Wednesday, February 11, 2009,2/11/2009 04:29:00 AM
Revolutionary Road : ถนนแห่งฝัน สองเรานิรันดร์
ช่วงนี้ เราต้องมาดูหนังที่ พารากอนบ่อยหน่อยก็เพราะว่า รพยายามที่จะบริหาร ตั๋วหนังล่วงหน้าที่เราซื้อไว้นานแล้ว และที่สำคัญ มันกำลังจะหมดอายุภายในเดือน กุมภาพันธ์นี้แล้ว
อีกเหตุผลนึงก็เพราะ หนังออสการ์ มักไม่ใช่หนังกระแส เลยมีโรงฉายน้อย แต่ที่พารากอนนี่ ก็ถือได้ว่าเป้นสวรรค์ของคนดูหนังแห่งหนึ่งเลยก้ว่าได้ เพราะมักจะมีหนังที่ไม่ค่อยเข้าโรงทั่วไปมาฉายบ้างประปราย
เราได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ตอนดูก็เห็นพระเอกนางเอกจาก ไททานิก มาแสดงด้วย แต่แก่ไปเยอะเลย ทั้งสองคน ทั้ง ลีโอนาโด + เคท แต่เราว่า เคทสวยขึ้น เพราะผอมลงแล้ว ส่วนลีโอนาโด เราว่า งั้นๆอ่ะ หนังทั้งเรื่องเป็นแนวดรามาล้วนๆ ดาราที่แสดงก็เลยปล่อย อารมณ์เต็มที่ เราว่าหนังแนวนี้น่าจะให้ดาราไทยไปเล่นนะ รับรองตีบทแตกกระจุยกระจาย เอ แต่คิดไปคิดมา ไม่ใช่ดิ เพราะเรื่องนี้ ไม่มีบทหึงหวง อิจฉา ริษยา หรือแย่งสมบัติ ดาราไทยอาจไม่ถนัดเท่าไหร่มั๊ง 5555
เรื่องนี้ จะว่าไป ดูๆก้เหมือนชีวิตคนไทยในยุคปัจจุบันเหมือนกันนะ ความอยากได้ทำงานตำแหน่งดีดี มีเงินเยอะๆ มีบ้านใหญ่ๆ คนอเมริกัน เมื่อก่อนเป็นไง ตอนนี้พวกเราเองหลายคนก็เป็นอย่างนั้นอยู่ แต่โชคดีที่พวกเรามี เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาเบรคเอาไว้ ไม่งั้นพวกเราเข้าป่าเข้าพงไปมากกว่านี้อีก เราว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนปัญหาชีวิตครอบครัวของคนหนุ่มสาวได้ค่อนข้างคลอบคลุมนะ ยกเว้นปัญหาเรื่องการสื่อสารของลุกๆกับพ่อแม่ เพร้เด็กในเรื่องยังเล็กเกินกว่าที่จะพูดประเด็นนั้น นอกนั้นเราว่าโอเค แต่เราทายนะว่า เรื่องนี้คงไม่ได้รางวัลออสการืหรอก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทายไปอย่างนั้น
สรุป รวมๆ เราว่า เนื้อเรื่องโอเค สะท้อนแง่มุมปัญหาครอบครัว ความฟุ้งเฟ้อ ความฝันของคนวัยหนุ่มสาว ที่บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลมาสนับสนุนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลยเกิดจากอารมณ์ซะเยอะ ดาราก็โอเค เคท อาจมีสิทธิ์ลุ้น แต่ เราว่า ลีโอนาโดไม่ได้รางวัลหรอก ไม่ได้แช่งนะ พูดแบบที่เราไปดูมาหนังยาว ดูไม่เบื่อ ( ไม่รู้เป็นเพราะเรากินกาแฟก่อนเข้าไปดูหรือเปล่า ปกติเราไม่กินกาแฟซะด้วย 5555 ) ประทับใจปานกลาง เราให้ 7.3 ก็แล้วกัน
เนื้อเรื่องย่อ : แฟรงก์กับเอพริลมักมองตัวเองว่าเป็นคนพิเศษ แตกต่าง ผู้พร้อมและยินดีที่จะใช้ชีวิตตามอุดมคติ ดังนั้น ทันทีที่พวกเขาย้ายเข้าบ้านใหม่ที่รีโวลูชั่นนารี่โร้ด พวกเขาได้ประกาศความเป็นอิสระของพวกเขาอย่างภาคภูมิจากชีวิตที่ไร้ชีวิตชีวา ในย่านชนบทที่รายล้อมพวกเขาอยู่ และพวกเขายังตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมติดอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของสังคมในยุคสมัย นั้น แต่เพราะความหลงใหล ความงดงาม และความอัปยศ พวกวีลเลอร์พบตัวเองกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดหวังไว้ นั่นก็คือการเป็นชายผู้แสนดีที่มีงานประจำทำ ผู้ที่ความหาญกล้าดูจะสูญหายไป กับแม่บ้านที่ไร้ความสุข ผู้หิวกระหายในความสำเร็จและความรัก พวกเขากลายเป็นครอบครัวอเมริกันที่ความฝันสูญสลายไป เช่นเดียวกับครอบครัวอื่นๆ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง เอพริลวางแผนการบ้าบิ่นเพื่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอวางแผนจะทิ้งความสุขสบายของเมืองคอนเน็คติกัตไว้เบื้องหลังเพื่อมุ่งหน้า สู่ความแปลกใหม่ที่ดูดีของปารีส แต่เมื่อเธอเริ่มดำเนินการตามแผน ทั้งเธอและแฟรงก์ต่างถูกผลักดันไปจนถึงที่สุด คนหนึ่งต้องการจะหนีไปไม่ว่าจะต้องสูญเสียสักแค่ไหน ขณะที่อีกคนตั้งใจที่จะรักษาทุกอย่างที่พวกเขามี ไม่ว่าจะต้องยอมสักเพียงใด
เกร็ดภาพยนตร์ : ถนนแห่งฝัน สองเรานิรันดร์ดัด แปลงจากนิยายเรื่องเด่นของริชาร์ด เย็ทส์ Revolutionary Road คือการนำเสนอภาพชีวิตแต่งงานของชาวอเมริกันออกมาอย่างเฉียบคม โดยมองผ่านสายตาของแฟรงก์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ นักแสดงหนุ่มผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง) และเอพริล (เคต วินสเลต ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 5 ครั้ง) วีลเลอร์ เรื่องราวของเย็ทส์ที่พูดถึงสังคมอเมริกันในปี 1950 ได้ตั้งคำถามที่สะท้อนผ่านความสัมพันธ์ของคนยุคใหม่ที่ว่า”คนสองคนสามารถ หลุดพ้นไปจากชีวิตสามัญโดยไม่ต้องพลัดพรากจากกันได้หรือไม่”
Synopsis : April and Frank Wheeler are a young, thriving couple living with their two children in a Connecticut suburb in the mid-1950s. Their self-assured exterior masks a creeping frustration at their inability to feel fulfilled in their relationships or careers. Frank is mired in a well-paying but boring office job, and April is a housewife still mourning the demise of her hoped-for acting career. Determined to identify themselves as superior to the mediocre sprawl of suburbanites who surround them, they decide to move to France where they will be better able to develop their true artistic sensibilities, free of the consumerist demands of capitalist America. As their relationship deteriorates into an endless cycle of squabbling, jealousy and recriminations, their trip and their dreams of self-fulfillment are thrown into jeopardy.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink