Tuesday, October 7, 2008,10/07/2008 02:59:00 AM
The Fall : พลังฝัน ภวังค์รัก
แน่นอนที่สุด ว่า เราต้องไปดูหนังเรื่องนี้ที่ Houserama เพราะหนังเข้าที่นี่กับที่ ลิโด้ 2 ที่เอง แต่เราชอบที่นี่มากกว่าเพราะว่า มี Tops เวลาที่หนังยังไม่เข้าเราจะได้ไปเดินเล่น กิน ชาไข่มุก ที่แสนอร่อย แล้วก็เดินไปหาที่นั่งอ่านหนังสือที่ชั้นสอง บางทีก็ได้เจอ โนส อุดม ด้วย ไม่รู้ว่ามาทำอะไรที่นี่บ่อยๆ
หนังเรื่องนี้ เราไม่เคยได้ดูตัวอย่างหรอก แต่จากการสังเกตจำนวนคนที่มาดูในวันธรรมดา ก็ทำให้สงสัยว่าหนังน่าจะดีนะ ไม่งั้น จะมีคนมาดูในรอบวันธรรมดาถึงเกือบ ยี่สิบคนได้ยังไง สังเกตดูว่า บางแถวมากันเป็นกลุ่มเลยเกือบสิบคนก็มี
หนังเปิดฉากที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง หน้าตาน่ารักมากๆ ฟันหลอเชียว ตุ้ยนุ้ย ตอนแรกๆที่เราดูเธอแสดง เหมือนไม่ได้แสดง เพราะเป็นธรรมชาติมากๆ ดูไร้เดียงสา เวลาจะพูดจะร้องไห้ จะทำอะไร อย่างกับว่าเรากำลังดูชีวิตเด็กคนนึงอยู่จริงๆ ไม่รู้จะเล่ายังไง
เราก็ไม่รูว่า พวกฝรั่งไปเรียนการถ่ายภาพมาจากไหน แต่ก็อดเปรียบเทียบกับภาพยนต์ไทยไม่ได้ ว่าทำไม๊ ทำไม เราถึงถ่ายภาพให้สวยน่าดูเท่าชาติอื่นไม่ได้ แม้แต่หนังญี่ปุ่น ( เราเองก็ไม่เคยชอบหนังญี่ปุ่นมาก่อนเลยยย แต่เมื่อได้มีโอกาสมาดูหนังญี่ปุ่นหลังๆนี้ ถึงได้หลงรักเข้าเต็มเปา เหมือนกับหนังฝรั่งเศส ที่เราเคยเล่าไปแล้ว ) เราก็ถ่ายภาพสวยเท่าเค้าไม่ได้เลย
เรื่องนี้ ภาพโคตรสวยมากๆ ที่ว่าจะเป็นภาพวิว หรือ ภาพตึก อ้อ พูดถึงภาพตึก อยากรู้จังเลยว่า ไปเอาโลเคชั่นที่ไหนมาถ่ายทำ สวยสุดๆ บางมุมก็เหมือนทัชมาฮาล บางมุมก็เหมือนที่อิตาลี ( ไม่เคยไปหรอกนะ 555 ) แต่ดูดีมากกกก แล้วก็กลมกลืนกับเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างใช้จินตนาการสูง เรื่องนี้ ดูไปๆ เหมือนกับกำลังฟังนิทานอยู่ ( อ๋อ ก็แหงล่ะ ก็พระเอกเล่านิทานหลอกเด็กตลอดเรื่อง ) แต่เชื่อมั๊ย ดูเพลินจนไม่อยากเชื่อเลยว่า หนังจบแล้ว
ไม่รู้ว่า เราสรุปเนื้อเรื่องถูกหรือเปล่า แต่ดูตั้งแต่ต้นจนจบ เราคิดว่าหนังกำลังเล่า อัตชีวประวัติ ของ ชาลี แชปปลิ้น ในช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เกิดตกต่ำสุดๆทางจิตใจ ทำให้อยากตายขึ้นมา เดชะบุญ ที่ไปเจอกับหนูน้อยนนี้เข้า ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ชอบนะ ทั้งภาพ ทั้งตัวแสดง และ เนื้อเรื่อง ที่ผูกได้อย่างน่าทึ่ง น่าดู และน่าติดตาม
สรุป อย่างที่บอก ยังหาที่ติไม่เจอเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ ดูฝันๆพริ้วๆ ตลอดท้งเรื่อง คนดูก็เคลิ้มไปเลย กับเนื้อเรื่องที่แสนจะกินใจ ระหว่าง พระเอกกับเด็กน้อย แต่แปลกแฮะ ไม่ยักกะมีน้ำตา ทังๆที่หนังซึ้งจะตายไป เราให้ 9.1 อยากซื้อเก็บไว้อีกเรื่อง เอาไว้ดูภาพสวยๆในวันสบายๆ
เนื้อเรื่องย่อ
ผลงานเหนือจินตนาการเจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเบอร์ลิน จาก ทาร์เซ็ม ซิงห์ ผู้กำกับ The Cell เจ้าของรางวัล Grand Prix de la Pres Awards สองสาขาจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes)
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส (Los Angeles) ช่วงทศวรรษที่ 1920 อเล็กซานเดรีย ( คาทินก้า อันทารุ )เด็กผู้หญิงอพยพย้ายถิ่นวัยน่ารักน่าชังฟื้นคืนสติหลังตกจากที่สูง ระหว่างที่พักฟื้นภายใต้การดูแลของแพทย์ เธอผูกมิตรกับรอย วอล์คเกอร์ ( ลี เพซ ) ทหารหนุ่มซึ่งนอนป่วยหนักไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้ เขาเล่าเรื่องชวนติดตามที่มีลุ้นตลอดให้เธอฟัง ซึ่งก็ช่วยให้สาวน้อยหลุดพ้นจากบรรยากาศหมองเศร้าของโรงพยาบาลไปสู่โลกล้ำจินตนาการสุดอลังการ เขายังแทรกสมาชิกในครอบครัว และผู้คนที่อยู่ในโรงพยาบาล ให้ เข้ามามีบทบาทในเรื่องที่กำลังเล่าอยู่ด้วยความหวังให้แม่สาวน้อยจดจ่ออยู่กับเรื่องราวของเขานั่นเอง
รายชื่อนักแสดงเรียงตามที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ (Cast in Order of Appearance)
คาทินก้า อันทารุ (Catinca Untaru) รับบท อเล็กซานเดรีย (Alexandria)
จัสติน แวดเดล (Justine Waddell) รับบท พยาบาลและแม่ชีเอฟเวลิน (Nurse/Sister Evelyn)
ลี เพซ (Lee Pace) รับบท รอย วอล์คเกอร์ (Roy Walker)
คิม อูเลนบร็อค (Kim Uylenbroek) รับบท อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander The Great)
เอเดน ลิธกาว (Aiden Lithgow) รับบท แพทย์ฝึกหัด และผู้นำสารของอเล็กซานเดอร์
ฌอน กิลเดอร์ (Sean Gilder) รับบท วอล์ท เพอร์ดี้ (Walt Purdy)
โรนัลด์ ฟร้านซ์ (Ronald France) รับบท อ็อตโต้ (Otto)
แอนดรู รูซโซว์ (Andrew Roussouw) รับบท นายซาบาตินี่ (Mr.Sabatini)
ประวัติคณะผู้สร้างภาพยนตร์ (THE FILMMAKERS)
ทาร์เซ็ม ซิงห์ เป็น ผู้กำกับภาพยนตร์ (Tarsem Singh: Director)
ทาร์เซ็ม ซิงห์เข้าโรงเรียนประจำในหิมาลายา ประเทศอินเดีย (Himalayas, India) แล้วย้ายมาสหรัฐอเมริกา (United States) ตอนอายุ 24 ปี ก่อนจะแจ้งเกิดเปรี้ยงปร้างเมื่อมิวสิควิดีโอเพลง Losing My Religion ของ REM คว้ารางวัล MTV สาขา Best Video Award นับจากนั้นเขาก็กำกับชิ้นงานโฆษณาดัง ๆ อย่าง Smirnoff, Coke, Nike, Levi’s, และ Pepsi
ทาร์เซ็มกำกับภาพยนตร์เรื่อง THE CELL เหยื่อเงียบอำมหิต เป็นเรื่องแรกเมื่อปี 2000 เขาเคยคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมาแล้วมากมาย รวมทั้งรางวัล Grand Prix de la Pres Awards สองสาขาที่เมืองคานส์ (Cannes), และรางวัล Lifetime Achievement Award จาก British Academy of Film, Television, and the Arts (BAFTA) เขายังมีผลงานจัดแสดงถาวรอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Museum of Modern Art ในนิวยอร์ค (New York) ด้วย
ทาร์เซ็ม ซิงห์เกิดในเมืองปัญจาบ ประเทศอินเดีย (Punjab, India) และจบการศึกษาจาก Bishop Cotton School ในเมืองชิมล่า ประเทศอินเดีย (Shimla, India), กับ Art Center ในเมืองพาซาเดน่า (Pasadena) ก่อนหน้านี้เขากำกับภาพยนตร์เรื่อง THE CELL เหยื่อเงียบอำมหิตผลงานลุ้นระทึกที่นำแสดงโดยเจนนิเฟอร์ โลเฟซ (Jennifer Lopez)
Synopsis
Visually minded filmmaker Tarsem Singh returns to the director's chair for the first time since The Cell (2000) with this psychologically complex tale of a hospitalized paraplegic with a curious knack for storytelling. Unable to free himself from his sterile confines, the immobile patient's deepest fears form the basis of a dark story that he shares with his young companion -- a little girl who visits his room as she recovers from a nasty fall. As the eerie tale unfolds, reality and fantasy gradually merge to form a strange world in which anything is possible. ~ Jason Buchanan, All Movie Guide

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink