Thursday, November 27, 2008,11/27/2008 05:21:00 AM
Headless Family : ครอบครัวหัวหลุด
เป็นเรื่องสุดท้ายที่เราดูในอาทิตย์นี้ จริงๆ น่าจะเป็นเรื่องรกด้วยซ้ำถ้าเราไม่ติดงาน เห็น โก๊ะติ๋ออกมาอ้อนให้ช่วยไปดูหน้ามทีวีแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เอ้าา เอาวะ ไปช่วยโก๊ะตี๋ชักหน่อย ( ด้วยตั๋วฟรี 55555)
เราเลือกมาดูที่ EGV เหมือนเดิม เพราะไม่ต้องเพิ่มตังค์ ถ้ามาดูโรงนี้ เนื้อเรื่องก็แปลกประหลาดพิกล คือ .... อ่านตามข้างล่างก็แล้วกัน ขี้เกียจพิมพ์
เอาเป็นว่า เป็นหนังของ โก๊ะตึ๋เรื่องแรก เราว่า ไม่เลวนะ เพราะ เราดูรู้เรื่อง ไม่เหมือนหนังของป๋าเทพ โพธิ์งาม ที่ดูยังไงๆก็ไม่อยากเชื่อว่า นี่หรีอคือหนัง ไม่รู้เร่องเลย แต่เรื่องนี้เราว่า สอบผ่าน แถมมีหลายรสในเรื่องเดียวกัน ทั้งตลก ทั้ง ซึ้ง ทั้งเศร้าด้วยนะ จะบอกให้ เอากะโก๊ะตี๋สิ
ทรงผม กับ เสื้อผ้าที่แต่ง ทั้งของ ลูกเกดเอง และของ จาตุรงค์ รับประกันได้เลยว่า ไม่มีในหนังไทยเรื่องไหนมาก่อน ดูไปดูมา นึกว่าดูหนัง ฮอลลีวู๊ดอยู่ เพราะแต่งเหมือนคนอเมริกัน เอ หรือว่า ไปเอา พล๊อตมาจากหนังฮอลลีวู๊ด คงไม่นะ
ไม่มีอะไรเขียนถึงมากมายอะไร นอกจากจะบอกว่า CG ที่ใช้ในเรื่องยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่นะ ดูกระดุ๊ก กระดิ๊ก หลุดๆ ยังไงชอบกล ไม่ค่อยชอบตรงนี้
สรุป รวมความแล้ว ถึงแม้จะสอบผ่าน แต่ก็เกือบสอบตก เพราะเหมือนเอา เรียงความหรือนิทานเด็กๆ มาสร้างเป็นหนัง ดูแล้วธรรมดาเกินไปหน่อย อ้อ ยังดี มีหักมุมตอนจบ ไม่งั้น เศร้าตายเลย อยากบอกว่า ฉากเศร้าที่ว่า ทำได้ดีนะ ดูแล้ว น้ำตาปริ่มๆเลย เอาละ ไม่พูดพล่ามทำเพลง โดยส่วนตัวเราชอบนะ แต่ไม่ถึงที่สุด เราให้ 6.2 ก็แล้วกัน
เนื้อเรื่องย่อ
เรื่องราวของครอบครัววิศวกรกินเงินเดือน ที่มี ดิ่ง (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) เป็นหัวหน้าครอบครัว กันตา (เมทินี กิ่งโพยม) แม่บ้านที่แสนดี และลูกชายที่เรียกได้ว่าหล่อ จนเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆอย่าง บราซิล (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ต้องมาพบเจอกับความวุ่นวายเมิ่อดิ่งอยากพาครอบครัวไปเที่ยว แต่รถเจ้ากรรมดันมาพังต้องนั่งรถไฟชมบรรยากาศแทน และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อทั้งสามกลับมาบ้าน ต่างคนต่างต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตนนั้นกลายเป็นมนุษย์ประหลาด หัวหลุดแต่ไม่ตาย ไม่มีใครกล้าบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนในครอบครัวรู้ แต่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันความอึดอัดก็เกิดขึ้นในใจ สามคน พ่อ แม่ ลูก ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน จนต้องปิดเพื่อนบ้านที่แสนจะยุ่งวุ่นวายอย่าง สังคม (ค่อม ชวนชื่น) ที่รับภาระเลี้ยงดูภรรยาที่เป็นอัมพาตชื่อ เวียงพิงค์ (ศรี-พรรณ ชื่นชมบูรณ์) และ สิงโต ( ธีรธร พลบูรณ์) ลูกชายแก่แดด ดิ่งต้องปกปิดเพื่อนร่วมงานที่บริษัท บราซิลก็ต้องปกปิดสาวๆที่มหาลัย รวมทั้ง จับเลี้ยง (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) แฟนสาวของบราซิล แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องราวประหลาดเริ่มรู้ถึงสาธารณะชน เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเริ่มต้นไม่ปกติ เรื่องมันก็คงจบลงไม่ง่ายนัก ผลสุดท้ายครอบครัวนี้ต้องพบเจอกับเรื่องอะไรใน หัวหลุดแฟมิลี่
Synopsis
Headless FamilyA holiday trip accident queerly turns Ting's family into bizarre human being; their heads can separate from their necks as they're still alive! Hesitating to reveal their weird ability, Ting's family trying to keep their secret, avoiding from the eyes of curious neighbours. But no secret lives forever. Soon, their neighbours, colleagues and friends starting to spot their strange behavior. How can Ting and his family handle this situation?

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,11/27/2008 05:11:00 AM
Twentieth Century Boys : มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก
ช่วงนี้ไปดูหนังที่ EGV ค่อนข้างบ่อย ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีมีบัตรลดเหลือเยอะ เลยเอามาใช้ที่นี่ สาขาใกล้บ้านสุด ก็คือ อิมพีเรียล ลาดพร้าว จริงๆ เราอยากดู หนังเรื่องนี้ มาตั้งแต่วันแรกเข้าแล้วล่ะ แต่เปลี่ยนใจมาดูวันนี้ดีกว่า เพราะเป็นวันธรรมดา ตั๋วราคา 80 บาท เอง แล้วเราใช้บัตรลดอีก 50 บาท ก็สรุป เราจ่ายแค่ 30 บาท
เชื่อมั๊ย ไม่มีคน ขอบอกเลยว่า ไม่มีคนจริงๆ ทั้งโรงมีเราดูอยู่คนเดียวเอง พูดไปแล้ว แบบนี้ เราชอบมาก เพราะจะนั่งยืดแข้งยืดขายังไงก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่เราสงสาร โรงหนังอ่ะ ทั้งรอบได้เงินเราแค่ 30 บาท ยังไม่พอจ่ายค่าไฟเราเลยเน้อ เฮ้อ แต่ก็นั่นแหละ มองแง่ดี โรงหนัง เค้าคงเอาไปถัวกับรอบที่มีคนเยอะๆอ่ะนะ
โรงหนัง ยังคงมีกลิ่นอับแรงๆ เหมือนเดิม สงสัยแก้ไม่หายแล้วล่ะ เรามองข้ามกลิ่นตุๆพวกนี้ไปก็แล้วกัน แล้วก็ต้องพยายามไม่มอง เก้าอี้เก่าๆที่จะพังมิพังแหล่ที่เห็นด้วยนะ สรุปรวมแล้ว เก่าจริงๆ
หนังเปิดฉากมา ตั้งแต่ไตเติ้ล ต้องบอกว่า ภาพชัดมากๆ นี่ขนาดไม่ใช่ระบบ ดิจิตอลนะ ยังชัดขนาดนี้เลย เนือ้เรื่องหนังเป็นแบบเด็กๆนะ พูดถึงแก๊งเด็กที่เล่นกันไปมา แล้วก็วาดการ์ตูนขึ้นมาเล่มนึง พูดถึงโลกอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นมั่ง ๆ พอโตขึ้นก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป มาเจอกันอีกทีวันเลี้ยงรุ่น ก็มาคุยกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นที่มันดันมาตรงกับที่เคยเชัยนไว้ในการ์ตูนเล่มนั้น จนมาถึงเหตุการณ์สุดท้าย ที่จะมีหุ่นยนต์บุกโลก จนแล้วจนรอกเราก็ไม่ได้เห็นหน้าผู้ร้ายซักที เพราะดันใส่หน้ากาก นินจาฮาโตริเอาไว้ ทั้งเรื่อง หนอย แถมตอนจบยังดันมาบอกให้ดูต่อภาคสองอีกนะ ( นี่ถ้าเรารู้ว่า มีต่อ 2 ภาค 3 ภาค แบบนี้ นะ เราไม่ดูเด็ดขาดเลย ล้อเล่น แต่พูดถึง เราชักเบื่อหนังที่สร้างแบบหลายๆภาคแล้วล่ะ ขี้เกียจตามดูอ่ะ เดี๋ยวเป้าหมายที่เราจะลดการดูหนังจะไม่เป็นไปตามเป้า )
สรุป รวมๆ เนื้อเรื่องก็แปลกดีนะ คนญี่ปุ่นนี่โคตรจินตนาการเลยว่ะ สร้างพลอตเรื่องใหม่ๆได้ตลอด น่าจะเอามาสอนคนไทยมั่ง ดาราไม่รู้จักซักกะคน หน้าตาแปลกๆทั้งนั้นเลย แล้วก็ 40 up แทบทุกคน ยกเว้น นางเอก ยังเช้งกะเด๊ะอยู่เลย ( อ้าว ก็เรื่องนี้ มันพูดถึง เด็กที่โตกันหมดแล้วไง ) การทำสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คท์ต่างๆทำได้สมจริงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉากที่ระเบิดรัฐสภาของญึ่ปุ่น มันเหมือนมาก อย่างกับเกิดขึ้นจริงๆ อันนี้ก็ต้องขอชมว่า ยุ่นมันแน่จริง แต่เรื่องอื่นๆ ก็ธรรมดา ดูแล้วก็งั้นๆ เรารอดูแต่ฉากที่มันจะถล่มโน่น ถล่มนี่ ก็ทำได้ดีทุกฉากอ่ะนะ แต่เราอยากดู ทีมันอลังการมากๆกว่านี้อัะ หมายความว่า มีฉากแนวนี้น้อยไปหน่อย เราก็เลยให้คะแนนเรื่องนี้ แค่ 7.1 ไม่งั้นเราจะให้มากกว่านี้อีก ถามว่า จะดูตอนต่อไปมั๊ย ต้องถามกลับว่า จะเอามาฉายต่ออีกหรือเปล่า ถ้าจะต่อภาคสองจริงๆ ก็จะบอกจริงๆเช่นกันว่า ขอคิดดูก่อนนะ 5555
เนื้อเรื่องย่อ
เมื่อฤดูร้อนปี 1969 นักเรียนชั้นประถมศึกษาอย่าง เคนจิ (โทชิอากิ คาราซาวะ) โอตโจะ (เอสึชิ โทโยคาวะ) ยูคิจิ (ทาคาโกะ โทคิวะ) และพรรคพวกคนอื่นๆ ช่วยกันสร้างฐานทัพลับขึ้น และชวนกันเล่นเป็นหน่วยกู้โลก โดยพวกเขาจินตนาการองค์กรวายร้ายขึ้นมา และเขียนบันทึกแผนการที่วายร้ายจะใช้ยึดครองโลก รวมทั้งเรื่องวันสิ้นโลก ลงในสมุดบันทึกคำทำนาย
ในปี 1997 เคนจิในวัยผู้ใหญ่ ล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักดนตรีร็อก และทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ พร้อมทั้งดูแล คันนะ (อาอิริ ทาอิระ) ลูกของพี่สาวแบบเต็มเวลา เนื่องจากแม่ของเธอหายตัวไป ขณะที่เคนจิกำลังชีวิตธรรมดาๆ อยู่นั้น เหตุการณ์แปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น คนๆ หนึ่งที่เรียกตัวเองว่า เพื่อน ตั้งตัวเองขึ้นเป็นเจ้าลัทธิ และองค์กรของเพื่อนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง
ลัทธิเพื่อนค่อยๆ ขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นองค์กรใหญ่ระดับประเทศ และในที่สุดก็ระดับโลก เคนจิและเพื่อนๆ ในวัยเด็กเริ่มพากันสังเกตว่า สัญลักษณ์ขององค์กรนี้เหมือนกับสัญลักษณ์ที่พวกเขาเคยร่วมกันคิดขึ้น และเหตุการณ์แปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกนั้น ดำเนินรอยตามแผนการที่พวกเขาเคยเขียนเอาไว้ในสมุดบันทึกคำทำนาย
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า หัวหน้าลัทธิเพื่อนนั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนสมัยเด็กของเคนจิ และหากปล่อยให้เพื่อนทำตามแผนการในบันทึกคำทำนายต่อไป โลกก็จะถึงกาลอวสาน เคนจิและเพื่อนๆ ของเขา จึงต้องสืบหาให้ได้ว่า เพื่อน เป็นใครกันแน่ และต้องหาทางหยุดยั้ง ก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง
Synopsis
Growing older is pretty rough and Kenji is finding out just how hard it can be as life starts wearing down on him. Memories of youth make it easier, until those memories come back to haunt him. After a suicide of his childhood friend, Kenji and the rest of his old friends are slowly being drawn into a mysterious conspiracy that could threaten the world. Who is the mysterious “Friend” and how does he tie into Kenji’s youth.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,11/27/2008 04:19:00 AM
The House Bunny Movie : บันนี่สาว หัวใจซี้ด
วันนี้เรามาเดินเล่น โลตัส ว่า จะซื้อของลดราคาซักหน่อย ดันไม่มีอะไรลดราคาเลย คนก็น้อยซะ เลยเดินขึ้นไปดูโปรแกรมหนังชั้นบน โอ้โฮ มีหนังที่เรายังไม่ได้ดูตั้งหลายเรื่อง วันนี้เราอยากคลายเครียด เลยตัดสินใจดู เรื่องนี้ก็แล้วกัน พอดีอยู่ในลิสต์หนังที่อยากดูอยู่แล้วเหมือนกัน
เอาอีกแล้ว ทั้งโรงมีแค่ 5 คน นี่ใจคอคนจะไม่ออกมาใช้เงินกันมั่งหรือไร แบบนี้ โรงหนังจะแย่เอานา ( ปากก็พูดไปอย่างนั้น เห็นใช้บัตรดูฟรี กับบัตรลดราคาตลอด 5555 ) แต่เราว่าเรื่องนี้ต้องตลกแหงๆ แม้คนดูจะน้อย ( แต่โฆษณาเยอะมาก นานมากแล้วนะ แสดงว่า เจ้าของหนังต้องมั่นใจ )
มีเรื่องนึง ที่ต้องกล่าวถึง ณ ที่นี้ ก่อนเรื่องอื่นๆ ก็คือ เราสังเกตว่า ต้องอต่ ในทีวี มีการพูดกันถึงเรื่องที่ โรงหนังเอาเปรียบคนดู โดยการ ฉายโฆษณาทีละ ครึ่งชั่วโมง สงสียว่า คราวนี้ จะได้ผล เพราะว่า เราเข้าโรงตามกำหนดเวลา ปรากฏว่า ทางโรง ฉาย โฆษณาแค่ 15 นาทีเอง เรื่องนี้ ก็ดี เราจะได้รีบดูรีบเลิก 555
นางเอกเรื่องนี้ หน่อมแน้มมากๆ แต่รูปร่างสวยอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้เลย เกิดมายังไม่เคยเห็นใคร รูปร่างอย่างนี้มาก่อน เอว เป็นเอว หน้าตา มองไปมองมาเหมือน โกลดี้ฮอน สมัยก่อน แต่คนนี้รูปร่างดีกว่าเยอะ
หนังเปิดฉากมาก็พูดถึงชีวิตที่หรูหราของนางเอกใน เพนชั่น ทำอีท่าไหนไม่รู้ โดนตัวอิจฉาแกล้วซซะต้องระเห็จออกไปหาที่อยู่ใหม่ ก็เลยได้งานใหม่ เป็นคนฟื้นฟูชมรมผู้หญิงแห่งหนึ่งให้เจ๋งเหมือนเดิม แน่นอนที่สุดว่าต้องมีตัวอิจฉา ที่เป้ฯคู่แข่งกัน ที่คอยหักเหลี่ยมเฉือนมุมกันไปมา โดยในที่สุด นางเอกก็ต้องชนะไปตามระเบียบ เนื้อเรื่องมีแค่นี้เอง แต่รายละเอียดต่างหากที่ทำให้หนังสนุก เราชอบวิธีการที่นางเอกตัดสินใจในการทำอะไรต่างๆในแต่ละเหตุการณ์ ไม่มีซักครั้งเลย ที่จะใช้วิธีร้ายๆกับคนอื่น รู้สึกว่าเป็นคนดีมากกกกกกกก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้ในโลก เพราะนิสัยดีเหลือขนาด ให้กำลังใจคนก็ที่หนึ่ง ดูแล้ว น่ารากไปหมด ถ้าไม่นับว่า เป็นคนหน่อมแน้มกะเปิ๊บกะป๊าบแล้ว คงไม่มีข้อเสียอะไร แบบนี้ ใครเห็นก็รักตายเลย ( เราเองยังแอบหลงเลย 5555 )
สรุป ก็โอเคนะ หนังไม่ได้มีอะไรน่าเกลียดมากมาย เนื้อเรื่องน่ารัก ตัวแสดงแสดงพอใช้ได้ทุกตัว อ้อ มีอยู่ฉากนึง ตอนที่นางเอกจะต้องเปลี่ยนลุคของสมาชิกในบ้าน เราก็นึกไว้แล้วว่า มันต้องมีฉากนี้ แต่ที่เรานึกไม่ถึงเลยก็คือว่า หลังเปลี่ยนลุคแล้ว แต่ละคน จะเพอร์เฟ็คได้ถึงขนาดนี้ สวยจริงๆนะ ไม่ได้แกล้งพูด มีอยู่คนนึง ตัวใหญ่อย่างกับช้าง หน้าตาน่ากลัว ฟันเท่าจอบ พอแปลงโฉมเสร็จ เรนางงเลยเลย เฮ้ย นี่ใช่คนเดียวกันแน่นะ เหลือเชื่อว่ะ เอาเป็นว่า เป็นหนังที่ดูสนุกอีกเรื่องหนึ่ง มีคำพูดดีๆ เอาไว้ให้นั่งคิดตามเยอะเลย ให้กำลังใจคนอิกต่างหาก เอาไปเลย 8.4


เนื้อเรื่องย่อ
นางแบบสุดเซ็กซี่ เชลลี ดาร์ลิงตัน (แอนนา ฟาริส) ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเธอถูกไล่ออกจากคฤหาสน์เพลย์บอย เมื่อไม่มีที่จะไป โชคชะตาก็นำพาเธอไปพบกลุ่มนักศึกษาสาวที่สุดจะเชยและเฉิ่ม ซึ่งกำลังเดือดร้อน เนื่องจากชมรม ซีตา อัลฟา ซีตา ของพวกเธอกำลังจะถูกยุบ
ภารกิจสำคัญของเชลลีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอดึงเอากลเม็ดเด็ดพรายสมัยเป็นกระต่ายสาวออกมาใช้ และสอนสูตรลัดเกี่ยวกับการแต่งหน้าและทีเด็ดมัดใจชายให้สาวๆ ได้รู้ ทำให้ชมรมคู่อริของพวกเธอขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เชลลียังไปปิ๊งผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ โอลิเวอร์ (โคลิน แฮงก์ส) เข้าอีกด้วย
ทว่าในที่สุด โอลิเวอร์ก็สอนให้เชลลีรู้ว่า เธอต้องใช้อย่างอื่นมากกว่ากลยุทธเพลย์บอยในการชนะใจผู้ชายดีๆ สักคน เช่นเดียวกับ ซีตา อัลฟา ซีตา ที่ค่อยๆ กลายเป็นชมรมที่ยึดติดกับรูปโฉมภายนอก สาวๆ จึงต้องเรียนรู้ที่จะหยุดเป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น และเริ่มเป็นตัวของตัวเองเสียที
เมื่อเจ้าของสำนักเพลย์บอย ฮิวจ์ เอ็ม. เฮฟเนอร์ (ฮิวจ์ เอ็ม. เฮฟเนอร์) โทรศัพท์มาเรียกตัวเชลลีกลับ พร้อมข้อเสนอให้เธอได้เป็นนางแบบในนิตยสารหน้ากลาง เชลลีจึงถึงเวลาต้องเลือก ว่าจะกลับไปบ้านหลังเก่าเพื่อสานสิ่งที่ฝันมายาวนานให้เป็นจริง หรือจะอยู่ดูแลบ้านหลังใหม่กับกลุ่มเพื่อนสาวของเธอ

Synopsis
Shelley Darlington (Anna Faris) is a Playboy Bunny who teaches an awkward sorority about the opposite sex -- only to learn that what boys really like is what's on the inside.
Shelley is living a carefree life until a rival gets her tossed out of the Playboy Mansion. With nowhere to go, fate delivers her to the sorority girls from Zeta Alpha Zeta. Unless they can sign a new pledge class, the seven socially clueless women will lose their house to the scheming girls of Phi Iota Mu. In order to accomplish their goal, they need Shelley to teach them the ways of makeup and men; at the same time, Shelley needs some of what the Zetas have -- a sense of individuality. The combination leads all the girls to learn how to stop pretending and start being themselves.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Friday, November 21, 2008,11/21/2008 05:20:00 AM
Sex Drive : แอ้มติดล้อ ไม่ขอเวอร์จิ้น
ไปดูหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่วันแรกเลย ที่ SF สาเหตุที่เลือกโรงนี้ก็เพราะ ช่วงนี้ ที่ Sf มีโปรโมชั่น เอาฝาจุก โออิชิ 9 ฝามาแลกตั๋วหนังได้ฟรี แถมหน้าโรงยังมีเกมส์ให้เล่นชิงรางวัลอีกต่างหาก แล้วเราก็เล่นเกมส์ได้ รางวัลเป็น AXE สเปรย์ฟอร์เมน กลิ่นอะไรก็ไม่รู้หอมดี น่าจะเป็นกลิ่นใหม่ ไม่พูดพล่ามทำเพลง เข้าไปดูหนังเลยดีกว่า
แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องหนัง ต้องขอระบายความอึดอัดเรื่อง จำนวนหนังที่เข้าโรงหน่อย อย่างที่บอกไปว่า ช่วงนี้มีหนังเข้าโรงอาทิตย์ละแค่ 1-2 เรื่องเท่านั้นเอง แต่ก้เป็นที่น่ายินดีอย่างนึงที่อาทิตย์นี้มีหนังใหม่เข้าตั้ง 6 เรื่องแน่ะ นี่เราก็ว่าเดี๋ยวจะไปเก็บให้หมดเลย ( Sex drive , หัวหลุดแฟมิลี่ , Traitor , House of bunny ,ห้าแถว ( เรื่องนี้ยังกลัวๆกล้า ๆ ไม่รู้จะเวิร์ก หรือเปล่า ยังสงสัยอยู่ มีลางสังหรณ์แปลกๆ) , แล้วก็หนังญี่ปุ่นเรื่อง วิบัติโลก อะไรซักอย่าง นี่แหละ ดีใจทื่สุดเลย ถึงแม้จะแต่หนังฟอร์มเล็กก็เหอะ นี่ยังไม่รวมหนังที่ House อีกนะ อ้อ อีกอย่างนึงก็คือ ปลายอาทตย์หน้า ช่วง 28 พย จะมีเทศกาลหนังยุโรปที่ SF world trade ก็ว่าจะไปดูอยู่นะ
ตอนไปตีตั๋วก็ใจหายนะ เพราะไม่รู้คนดูหายไปไหนหมด ขนากโต๊ะเล่นเกมส์ยังไม่มีใครเลย พอเข้าโรงเราก็ได้รู้ความจริงว่า ไม่มีคนจริงๆด้วย ทั้งโรงมีคนแค่ 10 คนเอง แล้วอย่างนี้ โรงหนังจะอยู่ได้เหรอเนี่ย (ความจริงเราน่าจะห่วงตัวเองมากกว่านะ เศรษฐกิจอย่างนี้ เฮ้อ แต่พูดไปก็แปลกดีนะ ได้ข่าวว่าปีนี้ SF จะเปิดโรงหนัเพิ่มอีกตั้งหลายโรง เออ เอากันเข้าไป ก็ขออวยพรให้อยู่รอดก็แล้วกันนะทุกคน )
หนังค่อนข้างทะลึ่งมากๆ ( นั่นแหละ จุดประสงค์ที่อยากดู 555 ) แต่ตามความเห็นของเรา เราว่า มันคล้ายๆกํบ American pie อ่ะ ออกแนวค่อนข้างโจ๋งครึ่มมากๆ มีอยู่ฉากหนึ่ง หนังจงใจให้เห็นถุงอัณฑะ ของตัวแสดงเลย ( แต่เป็นของคนแก่นะ ) ห้อยออกมาเลย แช่ภาพอยู่นานพอสมควรด้วย อุจาดตาว่ะ
ทั้งเรื่องเน้นเรื่องบนเตียง สมชื่อเรื่องเลย ( แต่ไม่เห็นอวัยวะนะ ) เป็นท่าทางการร่วมรักต่างๆ การช่วยเหลือตัวเอง ท่าเต้นที่ยั่วยวนต่างๆ เราว่าพอดูไปเรื่อยๆ จะรู้สึกว่าหนังไม่ค่อยมีรสนิยมเท่าไหร่ ยกเว้น ตอนใกล้ๆจบ ที่ออกแนวโรแมนติก ตอนที่ พระเอกเริ่มรู้ตัวว่า จริงๆแล้ว คนที่พระเอกรัก ก็คือนางเอกที่ร่วมดินทางไปด้วยกันนั่นเอง
รวมๆแล้ว ดาราในเรื่อง หน้าตาธรรมดามากๆ ไม่คุ้นหน้าเลยซักคน ยกเว้น James Marsden จากเรื่อง X-men ที่เรื่องนี้เล่นเป็นพี่ชายพระเอก ( แสดงได้เว่อสุดๆ ) นางเอกเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรกับฟันมาน่ากลัวสุดๆ อีกตัวท่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ คือ เพื่อนอ้วนๆของพระเอก ไม่รู้ไปคว้ามาจากไหน แสดงได้ ธรรมดามากๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเห็นในเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า แต่ขอให้อย่าได้เจออีกเลย
สรุป หนังเนื้อเรื่องธรรมดา นอกจากบที่หยาบคายแบบไม่มีรสนิยมแล้ว ดาราที่แสดงยังไม่ดีอีกด้วย แสดงแบบงั้นๆ มีกุ๊กกิ้ฏนิดหน่อยก็ตรงพล็อตเรื่องที่ทำให้พระเอกรู้จิตใจของตัวเองว่า รักใครกันแน่ นอกนั้น ไม่มีอะไรน้าประทับใจเลย หนังทำให้มีเสียงหัวเราะได้ตลอดเรื่องก็จริง แต่อย่างที่บอก เราว่ามันไม่เหมาะกับสังคมไทยซักเท่าไหร่นะ เอาไป 6.8 ก็พอ
​เรื่องย่อ
​เอียน ราฟ​เฟอร์ตี้ ​เด็กหนุ่มวัยย่างสิบ​แปด ​ได้ตัดสิน​ใจออก​เดินทาง​ไปพร้อมกับ ​แลนส์ ​และ​เฟลิ​เซีย ​เพื่อนของ​เขา ​เพื่อที่จะ​ได้​เสีย​ความบริสุทธ์ ​ให้กับสาวฮ๊อตที่​เขา​เจอทางอิน​เตอร์​เน็ต Sex Drive ​เป็นหนัง​โรด-มูฟวี่ ที่​เปี่ยม​ไปด้วยหายนะระหว่าง​การ​เดินทาง ​แต่​การออกนอกลู่นอกทางของพวก​เขานั้น มัน​ก็สอน​ให้​ทั้งสามคนรู้จัก​ถึงคำว่า​การ​ใช้ชีวิต​และ​ความรัก ​และมัน​ก็จะพาคุณ​เข้าสู่​การ​เดินทางครั้งที่สำคัญของชีวิต
Synopsis
Loveable underdog IAN (Josh Zuckerman) is the last American virgin. At least that's how it feels to him now that he's 18, about to go to college, and losing girls to his 14-year-old brother. Ian's always been the nice guy, the best friend … never the boyfriend. But his luck finally seems to be changing when he meets DANIELLE. She's everything he's ever wanted in a girlfriend – fun, sexy, and she really likes him. There's just one problem. She lives in Knoxville. And he lives in Chicago. And she thinks he's the Brad Pitt-lookalike he's pretending to be on Facebook. At the urging of his best friend, LANCE (Clark Duke), Ian decides to confront his fear of rejection when Danielle makes him the offer of a lifetime: "If you drive all the way for me, I'll go all the way for you."

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Sunday, November 16, 2008,11/16/2008 03:26:00 AM
Painted Skin : พลิกตำนานโปเยโปโลเย
ตอนแรกว่าจะไปดูเรื่องนี้ ที่เมเจอร์บางกะปิ แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่าเพราะขี้เกียจรอรอบ ลองข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือ เอสเอฟ เดอะมอลบางกะปิ ก็มีรอบให้ได้ดูทันที ไม่ต้องรอด้วย
ตีตตั๋วเสร็จก็เข้าไปนั่งชูคออยู่ในโรงหนังเดาเอาว่า หนังคงไม่ค่อยมีคนดู เพราะว่าตอนตีตั๋ว โรงหนัง และ แถวที่ขายตั๋ว โล่งมากๆ เห้นแล้วใจหายไม่รู้ว่าคนมันหายไปไหนหมด แต่พอเข้าโรงแล้วถึงได้รู้ว่า เราคิดผิด เพราะรอบที่เราดูมีคนดูเป็นร้อยๆเลย แต่ไม่เต็มโรงนะ เราว่าสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ได้แค่นี้ก็บุญแล้ว
นั่งดูโฆษณาไป แต่ใจเรากลับคิดเรื่องเกี่ยวกับ โปรแกรมหนังต่างๆที่หมู่นี้ แทบไม่มีหนังเข้าเลย จากเดิมซึ่งมีหนังให้ดูอาทิตย์ละ 4-5 เรื่องกลายมาเป็นเหลือแค่อาทิตย์ละ 1-2 เรื่องเท่านั้น แต่พูดไป เราก็ว่าดีแล้วล่ะ เพราะว่าอันที่จริง เรามีโครงการที่จะลดการดูหนังลง ให้เหลือปีนึงไม่เกิน 50 เรื่อง ( จากเดิม ปีละประมาณ 200 เรื่อง ) แต่คงต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะปุบปับ ลดฮวบฮาบเราอาจช็อกตายได้ เพราะไม่คุ้นเคย 5555 โครงการ 5 ปีลดการดูหนังนี้ เจะเริ่มปีนี้เลย ดีเหมือนกัน เพราะปีนี้ หนังลดลงโดยอัตโนมัติ ยังไงปีนรี้เราคงได้ดูหนังแค่ซัก 180 เรื่องเอง ปีหน้า( ปีที่ 2 ) ก็เหลือแค่ 150 เรื่องก็พอ พอปที่ 3 ก็ให้เหลือ 120 เรื่อง ปีที่4 ให้เหลือ 80 เรื่อง ปีที่5 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ก็เหลือ 50 เรื่องตามเป้า ส่วนปีที่6 หรือปีต่อๆไป ค่อยว่ากันทีหลัง แต่บอกตัวเองว่า ให้เหลือ แค่ไม่เกิน 25 เรื่องก็พอ ( โครงการนี้ ไม่รวม DVD , TV VCD นะ เฉพาะในโรง ไม่งั้น เราต้องตายแน่ๆเลย 55555 )
มาคุยต่อเรื่องหนังดีกว่า หลังจากที่หนังจีนแนว แต่งตัวโบราณ ไม่ได้เข้ามาฉายในไทยนานพอควรแล้ว แถม โปเย ภาคก่อนๆ เราก็ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่เพราะเนื้อเรื่องซ้ำไปมา แถม ดาราก็ผูกขาดที่ หวังจู่เสียนกับเลสลี่จาง เราก็เลยเบื่อมากๆ ตอนนี้ เลสลี่จางก็เด๊ดสะมอเร่ไปแล้ว ดาราก็เลยเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เราจำชื่อดาราไม่ค่อยแม่น แต่เรื่องนี้ เอา จ้าวเหว่ยมาแสดง ภาพของนางเอกคนนี้ เราจำได้ติดตา ว่าเป็นองค์หญิงกำมะลอ ติงต๊องเมื่อเร็วๆนี้ เธอก็แสดงในเรื่องสามก๊ก ก็บุคลิก เดิมพอมาเรื่องนี้ พลิกบทบาทมาเป็น ฮูหยิน นิ่งๆ ดูขัดตาเราเป็นยิ่งนัก ไม่คุ้นเคยเลย อีกอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่า ช่างแต่งหน้าเก่ง หรือ หน้าของเจ้าแหว่ย แก่เอง เรารู้สึกว่า หน้าตาเธอแก่ได้ใจมาก แต่ก็ยังสวยอยู่ แต่ขอให้เป็นอย่างแรกเหอะ อย่าได้ให้เธอแก่เร็วขนาดนั้นเลย
ภาพที่ถ่ายในเรื่องสวยแทบทุกตอน เหมือนใส่ ซอฟท์เลนซ์ถ่ายทำตลอดเรื่อง เพราะภาพสวยมาก เหมือนดูโฆษณาทั้งเรื่อง สวยจริงๆ หน้างี้เนียนทุกคนเลย
ฉากที่เราชอบน่าจะเป็นตอนที่นางปีศาจจิ้งจอก ถอดชุดหนังมนุษย์ออกเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงข้างใน ดูน่าตกตะลึงจริงๆ ที่เหลือ เหมือนดูหนังเรื่อง X-men เพราะมีตอนที่ ปีศาจผู้ชายล่องหนได้ ทำเทคนิกเหมือนเรื่อง X-men เปี๊ยบ ฉากที่แลบลิ้นกินแมลงก็เหมือน X-men อีกเหมือนกัน ก็เอาน่ะ ถือว่า ทางเอเซียก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่นัก ที่มาดูก็อยากดูให้หายคิดถึงหนังจีนเท่านั้น ก็สมใจนะ แต่ถ้าจะมีอะไรที่อยากติ ก็ขอนิดนึง ตรงที่เพลงประกอบ ดันใช้เพลงสมัยใหม่จ๋าไปหน่อย ไม่มีกลิ่นอายของเพลงโบราณ หรือเพลงร่วมสมัยเลย ทำให้เสียบรรยากาศไปนิดนึง แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าเวอร์ชั่น ออริจินอล จะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ เพราะที่เราดูนี่ เป็นพากย์ไทย คนพากย์อาจซี้ซ็วเอาเพลงอะไรมายัดใส่ก็ได้ ตรงนี้ไม่รู้ เรื่องพากย์ไทยนี่ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังจีนเหมือนกัน มาดูทีไรได้หัวเราะทุกที อันนี้เราชอบ ตลกดี
สรุป รวมๆแล้วก็ไม่ผิดหวังเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถูกใจซะทีเดียว กลางๆว่างั้นเหอะ ดาราก็แสดงดีหมดทุกตัว ตัวปีศาจอะไรต่างๆ พวกเสื้อผ้าก็ออกแบบได้ดี แต่อย่างที่บอก ถ้าไม่ติเรื่องเพลงก็ไม่รู้จะติอะไรอีก ก็ถือว่าใช้ได้นะ เอาไปซัก 7.6 ก็พอ
เนื้อเรื่องย่อ
เสี่ยวเหวย (โจวซุ่น) ปีศาจสาวสวยที่คอยหลอกมนุษย์ผู้ชายให้หลงรักแล้วควักหัวใจมากินเพื่อคงความ สาวตลอดกาล วันหนึ่ง เสี่ยวเหวย พบกับ หวังเซิง(เฉินคุน)แม่ทัพหนุ่มรูปงาม ที่เข้ามาช่วย เสี่ยวเหวย ให้พ้นจากการถูกทำร้าย เสี่ยวเหวย ตกหลุมรัก และซาบซึ้งในความดีของ หวังเซิง แต่ความรักของ เสี่ยวเหวย ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อ หวังเซิง มีภรรยาแล้ว คือ เพ่ยหลง (จ้าวเหว่ย) ที่เคยเป็นคนรักเก่าของ ปั่งหยง (เจิ้นจื่อตัน) ซึ่งเป็นพี่ชายของหวังเซิง เพ่ยหลง ขอร้องให้ ปั่งหยง ช่วยกำจัด เสี่ยวเหวย ปั่งหยงจึงขอความช่วยเหลือจาก มือปราบปีศาจ เซี๊ยะผิง(เบ็ตตี้ ซุน) มาช่วยกำจัด เสี่ยวเหวย ....เสี่ยวเหวย จะสามารถรอดพ้นจากชะตากรรมครั้งนี้ไปได้หรือไม่...
Synopsis
While fighting a war in the desert, Wang Sheng (Chen Kun), a general of Central Plains, saves a beauty Xiao Wei (Zhou Xun) and brings her home. He doesn't know her true identity - a thousand year fox spirit. In Chen Kun's house, Xiao Wei meets his wife Pei Rong (Zhao Wei).
In order to have Chen Kun to herself, not only does she mask her needs for a human heart daily to sustain her beauty, but also frames Pei Rong, accusing her of being a demon, forcing a pill down her throat, turning her pale white.
Xia Bing (Betty Sun), who possesses the special ability of third eye is able to tell Xiao Wei's true nature, but no one buys her story. In the process of rescuing Pei Rong, she runs into martial arts exponent Yong (Donnie Yen). The two join forces against the demons.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Saturday, November 8, 2008,11/08/2008 02:54:00 AM
James Bond Quantum Of Solace : พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก

ได้ตั๋วฟรีจาก CitiM Visa ให้ไปดูหนังเรื่องนี้ที่ SFX Emorium รอบทุ่ม เราก็เลยนัดพี่พันไปดูด้วยกัน หลังจากไม่ได้ดูหนังด้วยกันนานแล้ว เผื่อเวลาคุยเรื่องหนังแล้วจะได้มีมุมมองแปลกๆมาแลกเปลี่ยนกันมั่ง
อย่างที่บอก หมู่นี้ไม่มีหนังอะไรออกใหม่เลย อาทิย์นึงมีหนังเข้าแค่ 1-2 เรื่องเอง คนชอบดูหนังอย่างเราเลยแทบจะบ้าตาย อาทิตย์นี้ เทศกาลหนังโลกก็หมดแล้ว หนังทุกโรงก็ดูจนหมด กลายเป้นว่า อาทิตย์นี้มีหนังฟอร์ใหมญ่คือเรื่องนี้เข้าแค่เรื่องเดียวเองอ่ะ เซ็งเลย
เรามากันก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็กำลังดีนะ จะได้หาอะไรกินกันก่อน แล้วก็เจรจาปราศรัยกันก่อนดูหนัง เพราะตอนดูคงจะมัวแต่มีสมาธิกับเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้คุยซักเท่าไหร่
คนดูเต็มโรงจริงๆ ( อีกแล้ว ก็ของมันฟรี 5555) แน่นอนว่า ทางโรงหนังต้องแจกโค๊กกับป๊อบคอร์น กับลูกค้าด้วย เวลาดูหนังจะได้เพลิดเพลินเต็มที่ เราได้ตั๋วมาตอนแรกเราก็คิดว่า อยู่ประมาณแถว E นี่ก็น่าจะกลางโรงค่อนไปทางท้ายๆโรง จะได้ดูถนัดๆหน่อย ที่ไหนได้ โรงที่นี่ตื้นมากๆ มีไม่ถึง10 แถว เพราะฉะนั้น แถวที่เรานั่งจึงค่อนไปทางด้านหน้า ภาพใหญ่โตมาก ดูแล้วปวดหัว
ปิดฉากมาก็ไม่ต้องใหคนดูได้หายใจหายคอเลย เป็นฉากขับรถที่มันส์ที่สุดเท่าที่ดูมาในปีนี้ แทบไม่ได้หายใจเพราะมัวแต่เชียร์พระเอก ดูไม่รู้ว่าคันไหนเป็นคันไหน ไม่รู้ใครขับอะไรดูแล้วมั่วมากๆ มุมกล้องเหวี่ยงไปมาเพื่อให้ดูน่าตื่นเต้น แต่เราว่าดูแล้วน่าเมารถซะมากกว่า ไม่รู้เป็นเพราะดูใกล้เกินไปหรือเปล่า ไม่เคยดูหนังใกล้ขนาดนี้มาหลายปีแล้วล่ะ ซักพักพระเอกก็ออกมาวิ่งไล่ล่ากับผู้ร้ายต่อ เป็นฉากที่ดูมันส์อีกฉากนึง เพราะว่า ไม่ได้หายใจอีกแล้วดูแล้วเหนื่อยแทน กว่าจะไล่ล่ากันเสร็จ ประมาณ 5 นาทีเห็นจะได้ ก็น่าเหนื่อยอยู่นะ ไม่รู้ว่าใช้เวลาถ่ายฉากนี้กี่ชั่วโมงกว่าจะได้ภาพขนาดนี้ออกมาให้ดูกัน มันส์มากๆ
เนื้อเรืองภาคนี้ พระเอกหน้าตานิ่งมาก เหมือนคนเก็บกด ไม่ค่อยพูดเล่นเหมือนภาคก่อนๆ ที่พระเอกจะค่อนข้างมีเสน่ห์แบบกรุ้มกริ่ม ภาคนี้ โหดกว่าทุกภาค ฆ่าคนเป็นผักปลา ถ้าลองเปรียบเทียบกับเจมส์บอนภาคก่อนๆ พระเอกจะมนิสัยน่ารักกว่านี้เยอะ ไม่รู้จะเครียดอะไรกันนักหนา หน้าตาเหมือนจะไปออกรบตลอดเวลา ใครที่อยากมาดูฉากเลิฟซีน เลิกฝันได้เลย เพราะไม่มี แทบไม่เห็นการจูบกันเลยด้วยซ้ำ มองแง่ดีก็ดี คือเด็กๆจะได้ไม่ใจแตก แต่งงว่า ทำไมเพิ่งคิดได้ บางตอนนึกว่าดูหนังอาร์อยู่
ผู้ร้ายเรื่องนี้ก็ยังคงคอนเซปของความชั่วช้าอยู่ เลวได้ใจ ก็ดีแล้วล่ะ เวลาดูจะได้เชียร์พระเอกอย่างไม่ต้องสงสารตัวโกง รู้สึกพระเอกทำด้วยความชอบธรรมแล้ว อะไรเงี้ย ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับตัวโกง นอกจากจะบอกว่า หาตัวโกงได้หน้าตา กวน ตี... ดีมากกกก นางเอกดำไปหน่อย หรือฝรั่งฮิทอย่างงี้ก็ไม่รู้
สรุปรวมๆแล้ว เราว่าหนังลงทุนดี แต่ดูเหมือนพยายามจะยัดเยียด ความมันส์ให้คนดูมากไปนิด รีบโหมเอาฉากมันส์ๆมาเทตอนแรกมากเกินไป น่าจะให้พักหายใจหายคอซักนิดแล้วค่อยโหมโรง นี่ตู้มต้าม ๆๆกันตั้งแต่แรกเลยมันก็ดีอย่หรอก แต่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยอ่ะ ผู้กำกับก็กำกับซะพระเอกเหมือนผู้ร้ายเข้าไปทุกที ไม่นิสัยน่ารักเหมือนภาคอื่นๆเลย ดูโหดๆยังไงก็ไม่รู้ ถ้ามาดูฉากบู๊ เราว่าเป็นรองแค่ จาพนม ( เฉพาะความมันส์นะ ) อย่างอื่น พวกระเบิดอะไรอย่างเงี้ย เราไม่ต้องคาดหวังอะไรก็ได้เห็นอยู่แล้ว เลยเฉยๆ รวมๆเราว่าหนังขาดสเน่ห์ของความเป็นเจมส์บอนอ่ะ เหมือนกับดูหนังอีกเรื่องไปเลย ไม่รู้เราจะโทษผู้กำกับ หรือ แดเนียล เครกดี เฮ้อรวมๆ เราให้ 8 นะ
เรื่องย่อ
​เนื้อ​เรื่อง​ในภาคนี้​เล่า​ถึง​เหตุ​การณ์หลังจากภาค Casino Royale ที่บอนด์ถูกหักหลัง​โดย​เวส​เปอร์หญิงสาวที่​เขาหลงรัก ​แล้วสายลับ 007 ​ผู้นี้​ก็ต่อสู้​ให้ภารกิจล่าสุดของ​เขานั้น​เป็น​การล้าง​แค้นส่วนตัว
​เพราะต้อง​การจะ​เปิด​โปง​ความจริง​ให้ปรากฏ บอนด์​และ​เอ็ม (จูดี้ ​เดนช์) ​ได้จัด​การสอบปากคำมร.​ไวท์ (​เจส​เปอร์ คริส​เทน​เซ่น) ​ทำ​ให้รู้ว่าองค์กรลับที่​แบล็ค​เมล์​เวส​เปอร์นั้นมี​ความซับซ้อน​ และอันตรายกว่าที่​ใครจะคาดคิด
ข้อมูลทางนิติ​เวช​เผยว่า​ผู้ทรยศ​ใน​เอ็ม​ไอ 6 มีบัญชีธนาคารอยู่​ใน​เฮติ ​และ​ความ​เข้า​ใจผิด​เกี่ยวกับบุคคลที่นั่น​ทำ​ให้บอนด์​ได้รู้จักสาวสวย ​แต่ร้ายกาจ นามว่าคามิล (​โอลกา คูรี​เลน​โก) หญิงสาว​ผู้ที่มี​แค้นส่วนตัว คามิล​ได้ชักนำบอนด์​ไป​ถึงตัว​โดมินิก กรีน (​แมทธิว อมัลริก) นักธุรกิจ​โฉด ​ผู้​เป็นตัว​การสำคัญ​ในองค์กรลับ​ในภารกิจที่พาบอนด์ตระ​เวนจากออส​เตร​ เลีย อิตาลี ​ไปจน​ถึง​แอฟริกา​ใต้ บอนด์พบว่ากรีนมี​แผนที่จะยึดครอง​ แหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของ​โลก ​และกำลัง​ทำข้อตกลงกับนายพล​เม​แดร​โน (​โจอาควิน คอซิ​โอ) ที่ถูก​เนร​เทศ กรีน​ใช้​เพื่อน​ในองค์กร ​และบีบบังคับสายที่อยู่​ในซี​ไอ​เอ​และรัฐบาลอังกฤษ​ เพื่อช่วยยึดครองลาตินอ​เมริกา ​เพื่อ​ให้นายพล​เม​แดร​โน​ได้กลับ​ไปครองประ​เทศอีกครั้ง​โดย​ แลกกับผืนดินที่ดู​ไม่มีค่าอะ​ไร ท่ามกลาง​การทรยศ ฆาตกรรม ​และ​การหลอกลวง บอนด์​ได้จับมือกับมิตร​เก่า​เพื่อ​เปิด​โปง​ความจริง ​และ​เมื่อ​เขา​เข้า​ใกล้บุคคลที่​เป็นตัว​การทรยศ​เวส​เปอร์ ​เขายิ่งต้องหาทางนำหน้า​ทั้งซี​ไอ​เอ ​ผู้ก่อ​การร้าย ​และ​แม้​แต่​เอ็ม ​เพื่อ​เผย​แผนชั่วร้ายของกรีน ​และหยุดยั้งองค์กรของ​เขา
Synopsis
Quantum of Solace continues the high octane adventures of James Bond (Daniel Craig) in Casino Royale.
Betrayed by Vesper, the woman he loved, 007 fights the urge to make his latest mission personal. Pursuing his determination to uncover the truth, Bond and M (Judi Dench) interrogate Mr. White (Jesper Christensen) who reveals the organization which blackmailed Vesper is far more complex and dangerous than anyone had imagined.
Forensic intelligence links an Mi6 traitor to a bank account in Haiti where a case of mistaken identity introduces Bond to the beautiful but feisty Camille (Olga Kurylenko), a woman who has her own vendetta. Camille leads Bond straight to Dominic Greene (Mathieu Amalric), a ruthless business man and major force within the mysterious organisation.
On a mission that leads him to Austria, Italy and South America, Bond discovers that Greene, conspiring to take total control of one of the world's most important natural resources, is forging a deal with the exiled General Medrano (Joaquin Cosio). Using his associates in the organisation, and manipulating his powerful contacts within the CIA and the British government, Greene promises to overthrow the existing regime in a Latin American country, giving the General control of the country in exchange for a seemingly barren piece of land.
In a minefield of treachery, murder and deceit, Bond allies with old friends in a battle to uncover the truth. As he gets closer to finding the man responsible for the betrayal of Vesper, 007 must keep one step ahead of the CIA, the terrorists and even M, to unravel Greene's sinister plan and stop his organisation.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments