Friday, February 20, 2009,2/20/2009 06:05:00 AM
The Curious Case of Benjamin Button : เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
วันก่อนเราไปดูเรื่อง เบนจามินมา จะพูดไปเราไม่ได้ดูเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่หนังเข้าหรอกเพราะจำได้ว่า วันที่หนังเข้ายุ่งมากจนไม่มีเวลาไปไหนเลย เลยมาดูวันธรรมดา ดีซะอีกเพราะว่า ตั๋วถูก เนื่องจากว่าหนังมันเป็นแนว ดราม่า ไม่มีฉากตื่นเต้นตูมตามอะไร เราเลยเลือกดูโรง อีจีวี ลาดพร้าว เพราะอย่างที่เคยบอกว่า ตั๋วที่นี่ราคาถูกมาก แต่ไม่น่าเชื่อว่า สำหรับเรื่องนี้ เราต้องเสียตังค์ค่าตั๋วแพงกว่าปกติ 10 บาท กลายเป็นว่า ราคาตั๋ว 90 บาท โดยที่น้องขายตั๋วให้เหตุผลว่า หนังเรื่องนี้ ลงทุนสูง เราคิดในใจว่า แล้วเรื่องที่ลงทุนต่ำ ไม่เห็ฯเธอลดราคาให้นี่ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ขี้เกียจทำให้เสียบรรยากาศ
หลังจากที่เราเข้าไปนั่งรอ ไม่นานเท่าไหร่หนังก็ฉายแล้ว เหลือเชื่อเลยว่า ทั้งโรงมีคนดูแค่ 2 คนเอง นี่นับเราเข้าไปแล้วนะ หนังเปิดฉากมาก็ดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว แป๊บเดียวตัวแม่ก็ออกลูกมาเป็นเบนจามินหน้าเหี่ยวแล้ว จากนั้นก็พูดถึงชีวิตที่น่าสงสารแปลกประหลาด ที่เด็กหน้าแก่ค่อยๆกลายเป็นเด็กลงๆๆๆๆ เรื่องนี้ เมื่อหลายสิบปีก่อนเราเคยอ่านในการ์ตูนสยองขวัญแล้ว เพียงแต่เราจำไม่ได้ว่า ชื่อเบนจามินหรือเปล่า แต่เนื้อเรื่องเหมือนกันคือ กล่าวถึงคนที่เกิดมาแก่แล้วค่อยๆเด็กลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นทารกในที่สุด
ชีวิตของเบนจามินเป็นชีวิตที่น่าสนใจมาก เพราะสวนทางกับกระแสโลก คนอื่นเค้าค่อยๆแก่ แต่อีตานี่ ค่อยๆเด็กลง ปัญหาก็คือ คนรอบตัวแก่ไปหมดแล้ว แต่ตัวเองอ่อนลงเรื่อยๆ ต้องดูคนอื่นตายไปทีละคน ๆ แต่สุดท้ายตัวเองก็หนีกฎแห่งธรรมชาติไม่พ้นเมื่อวันหนึ่ง เบนจามิน ซึ่งเด็กลงเรื่อยๆนั้น ก็กลายเป็นเด็กทารก และตายไปในที่สุด
โครงเรื่องที่แปลกทำให้เราอยากดูตั้งแต่เมื่อเห็นโฆษณาครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนแรกเรายังนึกเลยว่า คงจะลงโรงฉายเฉพาะบางโรง ที่ไหนได้ ฉายทั่วเลย ก็ดีแหละ เพราะเราจะได้ดูที่ไหนก็ได้ แต่เรื่องนี้ หนังยาวนะ ประมาณ สามชั่วโมง เราว่า จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำให้ยาวขนาดนี้ก็ได้ อย่างตอนที่ออกทะเลไปหลายๆเดือนนั่น เราไม่เห็นอยากรู้เลยว่า เบนจามินไปทำอะไร ถ่ายทำไมก็ไม่รู้เปลืองฟิล์มเปล่าๆ
ดูเบ็ดเสร็จแล้ว เรามีข้อสงสัยหลายตอนเลย อันดับแรกเราอยากรู้จังเลยว่า แบรดพิท แสดงเองหมดทุกตอนหรือเปล่า ตั้งแต่เด็ก เพราะหน้าคล้ายจังเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยกเครดิตให้กับคนแต่งหน้า ที่แต่งให้แก่และเด็กได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เรื่องนี้ เคทก็สวยซะจนเราลืมหน้าเดิมของเธอไปเลย สวยใสสุดๆ ยิ่งตอนที่เพิ่งเป็นสาว แล้วเจอกับเบนจามินครั้งแรก สวยจนตะลึงเลย เธอคนนี้ เป็นดาราที่แสดงได้ดีแทบทุกเรื่องที่เราได้ดู ดูเรื่องไหนก็สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าเธอแสดงเป็นตัวนั้นจริงๆ ทั้งสีหน้า ท่าทาง และ วิธีการเคลื่อนไหว ไม่รู้ไปเรียนมาจากสำนักไหน เราว่า ถ้ามาเปิดสอนการแสดงที่เมืองไทย สงสัย หัวกะไดไม่แห้ง
สรุป รวมๆเราชอบโครงเรื่อง แต่ตอนกลางเราว่าเยิ่นเย้อไปนิดนึง เราว่า แบรดไม่ได้รางวัลแหงๆจากเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องรางวัลการแต่งหน้า ละก็ไม่แน่ เคท บลังเช็ท ก็น่าจะได้รางวัลอยู่หรอกนะ ถ้าไม่เจอกับ เมอริล สตรีพ คู่แข่งอีกคน ไม่รู้สิ ต้องลองลุ้นดู เรื่องนี้ ดูแล้ว ไม่ค่อยประทับใจ การแสดงของแบรดเท่าไหร่ รวมๆ เราให้ 8.3

เรื่องย่อ : หลังพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาพัดถล่มนิวออร์ลีนส์ หญิงชรา เดซี (เคต บลานเชตต์) นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล มีลูกสาววัยผู้ใหญ่ของเธอ แคโรไลน์ (จูเลีย ออร์มอนด์) อยู่เคียงข้าง เดซี ขอให้ แคโรไลน์ ช่วยอ่านบันทึกส่วนตัวเล่มหนึ่งให้ฟัง มันคือบันทึกส่วนตัวของ เบนจามิน บัตตัน (แบรด พิตต์) บันทึกส่วนตัวเล่มนั้นเล่าถึงชีวิตอันแปลกพิสดารของ เบนจามิน ผู้ซึ่งมีอายุถอยย้อนกลับ เขาเกิดมามีร่างกายเสมือนคนชรา และป่วยเป็นโรคชราหลายต่อหลายโรค จนมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะรอดชีวิต ทว่าเขาก็รอดมาได้ และยิ่งเด็กลงเรื่อยๆ เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป คุณยายของ เดซี พักอาศัยอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่ง เดซี ได้พบ เบนจามิน ครั้งแรกที่นั่น แม้จะแยกจากกันไปนานหลายปี แต่ เดซี กับ เบนจามิน ก็ยังคงติดต่อกันมาตลอด และได้พบกันอีกครั้งในช่วงอายุขึ้นเลข 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อายุของพวกเขาเหมาะเจาะตรงกันพอดี แคโรไลน์ รู้สึกว่าเนื้อหาบางส่วนของบันทึกนั้นอ่านยากยิ่ง โดยเฉพาะส่วนที่บอกเล่าถึงช่วงเวลาที่ เบนจามิน กับ เดซี ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และ เดซี แก่ชราลงเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ ขณะที่ เบนจามิน ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกที
Synopsis : On the day that Hurricane Katrina hits New Orleans, elderly Daisy (Cate Blanchett) is on her deathbed in a New Orleans hospital. At her side is her adult daughter, Caroline (Julia Ormond). Daisy asks Caroline to read to her aloud the diary of Daisy's lifelong friend, Benjamin Button (Brad Pitt).Benjamin's diary recounts his entire extraordinary life, the primary unusual aspect of which was his aging backwards, being born an old man who was diagnosed with several aged diseases at birth and thus given little chance of survival, but who does survive and gets younger with time.Daisy's grandmother was a resident at a senior's home, which is where she first met Benjamin. Although separated through the years, Daisy and Benjamin remain in contact throughout their lives, reconnecting in their forties when in age they finally match up.Some of the revelations in Benjamin's diary are difficult for Caroline to read, especially as it relates to the time past this reconnection between Benjamin and Daisy, when Daisy gets older and Benjamin grows younger into his childhood years.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Tuesday, February 17, 2009,2/17/2009 06:26:00 AM
My Bloody Valentine 3D : วาเลนไทน์ หวีดทรีดี
เรามาดูหนังเรื่องด้วยความบังเอิญ พอดีมาเดินเล่น ที่ อีจีวี ลาดพร้าว เราแกล้งเดินไปถามราคาตั๋วเรื่องนี้ เดาว่า น่าจะราคาแพงกว่าปกติ ก็มัน เป็นหนัง 3 มิติ ใครจะไปนึกว่า หนัง 3 มิติ จะราคาแค่ 80 บาท เราเลย ไม่เสียเวลาจ่ายตังค์ตีตั๋วเข้าไปดูเลย
หลังจากที่เราไม่ได้ดูหนัง 3 มิติ แว่นกระดาษแก้วสีแดงน้ำเงินมานานเน ตั้งแต่เราเด็กๆมั๊ง ตอนนั้น มีหนังจีนกำลังภายในเรื่อง จอมดาบทะลุโลกทะลวงฟ้า ด้วยสายตาของเด็กๆเราว่า มันไม่เด้งออกมาเหมือนในโฆษณาอ่ะ ประกอบกับ เราเพิ่งอกหักจากหนังเรื่อง Wild Ocean ที่เนื้อเรื่องห่วยแตกจากโรง Imax มาแหม่บๆ เลยมีความหวังลางๆว่า หนังเรื่องนี้ จะมาดามอกให้เราได้อย่างแน่นอน
ปรากฏว่า เราต้องอกหักซ้ำสอง เพราะอะไรที่มันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่อยู่นั่นเอง ไม่ต้องพูดถึงเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องดำเนินซ้ำกับหนังแนวฆาตกรโรคจิตแทบทุกเรื่องที่เราเคยดูมา จนหลังๆเราแทบไม่ได้ดูแล้ว เพราะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่สาเหตุหลักก็เพราะอยากดูว่า หนังสามมิติแนวสยองขวัญจะเป็นไง ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งโรง มี 4 คนแม้ตั๋วจะราคาแค่ 80 บาทก็เหอะ
สรุป ไม่มีอะไรดีซักอย่าง แล้วยิ่งแว่นกระดาษแก้วสีแดงน้ำเงิน ด้วยแล้ว เวลาใส่เข้าไปแล้ว มองเห็นภาพเป็นภาพแดงๆช้ำๆ ดูแล้วภาพในหนังเหมือน ขาวดำ ปวดหัวมากๆ แถมภาพที่เห็นก็ไม่เด้งออกมาเหมือนอย่างที่เราดูใน โรง IMAX เลย คุณภาพห่วยมากๆ เบ็ดเสร็จ แย่จัง ไม่มีอะไรดีเลย เฮ้อ เอาไป 4.9
เรื่องย่อ: โศกนาฏกรรมเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้เมืองฮาร์โมนีเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อ ทอม ฮานนิเกอร์ (เจนเซน แอกเคิลส์) คนงานเหมืองมือใหม่ขาดประสบการณ์ ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในอุโมงค์ จนมีคนเสียชีวิตไป 5 คน ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว คือ แฮร์รี วาร์เดน (ริชาร์ด จอห์น วอลเตอร์ส) ซึ่งบาดเจ็บสาหัส 1 ปีต่อจากเหตุการณ์นั้น แฮร์รี ฟื้นขึ้นในวันวาเลนไทน์พอดี แล้วเขาก็ใช้พลั่วคู่ใจออกสังหารผู้คนถึง 22 ศพอย่างเลือดเย็น ก่อนที่จะถูกจับตายในที่สุด ต่อมา ทอม ที่หนีออกจากเมืองไป 10 ปี กลับมายังเมืองฮาร์โมนีในวันวาเลนไทน์พอดีอีกครั้ง อดีตที่ผิดพลาดยังตามหลอกหลอนเขา อีกทั้งเขายังมีความรู้สึกดีๆ กับ ซาราห์ (เจมี คิง) แฟนเก่าที่ตอนนี้แต่งงานกับ เอเซล (เคอรร์ สมิธ) เพื่อนสนิทของเขาที่กลายเป็นนายอำเภอประจำเมืองไปแล้ว แต่ในคืนนี้ หลังจากหลายปีที่สงบสุขดี อดีตอันมืดมนของเมืองฮาร์โมนีหวนคืนมาอีกครั้ง ฆาตกรที่สวมหน้ากากคนงานเหมืองและถือพลั่วเป็นอาวุธออกอาละวาดไปทั่ว นี่ แฮร์รี ฟื้นจากความตายขึ้นมา หรือนักฆ่าคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนหนึ่งกันแน่
Synopsis: Ten years ago, a tragedy changed the town of Harmony forever. Tom Hanniger (Jensen Ackles), an inexperienced coal miner, caused an accident in the tunnels that trapped and killed five men and sent the only survivor, Harry Warden, into a permanent coma. Then, exactly one year later, on Valentine's Day, Harry Warden (Richard John Walters) woke up and brutally murdered twenty-two people with a pickaxe before being killed. Ten years later, Tom returns to Harmony on Valentine's Day, still haunted by the deaths he caused. Struggling to make amends with his past, he grapples with unresolved feelings for his ex-girlfriend Sarah (Jaime King), who is now married to his best friend Axel (Kerr Smith), the town sheriff. But tonight, after years of peace, something from Harmony's dark past has returned. Wearing a miner's mask and armed with a pickaxe, an unstoppable killer is on the loose. Has Harry come from beyond the grave or is there a new killer donning the suit and mask?

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/17/2009 06:23:00 AM
The Reader : เดอะ รีดเดอร์ ในอ้อมกอดรักไม่ลืมเลือน
เรื่องนี้แหละ ที่อยากดู เลยได้ดูเป็นเรื่องสุดท้ายในวันนี้ เลยได้ดูหนัง สามเรื่องเลยวันนี้ 555 หนังฉาย 5 โมงเย็น เราได้ดุข่าวจากในทีวี เห็น เคทวินสเลท ได้ลูกโลกทองคำจากเรื่องนี้ด้วย เลยยิ่งทำให้อยากดูเข้าไปใหญ่
เนื้อเรื่องแปลกดี เป็นเรื่องที่มีเนื้อหาของคนสองคนที่มีความหลังที่ดีร่วมกันในอดีต แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป ต่างคนต่างก็ไปเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อมีโอกาสมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งในสภาพที่ไม่นึกฝัน ความหลังต่างๆกลับไม่มีความหมายใดๆเลย ดูแล้วเศร้าจัง หนังมีความสมจริงนิดหน่อย ตรงที่อาศัยแบคกราวของเยอรมัน ช่วงฮิตเลอร์ ซึ่งหนังออสการ์ชอบนักเชียว ที่จะอิงประวัตศาสตร์ช่วงนี้ในการเข้าเสนอชื่อชิงรางวัล
หนังมีฉากเปลือยกายหลายฉาก เราไม่แปลกใจ เคท หรอกเพราะเธอเปลือยมาตั้งแต่เรื่อง ไททานิกแล้ว แต่ดาราชายนี่ดิ ยังวัยรุ่นอยู่เลย มาโชว์ให้เห็นทุกอย่าง ไม่รู้ทำไม เห็นหน้าแล้วนึกถึง ฮีท เลดเจอร์ ที่ตายไปแล้ว สงสัยรูปหน้าคล้ายๆกัน
ดูแล้วเศร้า สงสารนางเอก เราว่า เคทสมควรได้รางวัลนะ เพราะว่า สีหน้าแววตาที่แสดง ยิ่งตอนเป็นคนแก่ เราเชื่อจริงๆเลยว่า เธอแก่จริง ทั้งแววที่มอง แลบะวิธีพูด เธอทำได้ดีจริงๆ แต่เราเดาว่า เธอคงไม่ได้ออสการ์จากเรื่องนี้หรอกนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ไว้รอดูผลประกาศดีกว่า
สรุป หนังดูแล้วหนักลึกๆ สงสารตัวละคร ที่ซื่อ และเสียสละ มีความมุมานะ ฉากที่เราดูแล้วน้ำตาเราหยดทันที คือฉากที่นางเอกตอนแก่เมื่อได้พบพระเอกและคุยกันบนโต๊ะอาการแล้ว นางเอกยื่นมืออกไปอยากจับมือพระเอก แต่พระเอกไม่จับด้วย สงสารจับจิตจับใจ ดูแล้วสะเทือนใจสุดๆ แต่เราไม่ค่อยชอบฉากใกล้จบ ที่พระเอกเอาจดหมายนางเอกออกมาอ่าน ฉากนี้ น่าจะเป็นอีกฉากที่เรียกน้ำตาคนดูได้มากกว่านี้ ด้วยการใช้ โวหารที่แทงใจคนดู แต่คนเขียนบทก็ไม่ได้ทำ น่าเสียดายจริงๆ โดยรวมเราว่า โอเค เสียตรงนี้เอง เรื่องนี้ เราให้ 8.8 นะ
เรื่องย่อ : ในเยอรมันช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เด็กหนุ่มวัยใส ไมเคิล เบิร์ก (เดวิด ครอสส์) ล้มป่วยเป็นโรคไข้ดำแดง และ ฮันนา (เคต วินสเลต) หญิงสาวที่อายุมากกว่าเขาเป็น 2 เท่า ช่วยส่งตัวเขากลับบ้าน หลังจากฟื้นตัวจากไข้แล้ว เขาออกตามหา ฮันนา เพื่อขอบคุณเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะผูกสัมพันธ์รักแบบลับๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ทางกายของพวกเขาเริ่มเกินเลยลึกซึ้ง และ ฮันนา ยังหลงใหลช่วงเวลาที่ ไมเคิล อ่านหนังสือให้เธอฟัง ไม่ว่าจะเป็น Odyssey, Huck Finn และ The Lady with the Little Dog แต่แล้วเมื่อความรักสุกงอมหอมกรุ่น ฮันนา กลับหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ปล่อย ไมเคิล ไว้ในห้วงแห่งความสับสนและทรมานเนื่องเพราะหัวใจสลาย 8 ปีให้หลัง ไมเคิล (ราล์ฟ ไฟนน์ส) กลายเป็นนักศึกษากฎหมาย ระหว่างเข้าฟังการพิพากษาคดีอาชญากรรมสงครามของพรรคนาซี เขาต้องตกตะลึง เมื่อ ฮันนา หวนคืนสู่ชีวิตของเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอมาในฐานะจำเลย ณ ห้องว่าความนั้น ในขณะที่อดีตของ ฮันนา ค่อยๆ เผยให้เห็นเด่นชัด ไมเคิล ก็เผยความลับลึกซึ้งซึ่งจะกระทบชีวิตของเขาและเธอนับจากนี้
Synopsis : In post-WWII Germany when teenager Michael Berg (David Kross) becomes ill and is helped home by Hanna (Kate Winslet), a stranger twice his age. Michael recovers from scarlet fever and seeks out Hanna to thank her. The two are quickly drawn into a passionate but secretive affair.Michael discovers that Hanna loves being read to and their physical relationship deepens. Hanna is enthralled as Michael reads to her from "The Odyssey," "Huck Finn" and "The Lady with the Little Dog." Despite their intense bond, Hanna mysteriously disappears one day and Michael is left confused and heartbroken.Eight years later, while Michael (Ralph Fiennes) is a law student observing the Nazi war crime trials, he is stunned to find Hanna back in his life - this time as a defendant in the courtroom. As Hanna's past is revealed, Michael uncovers a deep secret that will impact both of their lives.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/17/2009 06:18:00 AM
Wild Ocean 3D : ทะเลคลั่ง
เรานั่งรอหนังออสการ์รอบต่อไปที่จะฉายตอน 5 โมงเย็น เรายังมีเวลาเหลืออีกตั้ง 2 ชั่วโมง เดินไปเดินมาเราก็มาเจอป้ายโฆษณาเรื่องนี้เข้า เออ เพิ่งเข้าฉายแฮะ เพื่อนเราไม่ได้ดูหนัง 3 มิติ มานานแล้ว หน้าตาอยากดุมาก เหมือนเด็กเห็นของเล่น เราเลยชวนดูซะเลย
ไม่รู้แพงหรือเปล่า ตั๋วใบละ 125 บาท เอ เราจำได้ว่า เราเคยดู 150 บาท อ้อ แต่เราใช้ บัครเดรดิตกรุงศรี อาจจะลดได้มั๊ง เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง ขอสรุปเลยละกันว่า เป็นหนังสามมิติ แนวสารคดี ที่น่าเบื่อที่สุดในโลก เราดูไปจะหลับให้ได้ หนังถ่ายแต่ปลาซาดีนที่กำลังถุกปลาฉลามกินทั้งเรื่อง ไม่ก็ ถูกนกกิน ไม่ก็ถูกปลาวาฬกิน แต่สุดท้ายก็มาด่าคน ว่า ความน่ากลัวของสัตว์ที่กินมัน ยังสู้คนไม่ได้ เพราะคนเอาเรือไปจับทีเดียวเกือบหมดทะเล เราขอชมว่า ภาพสวยมากๆๆๆๆ เราเหมือนดำน้ำอยู่ในทะเลดูปลาเลย สวยจริงๆ แต่คนพากย์ ( ฝรั่ง ) กับเนื้อเรื่อง น่าเบื่อโคตร เราดูไปดูมา โดนปลาซาดีนสะกดจิต แผล็บเดียว เราเผลอหลับไปพักนึง เฮ้อ ชีวิต งั้น เราให้ 5.2 ละกันนะ
เรื่องย่อ : ในแต่ละปีจะเกิดกระแสธารแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ขึ้นในบริเวณมหาสมุทรแอฟริกาใต้ โดยปลานับพันล้านตัวอพยพย้ายถิ่นมายังริมฝั่งทะเลควาซูลู-นาทัล ทั้งปลาวาฬอันอึกทึกครึกโครม ปลาฉลามอันบ้าคลั่ง ปลาโลมาฝูงใหญ่ และนกแกนเน็ตดำน้ำ ล้วนประชันกันในมหากาพย์ใต้สมุทรในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อดำรงชีวิตอยู่การอพยพของฝูงปลาจัดสรรแหล่งอาหารให้ทั้งสิ่งมีชีวิตในทะเล และผู้คนที่อาศัยอยู่ตามแถบริมฝั่งทะเลแอฟริกา ปลาวาฬยักษ์เติบใหญ่ขึ้นจากฝูงปลาเพลากิก ในทางกลับกันปลาเหล่านี้อาศัยแพลงตอนที่เกิดจากซากร่างอันผุผังของสัตว์ยักษ์ที่ล้มตายลง วงจรแห่งชีวิตเหล่านี้ได้พัฒนาและมีวิวัฒนาการมากว่าล้านปีแล้ว แต่แล้วเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ได้กำเนิดสัตว์ร้ายอีกชนิดหนึ่งขึ้นมาในมหาสมุทร สัตว์นี้เขมือบปลาฝูงใหญ่จำนวนมากในครั้งเดียว และไม่คืนกลับให้แก่ท้องทะเล สัตว์นี้ทำลายวงจรชีวิต โดยความเข้าใจที่ผิดพลาดว่ามหาสมุทรเป็นแหล่งอาหารอันไม่มีวันหมดสิ้น สัตว์ร้ายที่ว่าก็คือมนุษย์ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 การจับปลามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มขึ้นโดยลำดับ บางคนกล่าวว่าฝูงปลาหายไปโดยวงจรธรรมชาติ บางคนกล่าวว่าสภาพอากาศเป็นสาเหตุ ทำให้สภาพแวดล้อมของมหาสมุทรเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังพอมีผู้ติดใจสงสัยว่า การจับปลาเกินกำหนดได้ก่อความเสียหายต่อระบบชีวภาพไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม ในแอฟริกาใต้ กลุ่มธุรกิจ รัฐบาล และประชาชนในท้องถิ่น ต่างรวมพลังกัน เอาใจใส่ติดตามการจับปลาให้อยู่ในขอบข่ายที่พอเหมาะพอเพียง เพื่ออนุรักษ์การอพยพย้ายถิ่นอันน่าทึ่งของฝูงสัตว์น้ำ และอนุรักษ์แหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์จนประเมินค่าไม่ได้ของโลกใบนี้เอาไว้
Synopsis : Each year a massive feeding frenzy takes place in the oceans of South Africa as billions of fish migrate up the KwaZulu-Natal Wild Coast. Breaching whales, frenzied sharks, herding dolphins, and diving gannets compete in an epic underwater struggle for survival.While the migration has provided a food source for both life in the sea and the people living along the African shores. The greatest whales thrive upon enormous shoals of pelagic fish. These fish, in turn, depend upon the plankton that born of the decaying bodies of the fallen predators. This circle of life has developed and evolved over millions of years. For the last few hundred years, however, there has been another predator in the ocean: one that takes enormous shoals in one sweep, and does not give back to the sea in any way. This predator has broken the circle, mistakenly considered the ocean an unlimited resource. Ever since the early 20th century, as fishing has become more efficient and grown in scale. Some say the fish have disappeared due to natural cycles, others say climate change is taking its toll. But there is little doubt that over fishing has damaged the ecosystem. However, in South Africa, business, government and the local people have joined forces in an attempt to fit into the food chain, pursuing sustainable fishing practices to preserve one of the most incredible migrations and feeding frenzies on the planet.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/17/2009 06:12:00 AM
Confessions of a Shopaholic : เสน่ห์รักสาวนักช้อป
ช่วงนี้เราเจอกับเพื่อนเชียงใหม่เราบ่อยเป็นพิเศษ ให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันทานานเป็นชาติ 55555 เรามาเจอกันที่ พารากอนเหมือนเดิม กะว่าวันนี้จะดูหนังหลายๆเรื่องให้หายอยากไปเลย แต่ที่แน่ๆวันนี้เราต้องดูหนังออสการ์ให้ได้อย่างน้อยซักเรื่องนึง
เราวางแผนกับเพื่อนเราว่า นะๆๆ วันนี้เราดูหนังกันหลายๆเรื่องเริ่มจากเรื่องแรกก่อนเลย เราเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนซัก 5-6 ปีที่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้จะกลายมาเป็นภาพยนตร์ ( แต่ตอนนั้นเราอ่านไม่จบหรอกด้วยความขี้เกียจ 5555 ) หนังฉายที่โรง พาวลัย อีกตามเคย ซึ่งเป็นโรงที่เราชอบที่สุด ค่าที่มันใหญ่อลังการเหลือคณา วันนี้เราได้นั่งตรงกลางโรงเลย แหม ดูยิ่งใหย่สมกับความเป็นไฮโซอย่างพวกเราจริงจรี๊ง 5555
นานแล้วที่เราไม่ได้ซื้อข้าวโพดคั่วเข้ามานั่งกินในโรง นี่นับเป็นอีกครั้งที่เราต้องจดจำ เพราะเราลงทุนซื้อเข้ามากินด้วย 1 กระป๋อง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ หนังเปิดตัวมาถึงก็ถ่ายที่นางเอกเลย ทำให้เห็นว่า นางเอกเรื่องนี้ เธอ หน้าตาน่ารักมากๆ บุคลิกก็เป็นธรรมชาติมาก ดุแล้วอยากเป็นแฟนด้วยจัง 5555 น่าเสียดายดูไปดูมา นางเอกกลายเป็นคนโรคจิตชอบช๊อปปิ้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังน่ารักสดใสอยู่ดี เราว่าเราไม่เคยดูหนังที่นางเอกคนนี้เล่นนะ เพราะถ้าเคยเราก็น่าจะจำได้บ้าง อ้อ พระเอกเรื่องนี้ด้วย หน้าตาเหมือน อีธาน ฮอร์ก แต่ไม่น่าใช่ เพราะดูหนุ่มมาก สรุปแล้ว พระเอกนางเอกคู่นี้ ลงตัวสุดๆ เหมาะสมกันอย่างกับผีเน่ากับโลงผุ เอ๊ย กิ่งทองกับใบหยก ดูแล้วกุ๊กกิ๊ก น่ารักดี บทของหนังเรื่องนี้ ก็ตลก ดูแล้วขำได้ตลอดเรื่อง มาเป็นระยะๆ ที่ขำสุดๆ คือฉากเต้นรำระหว่างพระเอกกับนางเอก นางเอกเล่นได้ไม่ขัดเขินเลย ตลกโคตร เรานั่งหัวเราะแบบลืมอายเลย 5555
สรุป รวมๆแล้ว เราชอบนะ หนังน่ารักดี ดูแล้วได้ข้อคิด และ วิธีเตือนแฟน หรือแม้แต่เพื่อนสนิทให้ ระวังเรื่องการช๊อปปิ้งให้ดีดี ต้องช๊อปอย่างมีสติ ว่างั้น ตัวแสดงน่ารักทุกตัว ( แต่เราไม่รู้ว่า โนเนม หรือว่าเราไม่รู้จักดาราเองก็ไม่รู้ ) ดูแล้วอยากดูอีก ไม่รู้นะ จริงๆแล้วหนังก็ไม่มีเนื้อหาอะไรมาก ทำไมเราชอบนักก็ไม่รู้ อย่างว่าแหละ ลางเนื้อชอบลางยา เอาเป็นว่า เราให้ 8.1 ละกัน
เรื่องย่อ : รีเบกกา บลูมวูด (ไอส์ลา ฟิชเชอร์) เป็นสาวหวานพราวเสน่ห์แห่งเมืองนิวยอร์ก เธอใฝ่ฝันอยากทำงานกับบริษัทผลิตนิตยสารแฟชันแห่งหนึ่ง แต่การแทรกตัวเข้าไปในบริษัทชื่อดังนั้นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งเธอก้าวขึ้นไปยืนยังจุดที่ใกล้เคียงกับความฝันนั้นได้ นั่นคือการเป็นนักเขียนคอลัมน์ให้คำแนะนำ ในนิตยสารการเงินเล่มใหม่ในเครือบริษัทเดียวกันคอลัมน์ของเธอได้รับความนิยมอย่างมาก เพียงชั่วข้ามคืนเธอก็กลายเป็นคนดังขึ้นมา แต่หลังจากนั้นอาการเสพติดการจับจ่ายใช้สอยของเธอก็สาหัสขึ้น และบรรดาหนี้สินก็พอกพูนขึ้น จนเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตรักและหน้าที่การงานของเธอ รีเบกกา จึงต้องกลั้นใจปฏิวัติตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ เธอต้องทบทวนใหม่เสียแล้วว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตSynopsis : Rebecca Bloomwood (Isla Fisher) is a sweet and charming New York City girl. She has dreams of working for a top fashion magazine, but she can't quite get her foot in the door - that is, until she snags a job as an advice columnist for a new financial magazine published by the same company.Overnight, her column becomes hugely popular, turning her into an celebrity, but when her compulsive shopping and growing debt issues threaten to destroy her love life and derail her career, she struggles to keep it all from spiraling out of control and is ultimately forced to reevaluate what's really important in life.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/17/2009 06:06:00 AM
Push : พุช โคตรฅนเหนือมนุษย์
อยากดูหนังสุดๆ นึกถึงใครไม่ออก ใครคนที่สะดวกที่จะดูหนังตลอดเวลา ดูเรื่องอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมาก คนๆนั้นก็คือเพื่อนเชียงใหม่ ซี้เรานั่นเอง เรานัดเลย ไปดูกันเหอะอยากดู พุช ชอบ หนังแนว ไซไฟแอคชั่น ไม่ได้ดูนานแล้ว อยากดู X-Men ก็รอไม่ไหว ไม่ฉายซักที
ดูเรื่องนี้ แทนก็ได้ เพิ่งรู้ว่า แบ็คกราวเป็นฮ่องกง มีดาราหน้าหมวยหน้าตี๋ เดินกันให้ควั่ก พระเอกเรื่องนี้ คุ้นหน้าอยู่แล้ว ก็ คริส อีแวน พระเอก Fantastic4 ส่วนนางเอก เรารอหนังของเธอ มานานมากๆ หลังจากไม่ได้แสดงอีกเลยตั้งแต่เรื่อง 10,000 BC ก็มาเรื่องนี้แหละ ที่ได้ดูอีกครั้ง หนาตาสวยเหมือน อลิสซาเบท เทเลอร์ ตอนสาวๆ ผสมกับ ศรีริต้า แจนเซ่น สวยแค่ไน จินตนาการเอาเองละกัน
หนังเปิดฉากมาก็ยิงกันเลย เพื่อไม่ต้องให้คนดูลุ้นให้สียเวลา ดูแป็บเดียวก็รู้ว่า พระเอก มีพลังจิต ดูไปดูมา อ้าว มีพลังจิตกันทั้งเรื่องเลยเว๊ยเฮ้ย จากนั้นทั้งเรื่องก็สู้กันตลอดเรื่องด้วยพลังจิตสารพัดรูปแบบ มีทั้ง ย้ายของได้ ทนกระสุน ตาทิพย์เห็นอนาคต ดมกลิ่นตามคนได้ไกลเป็นกิโล หูทิพย์ฟังเสียงได้เป็นไมล์ๆ พลังจิตล่องหนก็มี เอากะคนแต่งสิ เฮ้อ อย่าไปคิดมาก หนังแนวนี้ก็บ้าๆเว่อๆแบบนี้แหละ 55555
เรื่องนี้ พระเอกก็ไม่ได้เก่งกล้ามากๆเหมือนเรื่องอื่นๆ ต้องอาศัยเพื่อนๆมาช่วยบวกกับพลังสติปัญญาอีกนิดหน่อย จนในที่สุดก็เอาชนะผู้ร้ายได้
สรุป รวมๆ เราว่า หนังพอดูได้อ่ะ ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย อ้อ ลืมพูดถึงดาราเด็กในเรื่องไปหน่อย เราว่า ดาราเด็กคนนี้เป็นเด็กที่แก่แดดที่สุดเท่าที่เราเคยดูมา ถ้าเด็กไทยเป็นแบบนี้ สงสัยพ่อแม่อกแตกตาย จะพูดจะจา จะแต่งตัว มันเหมือนดูผุ้ใหญ่ที่กร้านโลกมากๆ มาแสดงให้ดู เห็นแล้วกลุ้มใจ และ กลัวเด็กในเวลาเดียวกัน ส่วนพระเอก นางเอก โอเค แสดงดีทั้งคู่ เราชอบดาราจีนในเรื่องนะ ( ตัวผู้ร้าย ทั้งหญิง ชาย ) หน้าตากวนต. มากๆ ดูแล้วชวนหมั่นไส้จริงๆ แต่อย่างว่าแหละ ต่อให้ชอบแค่ไหน แต่ดันมีแบคกราวเป็นฮ่องกง เลยดูมันขัดๆนิดหน่อย เราเลยให้แค่ 7.8 ก็แล้วกัน
เรื่องย่อ : ดิวิชัน คือองค์กรลับของรัฐบาล ที่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของพลเรือนให้เป็นกองทัพนักรบพลังจิต หากใครไม่ยอมเข้าร่วมองค์กรนี้ก็จะถูกกำจัดอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่ดิวิชันฆ่าพ่อของเขาเมื่อหลายสิบปีก่อน นิก แกนต์ (คริส อีแวนส์) นักโทรจิตรุ่นที่ 2 หรือที่เรียกว่า ผู้เคลื่อนย้าย ก็ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นอย่างฮ่องกง เพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับเขา ตราบใดที่เขาไม่เผยเรื่องพลังวิเศษของตัวเองออกมาแต่นิกจำต้องเปิดเผยตัวเมื่อ แคสซี โฮล์มส์ (ดาโกตา แฟนนิง) สาวน้อยวัย 13 ปี ผู้มีญาณทิพย์ หรือฉายา ผู้เฝ้ามอง มาขอให้เขาช่วยตามหา คีรา (คามิลลา แบลล์) ผู้มีพลังจิตประเภท ผู้ควบคุมจิต ที่หลบหนีไปได้ คีรา อาจกุมกุญแจสำคัญที่จะโค่นล้มองค์กรดิวิชันเอาไว้ เธอมีพลังที่น่ากลัวที่สุด นั่นคือสามารถบงการการกระทำของผู้อื่น โดยฝังความคิดลงไปในจิตใจของเหยื่อแคสซี ปรากฏตัวได้ไม่นาน ก็ดึงดูดความสนใจจากนักล่ามนุษย์ขององค์กรดิวิชัน นิก และ แคสซี จึงต้องหนีเอาชีวิตรอด ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าอันธพาลที่มีพลังจิตทั้งหลาย คู่หูต่างวัยจึงหนีรอดไปได้หลายครั้งในเมืองที่ฟอนเฟะแห่งนี้นิก และ แคสซี พยายามจะตัดหน้าหา คีรา ให้เจอก่อนรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ของดิวิชันซึ่งเป็นผู้ควบคุมจิตอย่าง เฮนรี คาร์เวอร์ (จีมาน ฮานซู) จะไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวางองค์กรของพวกเขา
Synopsis : The Division, a shadowy government agency, is genetically transforming citizens into an army of psychic warriors - and brutally disposing of those unwilling to participate.Nick Gant (Chris Evans), a second-generation telekinetic or "mover," has been in hiding since the Division murdered his father more than a decade earlier. He has found sanctuary in densely populated Hong Kong - the last safe place on earth for fugitive psychics like him - but only if he can keep his gift a secret.Nick is forced out of hiding when Cassie Holmes (Dakota Fanning), a 13-year-old clairvoyant or "watcher," seeks his help in finding Kira (Camilla Belle), an escaped "pusher" who may hold the key to ending the Division's program. She possess the most dangerous psychic powers: the ability to influence others' actions by implanting thoughts in their minds.Cassie's presence soon attracts the attention of the Division's human bloodhounds, forcing Nick and Cassie to flee for their lives. With the help of a team of rogue psychics, the unlikely duo traverses the seedy underbelly of the city.Nick and Cassie try to stay one step ahead of the authorities as they search for Kira. But a pusher Division Agent Henry Carver (Djimon Hounsou) will stop at nothing to keep them from achieving their goal.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, February 11, 2009,2/11/2009 04:29:00 AM
Revolutionary Road : ถนนแห่งฝัน สองเรานิรันดร์
ช่วงนี้ เราต้องมาดูหนังที่ พารากอนบ่อยหน่อยก็เพราะว่า รพยายามที่จะบริหาร ตั๋วหนังล่วงหน้าที่เราซื้อไว้นานแล้ว และที่สำคัญ มันกำลังจะหมดอายุภายในเดือน กุมภาพันธ์นี้แล้ว
อีกเหตุผลนึงก็เพราะ หนังออสการ์ มักไม่ใช่หนังกระแส เลยมีโรงฉายน้อย แต่ที่พารากอนนี่ ก็ถือได้ว่าเป้นสวรรค์ของคนดูหนังแห่งหนึ่งเลยก้ว่าได้ เพราะมักจะมีหนังที่ไม่ค่อยเข้าโรงทั่วไปมาฉายบ้างประปราย
เราได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ตอนดูก็เห็นพระเอกนางเอกจาก ไททานิก มาแสดงด้วย แต่แก่ไปเยอะเลย ทั้งสองคน ทั้ง ลีโอนาโด + เคท แต่เราว่า เคทสวยขึ้น เพราะผอมลงแล้ว ส่วนลีโอนาโด เราว่า งั้นๆอ่ะ หนังทั้งเรื่องเป็นแนวดรามาล้วนๆ ดาราที่แสดงก็เลยปล่อย อารมณ์เต็มที่ เราว่าหนังแนวนี้น่าจะให้ดาราไทยไปเล่นนะ รับรองตีบทแตกกระจุยกระจาย เอ แต่คิดไปคิดมา ไม่ใช่ดิ เพราะเรื่องนี้ ไม่มีบทหึงหวง อิจฉา ริษยา หรือแย่งสมบัติ ดาราไทยอาจไม่ถนัดเท่าไหร่มั๊ง 5555
เรื่องนี้ จะว่าไป ดูๆก้เหมือนชีวิตคนไทยในยุคปัจจุบันเหมือนกันนะ ความอยากได้ทำงานตำแหน่งดีดี มีเงินเยอะๆ มีบ้านใหญ่ๆ คนอเมริกัน เมื่อก่อนเป็นไง ตอนนี้พวกเราเองหลายคนก็เป็นอย่างนั้นอยู่ แต่โชคดีที่พวกเรามี เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเบรคเอาไว้ ไม่งั้นพวกเราเข้าป่าเข้าพงไปมากกว่านี้อีก เราว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนปัญหาชีวิตครอบครัวของคนหนุ่มสาวได้ค่อนข้างคลอบคลุมนะ ยกเว้นปัญหาเรื่องการสื่อสารของลุกๆกับพ่อแม่ เพร้เด็กในเรื่องยังเล็กเกินกว่าที่จะพูดประเด็นนั้น นอกนั้นเราว่าโอเค แต่เราทายนะว่า เรื่องนี้คงไม่ได้รางวัลออสการืหรอก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทายไปอย่างนั้น
สรุป รวมๆ เราว่า เนื้อเรื่องโอเค สะท้อนแง่มุมปัญหาครอบครัว ความฟุ้งเฟ้อ ความฝันของคนวัยหนุ่มสาว ที่บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลมาสนับสนุนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลยเกิดจากอารมณ์ซะเยอะ ดาราก็โอเค เคท อาจมีสิทธิ์ลุ้น แต่ เราว่า ลีโอนาโดไม่ได้รางวัลหรอก ไม่ได้แช่งนะ พูดแบบที่เราไปดูมาหนังยาว ดูไม่เบื่อ ( ไม่รู้เป็นเพราะเรากินกาแฟก่อนเข้าไปดูหรือเปล่า ปกติเราไม่กินกาแฟซะด้วย 5555 ) ประทับใจปานกลาง เราให้ 7.3 ก็แล้วกัน
เนื้อเรื่องย่อ : แฟรงก์กับเอพริลมักมองตัวเองว่าเป็นคนพิเศษ แตกต่าง ผู้พร้อมและยินดีที่จะใช้ชีวิตตามอุดมคติ ดังนั้น ทันทีที่พวกเขาย้ายเข้าบ้านใหม่ที่รีโวลูชั่นนารี่โร้ด พวกเขาได้ประกาศความเป็นอิสระของพวกเขาอย่างภาคภูมิจากชีวิตที่ไร้ชีวิตชีวา ในย่านชนบทที่รายล้อมพวกเขาอยู่ และพวกเขายังตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมติดอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของสังคมในยุคสมัย นั้น แต่เพราะความหลงใหล ความงดงาม และความอัปยศ พวกวีลเลอร์พบตัวเองกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดหวังไว้ นั่นก็คือการเป็นชายผู้แสนดีที่มีงานประจำทำ ผู้ที่ความหาญกล้าดูจะสูญหายไป กับแม่บ้านที่ไร้ความสุข ผู้หิวกระหายในความสำเร็จและความรัก พวกเขากลายเป็นครอบครัวอเมริกันที่ความฝันสูญสลายไป เช่นเดียวกับครอบครัวอื่นๆ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง เอพริลวางแผนการบ้าบิ่นเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอวางแผนจะทิ้งความสุขสบายของเมืองคอนเน็คติกัตไว้เบื้องหลังเพื่อมุ่งหน้า สู่ความแปลกใหม่ที่ดูดีของปารีส แต่เมื่อเธอเริ่มดำเนินการตามแผน ทั้งเธอและแฟรงก์ต่างถูกผลักดันไปจนถึงที่สุด คนหนึ่งต้องการจะหนีไปไม่ว่าจะต้องสูญเสียสักแค่ไหน ขณะที่อีกคนตั้งใจที่จะรักษาทุกอย่างที่พวกเขามี ไม่ว่าจะต้องยอมสักเพียงใด
เกร็ดภาพยนตร์ : ถนนแห่งฝัน สองเรานิรันดร์ดัด แปลงจากนิยายเรื่องเด่นของริชาร์ด เย็ทส์ Revolutionary Road คือการนำเสนอภาพชีวิตแต่งงานของชาวอเมริกันออกมาอย่างเฉียบคม โดยมองผ่านสายตาของแฟรงก์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ นักแสดงหนุ่มผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง) และเอพริล (เคต วินสเลต ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 5 ครั้ง) วีลเลอร์ เรื่องราวของเย็ทส์ที่พูดถึงสังคมอเมริกันในปี 1950 ได้ตั้งคำถามที่สะท้อนผ่านความสัมพันธ์ของคนยุคใหม่ที่ว่า”คนสองคนสามารถ หลุดพ้นไปจากชีวิตสามัญโดยไม่ต้องพลัดพรากจากกันได้หรือไม่”
Synopsis : April and Frank Wheeler are a young, thriving couple living with their two children in a Connecticut suburb in the mid-1950s. Their self-assured exterior masks a creeping frustration at their inability to feel fulfilled in their relationships or careers. Frank is mired in a well-paying but boring office job, and April is a housewife still mourning the demise of her hoped-for acting career. Determined to identify themselves as superior to the mediocre sprawl of suburbanites who surround them, they decide to move to France where they will be better able to develop their true artistic sensibilities, free of the consumerist demands of capitalist America. As their relationship deteriorates into an endless cycle of squabbling, jealousy and recriminations, their trip and their dreams of self-fulfillment are thrown into jeopardy.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/11/2009 04:25:00 AM
Underworld : Rise Of The Lycans : สงครามโค่นพันธุ์อสูร 3 ปลดแอกจอมทัพอสูร
จำได้ว่า เรื่องนี้ เมื่อสองปีก่อนเราไปดุกับแฟนเราที่ แฟชั่นไอส์แลนด์ เราดูเรื่องนี้เพราะอยากตามใจเธอ ทั้งๆที่เราเองไม่ชอบหนังแนวมืดๆแบบนี้ เลย แต่ขอบอกว่า เราคิดผิด เพราะหนังมันส์มากกกกก
ภาคนี้เราเลยไม่รอช้า ตัดความไม่ชอบหนังมืดๆออกจากสอง กำเงินไปตีตั๋ว แล้ววิ่งเข้าโรงไปเลย อ้อ ลืมบอกไปว่าไปดุที่ อีจีวี ลาดพร้าว โรงเหม็นๆนั่นแหละ555 หนังตอนนี้จับตอนที่ว่าถึง กำเนิดนางเอก ตอนแรกเราดุก็งงเว๊ย อะไรวะ เปลี่ยนนางเอก เอาใครมาเล่นก็ไม่รู้ ไม่สวยเลย อ้อ ดูไปดูมาถึงได้รู้ว่า นี่มันแม่นางเอกเว๊ย ไม่ใช่นางเอก มีตัวพ่อด้วย เออ ดูไปดูมาชักมันส์ เพราะทำให้รู้ว่า อ๋อ ที่แท้ เนื้อเรื่องมันมีที่มาที่ไปแบบนี้นี่เอง มันส์มากๆ แต่อย่างว่าแหละ พอจะจบ คนสร้างก้ขยักตัวร้ายไม่ให้ตาย จะได้สร้างภาคต่อ หลอกเงินคนดูได้อีก ตามระเบียบ 5555
หนังมีฉากสะใจกับฉากต่อสู้กับผู้ร้ายหลายฉากเลย แต่ก็มีฉากเสียวสงสารพระเอกหลายฉากเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนโบยพระเอกด้วยแส้ ดูแล้ว นึกถึงเรื่องอะไรนะ ที่เกี่ยวกับกำเนิดพระเยซูอ่ะ ประมาณนั้นเลย สงสารจับจิตจับใจ
เนื่องจากเราดูมาอาทิตย์นึงแล้ว เพิ่งมาเขียน เลยจำอะไรไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่า สรุปเลยละกัน ว่ามันส์พะยะค่ะ มันส์แค่ไหนก็กะไม่ถูก แบบว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังมันส์ๆ เลยไง พอมาดูเรื่องนี้ เลยเหมือนเจอ โอเอซิสกลางทะเลทราย เลยบอกว่ามันส์ไว้ก่อน จริงๆมันมีหนังทีมันส์กว่านี้อีกเยอะ แต่ฃ่วงนี้ เรื่องนี้อ่ะ มันส์สุดแล้ว เอาไปเลย 8.0
เนื้อเรื่องย่อ : ด้วยความเฉลียวฉลาดและทักษะด้านการเมืองที่เหนือกว่า เผ่าพันธุ์แวมไพร์จึงเฟื่องฟู ขณะที่มนุษย์หมาป่าที่ดุร้ายตกต่ำ ทว่าเมื่อมนุษย์หมาป่าเพศเมียที่ถูกแวมไพร์จับตัวได้คลอดลูกออกมา ก็ได้ถือกำเนิดสายพันธุ์ใหม่ที่ดูเหมือนมนุษย์ เขาคือ ลูเชียน (ไมเคิล ชีน) ไลแคนคนแรกที่เกิดมาเป็นทาสภายในตระกูล วิกเตอร์ (บิลล์ ไนฮีย์) ผู้นำแวมไพร์ผู้กุมอำนาจสูงสุด ไลแคนแตกต่างจากมนุษย์หมาป่าดั้งเดิม เขาสามารถเปลี่ยนร่างไปเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้ายได้ดั่งใจ วิกเตอร์ ใช้สายเลือดของ ลูเชียน สร้างทาสสายพันธุ์ใหม่ เพื่อให้แวมไพร์ใช้เป็นคนงานและยามรักษาความปลอดภัยในช่วงกลางวัน โดยมีโซ่ตรวนหนามที่ทำด้วยเงินอยู่รอบคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เปลี่ยนร่าง ลูเชียน เติบโตมาเป็นช่างทำอาวุธผู้เก่งกาจในปราสาทแวมไพร์ และหลงรักกับ ซอนยา (โรห์นา มิตรา) ลูกสาวหัวรั้นของ วิกเตอร์ แต่ความรักของพวกเขาต้องถูกเก็บซ่อนเป็นความลับ และเมื่อ ลูเชียน พบวิธีถอดโซ่ตรวนหนาม วิกเตอร์ ก็ตัดสินใจกำจัดเขา แต่ ลูเชียน และพรรคพวกจำนวนหนึ่ง สามารถหนีจากชั้นใต้ดินของปราสาทได้สำเร็จ จากนั้น ลูเชียน รวบรวมกลุ่มไลแคน ทาส และมนุษย์หมาป่าที่หนีออกมาได้ กลับไปท้าทายอำนาจปกครองของแวมไพร์ และช่วยเหลือ ซอนยา ออกมา การโจมตีนี้กลายเป็นตัวจุดเพลิงสงคราม ที่จะเผาผลาญทั้งสองเผ่าพันธุ์ตลอดเวลาหลายร้อยปีหลังจากนั้น
Synopsis : Viktor (Bill Nighy) is the King of his vampire clan and father to Sonja (Rhona Mitra), a free-minded heir who tests her parent by heading outside of their castle's borders and doing battle with the ravenous werewolves of the surrounding area. Sonja also harbors a secret love affair with Lucien (Michael Sheen), the first of the Lycans, a race of lycanthropes who were bred by the vampires to be slaves and protectors to the bloodsucking clan. Lucien finds a way to escape and emerges as a powerful leader who rallies the werewolves to rise up against Viktor, leading to a revolution for Lycan freedom and setting up the mythology of the later adventures.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/11/2009 04:22:00 AM
Before Valentine : ก่อนรัก...หมุนรอบตัวเรา
เราผิดหวังจากเรื่องบุญชูที่ อาตี้ เล่น เล่นไม่ดีเลย ตอนแรกคิดว่าจะไม่ดูเรื่องนี้ แล้ว แต่ทนความน่ารัก ของ ได๋ไม่ไหว เลยต้องยอมเสียเงนมาดูซะหน่อย
ปรากฏว่า ผิดคาดเลย หนังดูสนุกมากกกกก ดาราทุกตัวน่ารักมากกกกกกกก เราชอบทุกตัวเลย ยกเว้น เปรม ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แปลกๆอ่ะ เอาเป็นว่าโอเค เลย
ฉากที่ชอบที่สุดน่าจะเป็น ตอนที่ ได๋ กับ ว่านคุยกัน ที่สะพานริมทะเล ท้องฟ้า สีสวยโคตร เราเดาว่าน่าจะเป็นตอนเช้ามืด สังเกตจากยิ่งคุยยิ่งสว่าง ตลกด้วย ชอบคำพูดได๋ ที่บอกว่านว่า “ ก็แปลว่า แกกำลังกวนตีนชั้นอยู่ “ 5555 ขำว่ะ ชอบๆๆ
หนังเดินเรื่องได้สนุกอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นเรื่องของคน 4 คู่ ที่ไหนได้ เป็นเรื่องของคน 2 คู่เอง แต่ อาตี้ กับน้องน่ารักคนนั้น ว่านกับได๋ จาตุรงค์กับเจ๊ นั่น ที่แท้เป็นคนๆเดียวกัน แต่ต่างวัย ตอนจบถึงได้ถึงบางอ้อ นับได้ว่า เป็นหนังเรื่องแรกสำหรับเราเลยนะเนี่ย ที่มีการผูกเรื่องแบบนี้ ประทับใจจัง แต่ยังไงก็ตาม เนื่องจากเป็นหนังของ ไฟว์สตาร์ ดังนั้น มุขบางมุขจึงบ้านๆมาก ดูแล้วนึกว่ากำลังดูหนังไทยเมื่อซัก 30 ปีก่อน อย่างเช่น ไตเติ้ลหนัง เช้ยเชย ฉากที่ถ่ายมุมเงยหน้าได๋ แบบที่ใช้ถ่ายผ่านกระจกใสนั่นก็อีก เชยโคตร ( เราบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่าเชย )
สรุป เราให้อภัยอาตี้แล้ว เรื่องนี้เล่นได้โอเคเลย ไม่ให้อภัยตัวเดียวคือ เปรม เล่นแข็งโคตร นอกนั้น ชอบหมด แต่กระนั้น เมื่อดูภาพรวมเกี่ยวกับพวกรายละเอียดอื่นๆก็ต้องหักคะแนนเล็กน้อย เราเลยให้เรื่องนี้ 7.4 พอ
เนื้อเรื่องย่อ : โจ๊ก (ธนฉัตร ตุลยฉัตร) เด็กวัยรุ่นหน้าตาธรรมดาๆ และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่กลับมีความรักเกิดขึ้นกับ จิ๊บ (เกล้าแก้ว สินเทพดล) เพื่อนสนิทที่เป็นถึงดาวโรงเรียนเมื่อต้องสารภาพรักกับเพื่อนสนิท ใครคิดว่าง่าย ก่อนวาเลนไทน์จะมาถึง โจ๊กจะเป็นคนที่อยู่ในใจของจิ๊บ หรือจะเป็นได้แค่เพื่อนสนิทต่อไป สุธี (ธนกฤติ พานิชวิทย์) กับ ชิดชนก (ไดอาน่า จงจินตนาการ) รักๆ เลิกๆ กันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ชิดชนกตัดสินใจที่จะแยกทางจากสุธีเพื่อไปมีคนรักใหม่สร้างครอบครัวกันอย่าง มีความสุขในขณะที่สุธีกลับมีความตั้งใจที่จะขอเธอแต่งงาน ความรักของเขาและเธอจะยังมีบทดำเนินต่อไปหรือจะจบลงแค่วันนี้ ก่อนวาเลนไทน์ เฮีย (จตุรงค์ มกจ๊ก) กับ เจ๊ (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) แต่งงานกันมาสิบปี เปิดร้านขายดอกไม้ด้วยกัน แต่ไม่เคยพูดจาภาษาดอกไม้ใส่กันเลย ต่างละเลยที่จะแสดงความรักต่อกันจนใครๆ ต่างก็คิดว่าคู่นี้จะถูกจ้างให้มาอยู่ด้วยกัน เฮียที่เบื่อเจ๊มาก จึงตัดสินใจสานสัมพันธ์ที่ดีกับสาวสวยที่ทำงานในร้านคาเฟ่ฝั่งตรงกันข้าม ร้านดอกไม้ อะไรจะเป็นคำตอบชองคนคู่นี้ แล้วความรักของคนทั้งสองที่มีความยาวนานจะสิ้นสุดลงหรือไม่ ก่อนวาเลนไทน์ แจ๊ค (เปรม บุษราคัมวงศ์) กับ แหม่ม (สิตา ธนัญโชติการ) เป็นแฟนกันมานาน ทั้งคู่รักกันดี แสดงความรักที่มีต่อกันอย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะสร้างครอบครัวเดียวกันก่อนถึงวันวาเลนไทน์มีเหตุการณ์ที่ทำให้ แหม่มเข้าใจผิด คิดว่าแจ๊คแอบนอกใจ แหมม่ถึงประชดด้วยการคิดจะไปคบค้าสมาคมกับชายอื่น เมื่ออุปสรรคของความรักคือความเข้าใจผิด ที่เกิดขึ้นวันก่อนวันแห่งความรักจะมาถึง ความรักของทั้งคู่นี้จะลง
Synopsis : Before ValentineBefore Valentine, a romance-comedy centers to people who are in love and how they handle their situations before and during Valentine celebration. The film is included love story from four couples. Joke, a timid boy secretly admires his best friend Jib. Before Valentine is coming, he decides to confess his feeling toward her. Is it Joke who always in Jib's heart, or just a best friend? Confusing couple like Suti and Chichanok seems to have problem on and on. They broke up and then tried to start over for many times. This time it's Chidchanok who wants to end this pain and begins to plant a relationship with her new boyfriend, settling down and has a happy family, while suti planning to propose her before Valentine. Is there a chance for a new starting over? Married couple Here and Jae who have been together for 10 years never sweetly talk to one another. They seem to ignore to show their love and care. And before Valentine is coming, something happens to be the twist in their love life. Here is attracted by a pretty girl next door and it comes to the point whether Here and Jae would end their long relationship on this situation. Jack and Mam is a perfect couple. They've been in relationship for years and are going to marry before Valentine. But a misunderstanding situation causes Mam to suspect that Jack is cheating on her. To give Jack a lesson, Mam turns to date another guy. What would Jack do to defeat the obstacle and explain to truth to Mam? All the answers are in Before Valentine.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Monday, February 2, 2009,2/02/2009 05:37:00 PM
High School Musical 3: Senior Year : ไฮสคูล มิวสิคัล
หนังเช้ามา 2 อาทิตย์แล้ว เพิ่งจะมีโอกาสได้ดู ที่ฃ้าก็เพราะอยากดูแบบดิจิตอล แต่เรื่องนี้ เอสเอฟ บางกะปิ ไม่ได้ฉายระบบดิจิตอล เราเลยต้องคอยเช็คว่าที่ได้ฉายบ้าง ไปลงเอยที่ เมเจอร์ กับ พารากอน ซึ่งตั๋วแพงแสนแพง เลยกลับลำไม่เอาดีกว่า ไปดู เอสเอฟแบบเดิม ไม่ดิจิตอลก็ไม่เป็นไร หยวนๆ
เราเดินไปซื้อของที่ Home Fresh Mart ข้างล่างก่อน ปรากฎว่า ตอนนี้มี โปรโมชั่น ซื้อ โค๊กแพ๊ก 6 จำนวน 2 แพ็ค จะได้ตั๋วดูหนังฟรี 1 ใบ เราอยากได้อ่ะสิ แต่ว่าตอนนี้ตั๋วฟรีที่เรามีอยู่ ตั้งเยอะ ยังใช้ไม่หมดเลย แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ขับรถมาแล้วจะขนกลับบ้านยังไง สรุป เลยไม่เอาดีกว่า ไว้กลับบ้านไปวางแผนก่อนว่า จะเอาไงดี
กินข้าวเสร็จขึ้นไปตีตั๋ว โอ้โฮ พอดีเลย หนังเข้ารอบเที่ยงตรง ตีตั๋วเสร็จก็เข้าไปดูได้เลย ไม่ต้องรอ อะไรจะพอดีขนาดนี้ ก็อย่างที่บอกว่า ดูหลังจากหนังเข้าไปแล้วนานเลย แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนดูอยู่พอสมควร อันที่จริงที่เราดูช้าเนี่ย ก็เพราะไม่ค่อยสนใจหนังแนวเพลงซักเท่าไหร่ แต่ไม่อยากบอกเลยว่า หนังสนุก น่ารัก ดูไม่เบื่อเลย เพลงก็เพราะ นางเอก น่ารัก พระเอกก็โอเค เต้นร้องทำได้ทุกอย่าง ดูเพลินจริงๆ
เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไร เล่าเรื่องการดำเนินชีวิตของนักเรียนมัธยมปีสุดท้าย มีกิจกรรมสารพัด ทั้งเรียน ทั้งกีฬา ทั้งการแสดง ดูแล้วก็งงว่า นักเรียนอเมริกันมันจะเก่งขนาดบริหารเวลาได้ดีขนาดนี้เลยเรอะ
เอาเป็นว่า เราสังเกตหลายทีละ ถ้าเรื่องไหน เราไปคาดหวังมากๆ จะไม่สนุก ส่วนเร่องนี้เราไม่กล้าหวังอะไรเลย แต่ก็ดูได้แบบโอเคเลยแหละ อยากไปหาเพลงมาฟัง เพราะจริงๆ โดยเฉพาะเพลงช้าๆ เพราะหมด ( คือเราเป็นคนไม่ค่อยชอบเพลงเร็วไง ฟังแล้วปวดหัว แต่ดันเป็นคนพูดเร็ว ไม่รู้คนที่ฟังเราพูดจะปวดหัวมั่งรึเปล่า5555 ) เรื่องนี้เราให้ไปเลย 7.6
เนื้อเรื่องย่อ : ทรอย (แซ็ก เอฟรอน) หัวหน้าทีม ไวลด์แคต ทีมบาสเก็ตบอลประจำโรงเรียน และ กาเบรียลลา (วาเนสซา ฮัดเจนส์) สาวสวยผู้เฉลียวฉลาด เป็นนักเรียนปีสุดท้ายของโรงเรียน อีส ไฮห์ ดังนั้นอีกไม่นาน พวกเขาก็จะต้องแยกจากกันไปสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน ทรอย และ กาเบรียลลา จึงรวมตัวกับเหล่าเพื่อนร่วมทีม ไวลด์ แคต ร่วมกันสร้างละครเพลงประจำฤดูใบไม้ผลิ เพื่อสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของพวกเขา รวมทั้งความหวังและความกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง
Synopsis : The captain of East High's Wildcats basketball team, Troy (Zac Efron) and the brainy beauty Gabriella (Vanessa Anne Hudgens) are the high school seniors this year. They're facing the prospect of being separated from one another as they head off in different directions to college. Joined by the rest of the Wildcats, Troy and Gabriella stage an elaborate spring musical reflecting their experiences, hopes and fears about their future.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,2/02/2009 05:32:00 PM
Inkheart: เปิดตำนาน อิงค์ฮาร์ท มหัศจรรย์ทะลุโลก
ฃ่วงนี้ เราบริการเพื่อนเราจากเชียงใหม่ ได้ถี่เป็นพืเศษเลยเพราะว่าแฟนเราไปอเมริกายังไม่กลับ เราเลยพาเที่ยว แต่นิสัยเราชอบดูหนังอะ เราก็เลยไม่รู้จะพาไปไหนนอกจากเข้าโรงหนัง ที่เดิม วันนี้เราตั้งใจพาเพื่อนเรามาดูโรง พาวลัยที่พารากอน จะได้จำติดตาความสวยของโรงนี้ไปนานๆ
หนังเข้าเกือบ 6 โมงเย็น เราก็เลบยมีเวลามานั่งเม้าท์กันเรื่องตอนที่อยู่เชียงใหม่ด้วยกันเพลินไปเลย คุยกันมันส์ เปลี่ยนหัวข้อคุยไปจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องคุยเยอะขนาดนี้ คุยตั้งแต่การวางแผนไปไหว้พระพุทธชินราชในเดือนนี้ เรื่องผีแม่นาค เรื่องเพื่อนเก่า เรื่องตอนไปเที่ยวน้ำตกแม่สา ฯลฯ เล่า 3 วันก็ไม่จบ ตลกเป็นบ้า พูดแล้วก็นึกถึงตอนเด็กๆ ตอนนั้นอดมื้อกินมื้อแต่มีความสุขสุดๆ
หนังเข้าละ โรงนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราก็มาดู สามก๊ก แต่วันนี้เราย้ายข้างมาดูฝั่งขวามั่ง 555 จะบอกอะไรให้ว่าเรามีลางสังหรณ์ว่าหนังจะไม่สนุกตั้งแต่ก่อนเข้าดู เพราะเรานั่งคุยกับเพื่อนว่า สงสัยหนังเรื่องนี้จะมันส์นะ เพราะพระเอกมัมมี่แสดงด้วย นี่แหละ ที่เราบอกว่าเป็นลาง เพราะหลังๆ เราสังเกตว่า หนังเรื่องไหนที่เราคาดว่าจะสนุกตั้งแต่ก่อนดู พอดูแล้วมันจะไม่สนุกเลย รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย
หนังเปิดฉากมาก็น่าจะสนุกอยุ่หรอก พูดถึงเหตุการณ์ตอนที่ นางเอกถูกดุเข้าไปอยู่ในหนังสือ แล้วพระเอกซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ คือเวลา อ่านนิทาน ตัวละครจะหลุดออกมาจากในนิทาน ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนึง คือ เราไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้หรอกนะ แต่เราว่า จินตนาการของคนแต่งนี่ออกจะเว่อร์ๆไปนิดนึง เนื้อเรื่องหลักๆก็มีแค่นี้ สุดท้าย พระเอกก็ต้องฃ่วยนางเอกออกมาได้ตามระเบียบ เรื่องที่เราไม่ชอบคือ ตัวละครแต่ละตัวดูก้ำกึ่ง ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นตัวละครในยุคไหน แต่งตัวทันสมัยแต่ออกมาจากนิทานโบราณ ฉากโบราณ แต่มีรถขับ ดูแล้วไม่กลมกลืนขัดๆแปลกๆ พระเอกกับนางเอกตอนเพิ่งมีลูกหน้าตายังไง ตอนลูกโตเป็นสาวแล้วก็ยังหน้าเด้งอยู่อย่างนั้น หนังโทนมืดๆ แนวนี้เราก็ไม่ชอบอยู่แล้วยังมาทำเนื้อเรื่องเรื่องแต่งตัวแต่งหน้าไม่โดนอีก เลยไปกันใหญ่เลย
สรุป ไม่ชอบเท่าไหร่ เนื้อเรื่องเอย แต่งตัวเอย ตัวละครเอย ดูแล้วมันหงุดหงิดไปหมด ไม่รู้อะไรต่ออะไร นี่นับเป็นเรื่องที่สองแล้วนะ ที่ แบรนดอน เฟรซอร์ แสดงแล้วเราไม่ชอบเลย ก่อนหน้านี้ก็เรื่อง Journey to the center of the earth ที่เฮงซวยมากๆ แล้วก็มาเรื่องนี้อีก เหตุผลก็อย่างที่บอก ดูมันเพ้อเจ้อไม่สมจริงซักกะตี๊ด สรุปอีกทีคือเราให้สอบตกนะ 4.8
เนื้อเรื่องย่อ : มอร์ติเมอร์ หรือ โม (เบรนแดน เฟรเซอร์) และลูกสาววัย 12 ปี เมกกี (อีไลซา เบนเนตต์) ต่างก็หลงใหลหนังสือ และมีความสามารถพิเศษสุดประหลาด คือเมื่ออ่านออกเสียง จะสามารถดึงตัวละครจากหนังสือออกมามีชีวิตในโลกของความจริง แต่ก็จะทำให้คนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหายตัวไปอยู่ในหนังสือเป็นการทดแทน ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปที่ร้านหนังสือมือสอง โม ได้ยินเสียงที่เขาไม่ได้ยินมาหลายปี เมื่อพบต้นตอของเสียง เขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะมันคือ อิงค์ฮาร์ท หนังสือที่เล่าถึงโลกในยุคกลาง ที่มีสัตว์ประหลาดนานาพันธุ์ที่ทั้งแปลกและน่ากลัว นี่เป็นหนังสือที่ โม ค้นหามาตั้งแต่ตอนที่ รีซา (เซียนนา กิลลอรี) แม่ของ เม็กกี หายไปตั้งแต่ แม็กกี อายุเพียง 3 ปี โม ต้องการใช้หนังสือเล่มนี้ช่วย ลีซา แต่ แคปริคอร์น (แอนดี เซอร์คิส) ผู้ร้ายตัวหลักของ อิงค์ฮาร์ท โผล่ออกมาขัดขวาง แคปริคอร์น ลักพาตัว เมกกี และค้นพบความสามารถพิเศษของเธอ จึงสั่งให้เธอทำให้ตัวละครชั่วร้ายทรงพลังอย่าง เดอะ ชาโดว์ มีชีวิตขึ้นมา โม รวบรวมพลพรรคทั้งที่อยู่ในโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการ มุ่งหน้าไปสู่การผจญภัยอันท้าทาย เพื่อช่วย เมกกี และส่งตัวละครเหล่านี้กลับไปยังโลกที่พวกมันควรอยู่
Synopsis : Mortimer "Mo" Folchart (Brendan Fraser) and his 12-year-old daughter, Meggie (Eliza Bennett), share a passion for books and an extraordinary gift for bringing characters from books to life when they read aloud. But when a character is brought to life, a real person disappears into its pages. On one of their trips to a secondhand bookshop, Mo hears voices he hasn't heard for years from the book called Inkheart. It's a book filled with illustrations of medieval castles and strange creatures which Mo's been searching for since Meggie was three years old, when her mother, Resa (Sienna Guillory), vanished into its mystical world. But Mo's plan to use the book to find and rescue Resa is thwarted when Capricorn (Andy Serkis), the evil villain of Inkheart, kidnaps Meggie and, discovering she has inherited her father's gift, demands that she bring his most powerful ally to life, the Shadow. Determined to rescue his daughter and send the fictional characters back where they belong, Mo assembles a small group of friends and family, some from the real world, some from the pages of books, and embarks on a daring and perilous journey to set things right.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments