เชื่อมั๊ยช่วงนี้แต่ละโรงมีหนังเข้าใหม่แค่อาทิตย์ละ หนึ่ง-สองเรื่องเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ต่อให้เราไม่หลุดปากออกมาว่าจะดูหนังลดลง เราก็ต้องลดปริมาณการดูลงอยู่แล้ว 55555
อาทิตย์นี้ มีหนังเข้าใหม่แค่สองเรื่องอย่างที่บอก คือเรื่องนี้ แล้วก็ เรื่องHangover อีกเรื่อง เราเลือกดูเรื่องนี้ก่อนเพราะเป็นหนังแนวค่อนข้างเครียด อีกเรื่องเป็นเรื่องตลก ดูเสร็จจะได้ Happy กลับบ้าน 5555
เราตีตั๋วเข้าโรงเสร็จ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนดูเยอะอย่างนี้ ประมาณ 30 คนเห็นจะได้ ขนาดนี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ที่แหละคือคำถาม ว่า รอบเช้าขนาดนี้ นักเรียนทำไมไม่เรียนหนังสือ เอ หรือว่า เป้นโครงการดูหนังของโรงเรียนก็ไม่น่าจะใช่ ก็ไม่เห็นมีหนังสืออ่านนอกเวลาเรื่องนี้ซักหน่อย เอาเหอะ พูดไปทำไมมี เราดูของเราดีกว่า เรื่องนี้ มีดาราเดินเรื่องจริงๆอยู่ สองคนเองคือ นางเอก ดาว กับ ยอดชายเมฆสุวรรณ ที่เหลือ เป็นไม้ประดับ เจสันยัง กลับมาเล่นหนังทั้งที แต่เรื่องนี้ บทกลับไม่มีความสำคัญอะไรเลย ไม่มีก็ไม่เป็นไร เนื้อเรื่องก็ยังเดินไปได้ คนเขียนบทก็ช่างกระไร จะให้เค้าเล่นทั้งที บทน่าจะเด่นนิดนึง นางเอกเรื่องนี้ แจ้งเกิดเต็มตัวเลย เพราะชีเด่นสุดๆ ทุกฉากต้องมี เรียกว่า เล่นคนเดียวก็น่าจะได้ ส่วนยอดชาย นั่นก็นอนบนเตียงอย่างเดียว ทำท่าชักดิ้นชักงอ หน้าตาเบี้ยวๆก็แสดงได้แล้วตลอดเรื่อง พูดแล้วอาจไม่เชื่อเราไม่ได้อ่านเรื่องย่อมาก่อนเลยนะ เพราะไม่ชอบอ่านก่อนดู เดี๋ยวไม่มันส์ แต่เราดูไปซัก ห้านาที เราก็เดาเรื่องทั้งเรื่องถูกหมดเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ถามว่าหนุกมั๊ย ก็พอดูได้ ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ฉากตื่นเต้นก็ธรรมดา คือแบบว่า เราดูมาเยอะแล้วอ่ะ แค่นี้ จิ๊บๆ ไม่ตกใจเลยแม้แต่นิด คนในโรงก็เงียบตลอดเรื่อง ไม่มีเสียงวี๊ดว๊ายแต่อย่างใด แสดงว่า คนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกับเรามั๊ง เราว่านะ
กราฟฟิกก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ อย่างตอนแรกๆที่มีคนถูกรถชนนั่น จริงๆน่าจะตกใจนะ แต่ฉากนี้ ในโฆษณามีแล้ว แล้วเราก็เลยรู้แล้วว่าเดี๋ยวจะโดนชน ฉากนี้ก็เลยไม่ตกใจเลย ดูไปก็งั้นๆ กราฟิกก็ธรรมด๊า ธรรมดา นางเอกก็ประหยัดเสื้อผ้าสุดๆ ทั้วเรื่องใส่เสื้อผ้าชุดเดียว ดูโทรมน่าสงสารมากๆ
เนื้อเรื่องน่าสนใจ คนผูกเรื่องพยายามทำให้คล้ายๆกับแนวหนังฮอลลีวู๊ด ซึ่งก็พอใช้ได้ เสียอย่างเดียวเดาง่ายไปหน่อย รวมๆ เราว่าดูแก้ขัด เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังผีออกมาไหร่ ดูจบแล้วก็แล้วกัน ไม่ค่อยประทับใจ เราให้ 6.4
เรื่องย่อ : ในวัฏจักรของหนึ่งชีวิต เริ่มต้นด้วยการเกิด และจบด้วยการตาย เมื่อใดก็ตามที่โลกมนุษย์ไม่ป้อนความตายแก่โลกความตาย เมื่อนั้นระบบจะวิปริต นั่นคือคนตายไม่ได้ตาย และคนเกิดไม่ได้เกิด และเมื่อความตายกลับมีชีวิตขึ้น อำนาจแห่งความตายจะทำทุกวิถีทาง จนกว่าระบบความตายจะกลับคืนสู่ปกติ ในวันที่ชีวิตการทำงานของนักข่าวสาวสายอาชญากรรม ดาว (สุษิรา แอนจิลีน่า แน่นหนา) ขึ้นสู่จุดสูงสุด เธอก็ได้รับข่าวจากโรงพยาบาลว่า อาจารย์ดิน (ยอดชาย เมฆสุวรรณ) พ่อของเธอที่ขาดการติดต่อกันมากว่า 15 ปีนับตั้งแต่การจากไปของแม่ ฆ่าตัวตายอย่างปริศนา แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ดาว กลับพบเรื่องเหลือเชื่อ พ่อของเธอฟื้นคืนชีพอย่างปาฏิหาริย์ หลังจากนั้น ดาว ก็พบกับเหตุการณ์ประหลาด คนที่จะตายกลับไม่ตาย เด็กที่จะเกิดกลับไม่ได้เกิด ทุกรายล้วนทุกข์ทรมาน นำพาเธอไปสู่ภาวะเฉียดตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดาว รู้สึกเหมือนมีอำนาจอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นให้ ดาว ต้องค้นหาความจริง ระหว่างนั้น ดาว ได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยเรียน วุธ (เจสัน ยัง) ที่ตอนนี้กลายเป็นนายตำรวจหนุ่มที่เข้ามาสอบสวนคดีการฆ่าตัวตายของ อาจารย์ดิน ทั้งคู่จึงช่วยกันคลี่คลายปริศนา โดยมี เก่ง (ฐิตวินน์ คำเจริญ) นักข่าวหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทของ ดาว คอยช่วยเหลือด้วยอีกแรง หลังจากนั้น ดาว พบว่า เธอเป็นคนเดียวที่จะหยุดเรื่องราวเหนือความตายนี้ได้ แม้ไม่รู้ว่าเธอจะต้องแลกกับอะไร
Synopsis : The film follows Dao, a crime reporter who needs to uncover inexplicated incidents within 24 hours. After Dao''s father is enigmatically back from the death, Dao begins to encounter near-death experiences that almost claim her life. Sensing something bad is about to befall, Dao joins a cop named Wut to seek for the truth that finally leads her to face the power of death.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments