Friday, December 5, 2008,12/05/2008 03:11:00 PM
Ongbak 2 : องค์บาก 2
น่าเสียดายที่เราไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปคิวซื้อตั๋วหนังเรื่องนี้ มาให้ดู คราวหน้าเราจะเอามาแน่ๆ สัญญาเลย เพราะว่า เราไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว นานจริงๆ ตอนแรกนึกว่าอยู่ที่ ดิสนีย์แลนด์ แถวยาวมาก ยังไงๆ เรากขอแสดงความยินดีกับ โรงหนังด้วยนะ หลังจากซบเซามานานแล้ว
คนดูแน่นมากๆ ทุกแถวเลย อยากบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ดู เพราะมีรอบทุกๆ 15 นาที ไม่ได้ดูรอบนี้ก็ได้ดูรอบนั้นอยู่ดี แถมโปรโมชั่น ก็โดนซะ เอาฝาโค๊ก แฟนต้า สไปรท์ อะไรก็ได้ 5 ฝา แลกซื้อตั๋วหนัง หนึ่งแถมหนึ่ง เท่ากับลดครึ่งราคาเลยนะเนี่ย คนดูส่วนใหญ่ที่เห็น มีเด็กๆ เยอะมาก ตึซะ 30% เห็นจะได้ บรรยากาศเหมือนกับมาดูเรื่อง โดเรมอนเลย แต่เรื่องนี้ ค่อนข้างมีเลือดเยอะ ไม่แน่ใจว่า ผู้ปครอง หรือ กบว มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ บ้างมั๊ย
หนังทำได้ดีมากกกกกกกกกกกกกกก เราดูไปน้ำตาซึมไป ด้วยความทึ่งในความสามารถของคนไทย ทำดี จริงๆ ไม่ได้ยอ หรือ เข้าข้างพวกเดียวกัน คิวบู๊ทุกๆอย่างดีเลิศ ยกเว้นอย่างเดียวที่เราพอดูออกว่า ไม่ค่อยดี คือ กังฟู เราว่า มันยังดีเท่าของ เฉินหลงนะ แต่ก็ถือว่า สอบผ่าน แต่พวก ดาบ เดิบ อะไรน่น เราไม่ค่อยได้เห็นจาแสดง แต่พอเห็นเรื่องนี้ ถึงไดรู้ว่า เออ เก่งจริงๆ ด้วย สุดยอดเลย จาพนม นายแน่มาก
อีกฉากที่ชอบ และ หนังฉายให้ดูนานด้วย คือ ฉากที่นางเอก ออกมารำ นางอัปสร ทำได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นางเอกสวยสุดๆ เครื่องแต่งกายสวยสุดๆ อะไร ก็ดีสุดๆ โดยเฉพาะการรำ ไม่รู้ว่านางเอกจบ นาฎศิลป์ มาหรือเปล่า เพราะรำได้สวยจริงๆ หน้าก็สวย รำก็สวย ดูเพลินเลย ไม่อยากให้จบจริงๆ
เชื่อมัย เรากำลังมันส์อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่า โดนตบหน้าอย่างแรงก็เพราะว่า หนังจบลงดื้อๆ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า มันเกิดจากกรที่เสี่ยเจียงทะเลาะกับจา เรื่อง งบประมาณ ทำให้ต้องตัดเนื้อหาลง เพื่อไปทำภาค 3 หรือเปล่า ทั้งๆที่ ไม่เคยบอกเลยว่า จะทำภาคสองที่สั้นแบบนี้ ฉากที่ว่า มี นาฏยุทธอะไรที่ใช้ผสมกับโขนนั่น ก็ยังไม่เห็นในเรื่องนี้ จริงๆเราอยากมาดูตอนที่ จา สู้กับพวกผู้ร้ายที่ นครวัดมากกว่า แต่ก็ไม่มี เราคิดว่า เราจะฟ้อง กบว นะ ว่า โฆษณาหลอกลวงประชาชน
แม้กระทั่งตอนนี้ ความรู้สึก เหมือนโดนหลอกก็ยังอยู่ เพราะไม่มีสื่อไหนออกมาบอกเลยว่า จะมีภาคสามในลักษณะนี้ ทำแบบนี้ ทำเหมือนกับเรื่อง นเรศวร ที่ทำให้เราเสียความรู้สึกมาแล้ว แต่นั่นยังดีหน่อยที่บอกคนดูแต่แรกว่ามีหลายภาค แต่ หรือว่า เราไม่รู้เองก็ไม่รู้นะ ไม่รู้ดิ เสียความรู้สึกอ่ะ
สรุป ถ้าให้คะแนนตามเนื้อหาที่ดู ถือว่า ดูสนุกมากกกกกก เราว่าดีที่สุดของหนังบู๊ในปีนี้เลย บางฉากเรานั่งอ้าปากหวอเลย จนรู้ตัวถึงได้หุบปากลง จริงๆ ฉากเต้นระบำนางอัปสร ยอดเยี่ยม สวยสุดๆ ถ้าไม่นับการทำใหเราเสียความรู้สึก เรื่องภาคสามแล้ว เราให้เรื่องนี้ 9.5 เลย
เนื้อเรื่องย่อ เรื่องนี้ จา แสดงเป็น เทียน เด็กชายที่เกิดในฤกษ์พระกาฬ ชีวิตข้างหน้าจะเผชิญกับการต่อสู้ ดังนั้น ขุนสีหเดโชผู้พ่อจึงได้ส่งลูกชายไปให้ ครูบัว เพื่อฝึกสมาธิและโขนอันเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูง ทั้งๆที่ เทียน อยากฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวเอง โดยมีเพื่อนอย่างพิมและไอ้เหม็นคอยช่วยเหลือ แต่แล้วพระยาราชเสนาก็ได้สั่งสังหารขุนสีหเดโชทั้งโคตร มีเพียงเทียนเท่านั้นที่หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ชะตากรรมส่งให้เขาหนีไปเจอกับเชอนัง หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ที่เห็นแววนักฆ่าในตัวเขาจนรับมาเลี้ยง และถ่ายทอดวิยายุทธเชิงการต่อสู้ให้ จนเทียนซึ่งโตเป็นหนุ่มได้กลายเป็นหัวหน้ากองโจรของที่นั่น แต่สิ่งที่เขาต้องการในใจก็คือการล้างแค้นต่อพระยาราชเสนา แต่กลับพลาดท่า ทำให้เขาถูกจับไปทรมานจนใกล้ตาย ความสามารถทั้งหลายที่มีอยู่ในตัวก็สลายไปสิ้น ซึ่งผู้ที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้ ก็คือ พิมและครูบัวนั่นเอง การกลับไปที่นั่นทำให้เขาฟื้นฟูการบ่มเพาะสมาธิ จนได้ล่วงรู้ความลับวิชาการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่หลับไหลอยู่ในนาฏศิลป์ชั้น สูงอย่าง โขน อันเป็นอาวุธทรงอานุภาพอย่างที่ยากจักหาสิ่งใดมาทัดเทียม
Synopsis : Phraya Sihadecho and Nang Plai who always paid royalty to the King and the homeland were murdered by the viciously power-craving tyrant, Phraya Rachasena, before the eyes of their one and only son, Tien. The boy escaped away with a heart full of deep vengeance swearing to take revenge on the tyrant. Until Tien met Churnung, the Head Theif of Phaa-Peek-Kroot Gang ( Garuda wing Cliff) , who adopted Tien and trained him lots of martial arts such as boxing, sword, magic, explosive, weapons, incantation, and especially thief coaching. Until the day comes when all of the skills runs through his veins, Tien is ready to reclaim vengeance on his one and only enemy. Unfortunately, things don’t go quite as planned, Tien was tortured almost died but he was miraculously saved by Kruu Bua, a Khon Dance master who Tien lived with when he was young. Kruu Bua teaches him how to control his body, to know the power of meditation within human soul, and to absorb Dhamma riddles lying within Khon Dance which is a noble performance art with an origin before 16th Buddhist Century. Eventually, Tien discovers something that makes him feel like he is born again, meanwhile he discovers a form of martial art combining with ancient Khon. The result is a new style of fighting that is both elegant and powerful, and that no one has ever seen before.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink