Thursday, July 24, 2008,7/24/2008 02:05:00 AM
Journey to the Center of the Earth : ดิ่งทะลุสะดือโลก

ขอเริ่มต้นประโยค ด้วยคำว่า ไม่สนุกเลย และผิดหวังอย่างร้ายแรงสำหรับหนังเรื่องนี้
ไปดูหนังเรื่องนี้ ที่ SF บางกะปิ เพราะประทับใจในคุณภาพโรงดิจิตอลที่นี่ ค่าตั๋วก็ 220 บาท แต่เนื่องจากเค้ามีโปรโมชั่นใช้ฝาแฟนต้า 5 ฝา เป็นส่วนลดได้ 50 บาท เราเลยจ่ายแค่ 170 บาท ได้ดูโรงที่ 14 ซึ่งเป็นโรงเดิมที่เป็นโรงที่ฉายระบบดิจิตอลเป็นประจำเรากุลีกุจอสุดๆ ติ่นเต้นที่จะได้ดูหนังสามมิติ อารมณืเดียวกับเด็กได้ขนมเลย แต่เมื่อหนังฉายเราถึงได้รู้ว่า ถ้าวันไหนเราอยากดูหนังสามมิติ มีที่เดียวที่ควรไปดูคือที่ Imax เท่านั้น เพราะว่า หลังจากไปดูแล้วเราถึงได้รู้ว่า คุณภาพห่างกันแบบเทียบไม่ได้เหมือนเอาเพชร ไปเทียบกับ พลาสติกโน่นเลยจอเล็กมากๆ ไม่ได้อารมณ์แห่งความตื่นเต้นใดๆ เรายอมรับว่า มันสามมิติจริง เด้งออกมาจริง แต่ด้วยภาพที่เล็กกะจิ๋วริ๋วช่างแตกต่างเหลือเกินกับที่เราเคยดูที่ Imax อลังการงานสร้างกว่ากันมากๆๆๆๆๆๆข้อเสียอีกอย่างคือ เราว่า แสงมันไม่สว่างพอ ไม่รู้เป็นที่ฟิล์มหรือ อะไรก็ไม่รู้ แต่มืดากๆ ขนาดฉากตอนกลางวัน ยังกับถ่ายตอนเย็น มันทำให้เราต้องเพ่งสายตามากๆ แล้วที่สุดก็ปวดหัว
ขอโทษที่ต้องระบายอีกเรื่องนึงคือ คนดูที่เป็นคุณยายที่นี่งข้างๆเรา เราเข้าใจนะว่าอาจไม่เคยดูหนังสามมิติ เออ คือว่า รู้สึกจะมีอารมณืร่วมกับหนังเกินเหตุ วี๊ดว้ายกระตู้วู้อยู่คนเดียวทั้งเรื่อง เราว่าสาวๆวัยรุ่นในโรงอายไปเลย เราก็อายไปด้วย เพราะดันมานั่งติดกะเรา คนเค้านึกว่ามาด้วยกัน เฮ้อ

ยังไม่หนำ เนื้อเรื่องก็ห่วยแตก ไม่มีอะไรเลย หนังสั้นมากๆ ประมาณ 80 นาทีได้มั๊ง เริ่มเรื่องมาก็พูดๆๆๆๆๆกันอย่างเดียว แล้วก็ออกเดินทางไปปีนเขา เข้าถ้ำ หลังจากนั้นก็ผจญภัยในใต้ดินนั่นแหละ คือ คนเขียนบท คงจะพยายามแทรกฉากที่เป้น CG เพื่อให้สามารถ แสดงความเป้นสามมิติได้เยอะๆ แต่มันไม่สนุกอ่ะ บอกไม่ถูก ดูรีบๆ ร้อนๆ ลวกๆ ยังไงไม่รู้ เราว่าคนสร้างดูถูกคนดูมากเกินไป คือเราคาดหวังว่าจะได้อะไรมากกว่าการมานั่งดูอะไรที่มันเด้งๆออกจากจอได้นะ แบบนี้ไปหาดูที่ไหนก็ได้ ( ที่ไหนวะ 555 )
จริงๆเราชอบพระเอกคนนี้มากๆเลย ชอบดูติดตามมาตั้งแต่ มัมมี่แล้ว ก็หวังว่า มัมมี่ ที่จะเข้าอาทิตย์หน้าคงไม่ทำให้เราเสียดายเลงินอีกนะ ฮ่วย

สรุป อารมณ์เสีย ไม่ได้เรื่องเลย ถ้าจะชมก็มีเรื่องเดียวคือแว่นเท่ดี ใส่แล้วไม่ปวดขมับเลย กำลังดีเลย ดีไซน์ใช้ได้ ( น่าจะให้เป็นที่ระลึกนะ ) อย่างนี้ เราคงให้อภัยไม่ได้ เอาไปแค่ 4.7 ก็พอ นะ สำหรับความไม่ได้เรื่องของหนังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องอ่านเอาจากข้างล่างก็แล้วกันนะ เซ็ง

เรื่องย่อหนัง Journey to the Center of the Earth จาก : http://movie.sanook.com
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณสามารถเดินทางสู่ใจกลางโลกได้ คุณจะได้พบอะไรที่นั่นบ้าง Journey to the Center of the Earth มีคำตอบให้แล้ว เทรเวอร์เคยเป็นนักธรณีวิทยาชื่อดัง แต่พี่ชายของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 10 ปีก่อนจากการสำรรวจพื้นที่แถบไอซ์แลนด์ ทำให้เทรเวอร์และหลานชายของเขารู้สึกเศร้ามาตลอด จนวันหนึ่งเทรเวอร์มีโอกาสได้เดินทางไปยังสถานที่ที่พี่ชายหายตัวไป เขาจึงไม่รอช้า เก็บของลงกระเป๋าเตรียมออกเดินทางทันที
โดยต้องพาหลานชายไปด้วยอย่างไม่ค่อยเต็มใจ การเดินทางครั้งนี้พาพวกเขาไปไกลกว่าที่คิด เพราะมันนำพวกเขาสู่ใจกลางโลก ที่ 4,000 ไมล์ใต้พื้นพิภพ และเกินกว่าจะเชื่อสายตาตัวเอง เทรเวอร์และหลานชายได้พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดมหัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึกยักษ์, นกเรืองแสง, มหาสมุทรใต้พื้นโลก, ฉลามดึกดำบรรพ์ รวมทั้งไดโนเสาร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเดินทางครั้งนี้ทำให้อาหลานคู่นี้ได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจกันและกัน หนังถ่ายทำด้วยระบบดิจิตอล 3 มิติทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือประสบการณ์อันน่าตื่นตาของคอหนังที่จะได้เห็นสิ่งมีชีวิตสุดอัศจรรย์มีชีวิตขึ้นต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรก

Synopsis from : http://pstlepost.blogspot.com
The film will transpose the novel into the present day and will be mostly live action, with only the landscape and creatures supplied by computer-generated graphics. The film will be projected using Real D Cinema technology, a format that made its debut with the release of Chicken Little. As such, it will be the first wide-release film to be released exclusively in the Real D Cinema technology format, as approximately 1500 theaters will have Digital 3-D compatibility by the time of its release.MPAA RatingThe film is Motion Picture Association of America (MPAA) rated PG for intense adventure action and some scary moments.
Trevor is a volcanologist whose nephew, Sean, is supposed to spend ten days with him, which Trevor forgot about. When Sean's mother drops him off she leaves Trevor with a box of items which belonged to Max, Trevor's brother and Sean's father, who died years before. Sean suddenly takes interest in what Trevor has to say after he tells him about his father whom he never really got a chance to know. Trevor discovers in the box the novel Journey to the Center of the Earth by Jules Verne. Inside the book Trevor finds notes written by his late brother. Trevor goes to his lab to find out more about the notes. There he realizes that he must go to Iceland to see it for himself. After much insistence from Sean, he brings Sean along for the adventure which starts by visiting another volcanologist. When they get to that scientist's lab they meet his daughter, Hannah, who offers to help them climb up to the volcano. While hiking the mountain Trevor, Sean, and Hannah fall into a deep pit, taking them to the "center of the Earth." After crossing the underground ocean they encounter a Tyrannosaurus. Subsequently the temperature of the center of the earth starts to rise and they must make a daring escape before the temperature reaches 130 degrees.

Labels: , , , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, July 16, 2008,7/16/2008 12:20:00 AM
Hellboy II (The Golden Army) : เฮลล์บอย 2 ฮีโร่พันธุ์นรก
ด้วยความที่อยากดูหนังดิจิตอลมากๆ ประกอบกับปนะสพการณ์ที่เคยดูมาจากโรง เมเจอร์แล้วไม่ประทับใจเท่ากับที่ เอสเอฟ ทั้งคุณภาพของภาพ และราคา เลยตัดสินใจไปดูที่ เอสเอฟบางกะปิ ตั๋วก็ไม่แพงเลยแค่ 120 บาทเอง ถูกกว่าที่ Major ตั้ง 20 บาท
เราไปถึงโรงตอน 4 โมงเย็น แต่หนังมีรอบ 5 โมงเย็น เราเลยมีเวลาไปเดินเล่นอีกตั้งชั่วโมง น่าแปลกใจนะที่ไม่มีคนตีตั๋วซักเท่าไหร่เลย ตอนเลือกที่นั่งก็แปลกใจเหมือนกันว่า คนมันหายไปไหนหมดวะเนี่ย ที่ไหนได้ พอเราเข้าโรง คนกลับมากตั้งเกือบครึ่งโรง นี่ขนาดหนังเข้ามาหลายวันแล้วนะเนี่ย
ภาพชัดสะใจ จริงๆ อยากบอกว่าคนที่ชอบ CG ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาด สะใจทุกฉากทุกตอน ทำได้ตื่นตาตื่นใจ อลังการงานสร้างสุดๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบดาราในเรื่องซักเท่าไหร่ ที่ไม่มีใครสวยเลย ตัวผู้ร้ายก็ไม่สวย นางเอกก็งั้นๆ เฮ้อ เอาน่ะ เรียกว่ามาดูฉาก กับเทคนิกก็แล้วกัน
ตัวผู้ร้ายที่เป็นเจ้าชายนั่น เราว่า คิวบู๊โอเคเลยแหละ เหมือนดูดาราฮ่องกงมาฟันดาบให้ดู พลิ้วมากๆ หรือไม่ก็ต้องมีคนจากฮ่องกง หรือ วัดเส้าหลินอะไรซักอย่างมาเทรนให้แหงๆ เพราะว่า รำดาบเก่งเหลือเกิน ดูคล่องแคล่วไปหมด เดี๋ยวหมุนตัวดี๋ยวแกว่งดาบทำสะพานโค้ง ฯลฯ แหมอะไรมันจะเว่อร์ขนาดนั้นก็ไม่รู้ ฉากอื่นๆที่ประทับใจก็ พวกตัวประหลาดทั้งหลายแหล่ ไม่รู้ใครเป็นคนออกแบบ ช่างทำได้พิลึกพิลั่นดีแท้ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่ช่วยดึงใบหอกออกจากตัวพระเอก นั่น น่ากลัว และน่าตะลึง และน่าดู ระคนกัน ดูแล้วตาค้างเลย
ไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่ร้องโอ้โฮ อ้าฮา อื้อฮือ ตลอดเรื่อง อีกฉากที่ประทบใจก็คือ ตอนจบ ที่ฝูงกองทัพทองคำออกมาสู้กับพวกพระเอก ดูน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ ถ้าพูดถึงหนังที่ชอบเรื่องความอลังการแล้ว นอกจากอินเดียน่าโจนส์แล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละ ที่คิดว่าน่าดูที่สุด (เฉพาะฉากนะ แต่เนื้อเรื่องก็งั้นๆแหละ )
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความชัดของภาพหรือเปล่าที่ทำให้เรารู้สึกว่า มันช่างอลังการเหลือเกิน อะไรๆ ก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจกันไปซะหมดทุกสิ่งอัน เราเลยขอสรุปตรงนี้เลยว่า เป็นหนังที่ดูเอามันได้ดีอีกเรื่องนึง คุ้มค่าเงินมากๆ เพราะได้เห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่าตามนุษย์จะได้เห็น ความเหลือเชื่อทุกอย่างตั้งแต่มนุษย์ต้นไม้ มนุษย์ภูเขา กองทัพทองคำ แถมด้วยมนุษย์ประหลาดอีกเป้นร้อยๆตัว เราให้ไปเลย 9.2/10 ด้วยความที่คิวบู๊น่าตื่นตา และฉากที่น่าตื่นใจ แต่เนื้อเรื่องก็งั้นๆ ธรรมดาไปหน่อย ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ แต่กำลังคิดอยู่ว่า จะซื้อดีวีดีเก็บไว้อีกเรื่องดีมั๊ยเนี่ย

เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.majorcineplex.com/
หลังจากสนธิสัญญาอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างมนุษยชาติ กับ อาณาจักรยอดมนุษย์ถูกฉีก โลกก็กลายเป็นนรกที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ และเมื่อผู้นำสุดเหี้ยมที่ปกครองโลกบนดินกับผู้นำอีกคนที่ปกครองโลกใต้พิภพ เกิดช่วงชิงอำนาจกัน และปลุกเหล่าปีศาจร้ายขึ้นมาช่วยทำสงครามชนิดไม่รู้จักจบสิ้น จึงเป็นหน้าที่ของซูเปอร์ฮีโร่ที่แกร่งที่สุดและโหดที่สุดจะต้องออกโรงปราบ ผู้นำทมิฬและไพร่พลของเขาให้สิ้นซาก ซูเปอร์ฮีโร่คนนี้อาจจะตัวสีแดง ๆ อาจจะมีเขา แต่เมื่อคุณจำเป็นต้องเรียกใช้เขาขึ้นมาก็ได้เวลาเรียกใช้ เฮลบอย (รอน เพิร์ลแมน) คณะผู้ร่วมปฏิบัติการของ เฮลบอย เพิ่มสมาชิกใหม่ใน Bureau for Paranormal Research and Development (BPRD) อย่างลิซ (เซลม่า แบลร์) แฟนสาวพลังไฟบัลลัยกัลป์, แอ็บเบ้ (ดั๊ก โจนส์) หนุ่มพลังน้ำ, และโจฮาน พ่อมดโปรโตพลาสมิค ซึ่งพวก BPRD จะเดินทางไปมาระหว่างพื้นโลก กับโลกมายาที่มองไม่เห็น ซึ่งพวกปีศาจอยู่กัน เฮลบอยสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้ง 2 โลก แต่เขาก็ไม่เป็นที่ยอมรับจากทั้ง 2 โลกอยู่นั่นเอง เขาต้องเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เป็นอยู่มาตลอด หรือจะเลือกลิขิตชะตาชีวิตที่เขาเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง
Synopsis from : http://movies.msn.com/
Ron Perlman returns to the role of the big red BPRD agent in this sequel to 2004's Hellboy, directed once again by Guillermo del Toro and scripted as before in collaboration with original Hellboy creator Mike Mignola. For centuries, an ancient truce has kept the naïve citizens of the human race safe from the horrors of the invisible realm -- but that's all about to change, and fast. A ruthless leader has emerged in the invisible realm, a tyrant just as comfortable walking the surface realm as he is living in the land of fantasy. When this power-mad ruler defies his bloodline to assemble an unstoppable army of fantastical creatures that he will use to wage a supernatural war on humanity, it begins to appear that humankind's days are numbered. But Hellboy (Perlman) isn't about to stand idly by as the planet is purged by a demonic despot, and with a little help from his team at the Bureau for Paranormal Research and Defense, he may just be able to send our otherworldly overlords packing. Of course, Hellboy's pyrokinetic girlfriend, Liz (Selma Blair), is always willing to conjure up an inferno or two when things get desperate, aquatic Abe (Doug Jones) is prepared to dive headlong into any battle, and protoplasmic mystic Johann (voice of Thomas Kretschmann) proves an invaluable companion in times of inter-dimensional conflict. Now, as the creatures who inhabit the spiritual realm gear up for an all-out attack on the human plane, the only one capable of saving the Earth is a tough-talking hellspawn rejected by both worlds. ~ Jason Buchanan, All Movie Guide

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Monday, July 14, 2008,7/14/2008 12:08:00 AM
Friendship : เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน
ออกจากโรง สามก๊ก มาก็มาต่อเรื่องนี้พอดี มาเวลาเข้าห้องน้ำพอให้สบายตัวนิดหน่อ มาดูหนังเบาๆกันบ้าง เรื่องนี้ ก็สร้างตามกระแส แฟนฉัน ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น แต่ค่อนข้างก๊อปปี้ แนวแฟนฉันมากกว่า เพราะโครงเรื่องคล้ายๆกัน คือเก็บความทรงจำจากตอนที่พระเอกนางเอกเคยเป็นเด็กวัยรุ่น แล้วดำเนินเรื่องให้พวกเราระลึกถึงวันเก่าๆที่เคยเรียนม ปลาย

หนังมีฉากประทับใจหลายฉากด้วยกัน เล่าไม่หวาดไม่ไหว ถ้าใครชอบแนวน่ารักใสๆ มาริโอ้ กับ สายป่าน รับรองว่า ไม่ผิดหวังเด็ดขาด เพราะใสสุดๆ ทั้งสองคน แต่เรื่องนี้คนที่ทำให้มีสีสันน่าจะได้แก่ น้องแจ็ค ของเรา เพราะออกฉากไหนรับรองมีฮา จริงๆแล้วมุขที่เล่นก็ไม่ใช่มุขใหม่อะไร แต่ทำให้เราย้อนคิดไปถึงตอนเด็กที่เคยทำเหมือนในหนังเช่น ฉากดูหนังโป๊ที่บ้านเพื่อน ฉากแซวหญิง เป็นต้น จำได้ว่าตอนนั้นก็ทำแบบนี้แหละ แต่เปิ่นกว่านี้ คือ พระเกในเรื่องเค้าแบบว่า โคตรใส แล้วดูหนังหน้าเราดิ 5555 คือ เค้าทำอะไรก็น่าดูไปหม๊ด 5555


น้องสายป่าน ยิ่งแสดงก็ยิ่งเก่ง อ้อ เมื่อวันก่อนเราบังเอิญเห็นน้องเค้าออกรายการอะไรก็ไม่รู้ บุคลิกคนละเรื่องกับในหนังเรื่องนี้เลย เรื่องนี้เล่นเป็นเด็กเรียบร้อย ๆ สุดๆ แต่ตัวจริง เห็นแล้ว อึ้ง ทำผมทรงฟูๆ พูดจา โก๊ะสุดๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน บุคลิกคนละโลกเลย เราอยากให้น้องสายป่านเป็นแบบในหนังอ่ะ น่ารักโคตร แต่ตัวจริง ขอโทษนะ คนละเรื่องเลย แต่เราขอยกนิ้วให้คนที่ไปเจอน้องสายป่านแล้วเอามาเจียรนัยนะ ตาถึงจริงๆ น่ารักมากๆๆๆๆๆ


ตัวละครตัวใหม่ๆในเรื่องไม่ว่าจะเป็น แหลม ก็เล่นได้ดีพอช้ ดูไม่ขัดลูกตาเท่าไหร่ ส่วนน้องดาราหญิงสองคนที่เล่นเป็นเพื่อนน้องสายป่านนั่น เราให้สอบผ่านทั้งคู่ เล่นได้ธรรมชาติดีมาก ยกนิ้วให้


สรุป เราชอบภาพรวมๆนะ เจก็เล่นดี แค่ตอนต้นกับตอนจบ เราไม่เคยดูหนังที่เจเล่น แต่เรื่องนี้ เราถือว่าทำได้ดีเลยแหละ มีฉากน้ำตาไหลตอนจบ ถ้าจะให้ติเรื่องนี้ ก็คงเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ที่น้อยไปหน่อย ลอกไอเดียแฟนฉัน เกือบทั้งเรื่อง อีกอย่างคือ เรื่องภาษาของหนัง ที่ไม่ค่อยสุภาพ จริงๆอยู่ เป็นภาษาที่เด็กวัยรุ่นใช้ก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องถ่ายทอดทุกอย่างโดยไม่กลั่นกรอง คือพูดเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ไม่น่าสื่อให้ได้ยินในหนังเรื่องนี้ ก็จะทำให้หนังดูใสและน่าดูกว่านี้ เราขอหักคะแนนตรงนี้นิดนึง เราให้ 8.9 / 10 สำหรับหนังเรื่องนี้


เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.majorcineplex.com/


ความผูกพันและความรักระหว่างเพื่อน ถูกถ่ายทอดผ่าน Friendship สิงหา ได้รับโทรศัพท์จาก แจ๊ด เพื่อนสมัยเรียน มัธยมที่เป็นทอม ให้นัดเจอกันเพื่อจัดงานเลี้ยงรุ่น ซึ่งในงานนี้ สิงหาได้พบกับบรรดาเพื่อนร่วมแก๊งเก่า ๆ สมัย ม.6 ไม่ว่าจะเป็น ซ้ง เจ้าของร้านโชว์ห่วย กานดา อาหมวยร่างอวบ ที่คิดว่าตัวเองสวย เริ่ด กว่าใคร ปัจจุบันเป็นเมียของซ้ง จุดเด่น พระเอกหนังชื่อดัง ป๋อง ดีเจนักเล่าเรื่องเขย่าขวัญชื่อก้อง และ แจ๊ด สาวหล่อมาดเท่ห์ สไตล์ลิสประจำนิตยสารอันดับหนึ่ง เมื่อพลพรรคเพื่อนรักได้มาพบกันทำให้เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำสมัย ม.6 ถูกรำลึกกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง สิงหา ได้เอยถึง มิถุนา เพื่อนนักเรียนหญิงที่ย้ายเข้าเรียน ตอน ม. 6 ซึ่งเป็นรักแรก และรักเดียวของ สิงหา ภาพวันคืนเก่า ๆ เกี่ยวกับมิถุนา ถูกร้อยเรียงขึ้นอีกครั้งในความคิดของ สิงหา....


เริ่มตั้งแต่วันเปิดเทอม ม.6 วันแรกเมื่อ ปี 2530 หลังเข้าห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ประจำชั้นได้แนะนำให้รู้จักนักเรียนใหม่ 2 คน คนแรกเป็นผู้ชาย ชื่อสายัณห์ หรือ แหลม หน้าตาคมเข้ม ดูเกเรเอาเรื่อง แหลมย้ายโรงเรียนมาเพราะถูกคัดชื่อออก ในตอนแรกพวกของสิงหา ดูไม่ถูกชะตากับแหลมสักเท่าไหร่ เพราะแหลมไม่ค่อยพูด โดยเฉพาะ ซ้ง ที่ชอบวางก้ามอวดเบ่ง เก่งแต่ปาก ข่มเพื่อน ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกของสิงหา มีเรื่องกับก้อง นักเรียนนักเลงเจ้าถิ่น จนถึงขั้นใช้อาวุธ และขณะที่สิงหากำลังจะถูก ก้องทำร้าย แหลมก็เข้ามาช่วยและต่อสู้ชนะพวกของก้อง ทำให้ แหลมกลายมาเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่ม สิงหาและเพื่อน และอีกคนเป็นผู้หญิงที่สร้างความประทับใจให้แก่เพื่อน ๆ ด้วยการมาโรงเรียนสายตั้งแต่วันแรก เธอคือ มิถุนา สาวน้อยตากลม น่ารัก มาพร้อมกับความเรียบร้อยนุ่มนวล เธอทำให้สิงหา ใจเต้น และ ตะลึงงันจ้องมองไม่วางตา กานดากับแจ๊ด ชวนมิถุนา มานั่งด้วยและคอยใส่ไฟให้ มิถุนา ไม่ชอบพวก สิงหา กับเพื่อร่วมก๊วนอันประกอบด้วย ซ้ง-อ้วนดำจอมซ่าส์ ปากกล้าไม่เลือกที่ ชอบทำตัวเป็นป๋าของเพื่อน ๆ แต่พอมีเรื่องวิ่งหนีก่อนใครทุกที จุดเด่น-รูปหล่อ ขึ้เก็ก พูดเพราะและจริงใจกับหญิงทุกคน สะอาด สำอาง เป็นนายแบบวัยรุ่น และป๋อง-อารมณ์ดี ไม่เคยโกรธใคร ชอบและหลงใหลในเรื่องไสยศาสตร์ ลี้ลับ และต้องเล่าเรื่องผีให้เพื่อนฟังทุกวัน... ทำให้ มิถุนา ไม่กล้าพูดกับสิงหา จนสิงหา เข้าใจผิดคิดว่าเธอหยิ่ง ที่มีพ่อเป็นอธิบดี สิงหาจึงคอยตามแกล้งและล้อเลียน มิถุนาที่ไม่ยอมพูด ว่าเป็นคนใบ้ จน มิถุนา ทนไม่ไหวต่อยหน้าสิงหาไป เหตุการณ์ วันนั้นทำให้สิงหา ตาม มิถุนา ไปที่บ้านเพื่อขอโทษ และได้พบความจริงว่า มิถุนาอยู่กับแม่ที่เป็นใบ้และพิการ ต้องรับผิดชอบตัวเองและเลี้ยงดูแม่ ทำให้เธอ ไม่มีเวลาไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ สิงหา พยายามตามตื้อขอโทษ มิถุนา ด้วยวิธีต่าง ๆ นา ๆ แม้กระทั่งลงทุนไปเรียนภาษามือ เพื่อสื่อสารกับแม่ของมิถุนา จนได้สนิทสนมกับมิถุนา และแม่ของเธอมากขึ้น....


เวลาผ่านไปเมื่อเทอมที่ 2 ของ ม.6 มาถึง สิงหา และเพื่อน ๆ มาขออนุญาต แม่ของมิถุนาให้มิถุนาไปออกค่ายอาสาพัฒนา ที่บนดอย จังหวัดเชียงราย และที่นั่นทำให้ สิงหา มิถุนา และเพื่อน ๆ ได้เข้าใจและรักใคร่กลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคู่กัดอย่าง ซ้งและกานดา หลังจากกลับมาแล้วทุกคนต้องเตรียมตัวสอบไล่ และในวันสอบวันสุดท้าย สิงหา นัดพบกับมิถุนา ที่สวน กรกฏา สวนสาธารณะที่ สิงหา และ มิถุนา ช่วยกันตั้งชื่อให้ เพื่อเอา เฟรนด์ชิฟ ไปแลกกัน แต่วันนั้นหลังจากสอบเสร็จ พวก ซ้ง ป๋อง จุดเด่น ชวน สิงหา ไปฉลองด้วยการทดลองดื่มเบียร์ ทำให้ สิงหา เมาหลับไป ตื่นขึ้นมาเลยเวลานัด สิงหา ไปตามหา มิถุนา ที่บ้านแต่ไม่เจอ จึงกลับมาที่สวนกรกฏา อีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอ จึงไปตาม มิถุนา ที่บ้าน แต่ที่บ้าน มิถุนา ไม่มีใครอยู่เลย บ้านทั้งหลังว่างเปล่า สิงหา เสียใจมากพยายามตามหาข่าวคราวของเธอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา......


คืนนั้นหลังกลับจากงานเลี้ยงรุ่น สิงหา หยิบเอาเฟรนด์ชิพและรูปเก่า ๆออกมาดูยังคงมีเฟรนด์ชิพหน้าหนึ่งที่หายไป ซึ่งเป็นของมิถุนา นั่นเอง สิงหา ตัดสินใจบอกกับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะตามหา มิถุนาอย่างจริงจังซะที และรีบเก็บกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวไปถ่ายทำรายการที่เชียงราย...... ขณะที่กำลังถ่ายรายการอยู่ สิงหา ได้เห็นผู้หญิงพิการคนหนึ่งเดินตัดเข้ามาในกล้องด้วยลักษณะที่ดูคุ้นตา เมื่อ สิงหา เดินเข้าไปหา เธอคือ แม่ของมิถุนา สิงหา ดีใจมากรีบถามหา มิถุนา แม่ของ มิถุนา จึงรีบพาสิงหาไปที่บ้าน สิงหาจะได้เจอกับมิถุนาหรือไม่ เรื่องราวแห่งความทรงจำของทั้งสองจะลงเอยเช่นไร


Synopsis from : http://www.movieseer.com/


Singha receives a call from Jack, a friend from school. Jack sets up a high school reunion where Sigha meets with the rest of his buddies from back in the day, including Song (the owner of a grocery shop), Kanda (Song’s wife, a chubby lady who thinks she’s so fierce), JudDuang (a famous actor), Pong (a DJ who loves to tell horror stories) ,and Jack (a cool, artistic tomboy who works a stylist for a top magazine) When the entire bunch meets again, it brings back a lot of fun memory. The conversation goes on until Signha starts talking about his first and only love, Mituna, a new student who transferred during the last year. Signha’s memory about Mituna is weaved into a story once again.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Sunday, July 13, 2008,7/13/2008 11:16:00 PM
Red Cliff : สามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ

หลังจากไม่ได้ดูหนังมานานนม เพราะไม่มีอะไรเข้าใหม่เลย อาทิตย์นี้ ขอใช้สิทธิ์ดูฟรีอีกครั้งที่ โรงเมเจอร์เสรี ตอนนแรกตั้งใจจะปดูที่ ซีคอน แต่คิดไปคิดมา ทนสภาพโรงที่เก่า และเหม็น แถม คนเยอะ ไม่ไหว เลยเปลี่ยนใจไปดูที่เสรีดีกว่า สบายใจกว่ากันเอยะ แค่ทนกลิ่นปอปคอรนในโรงนิดหน่อย 5555
คนค่อนข้างเยอะนะ นี่ขนาดรอบ 11.20 น,นะเนี่ย มีคนดูเกือบครึ่งโรง เห็นสภาพโรงแล้วอดเปรียบเทียบกับที่ EGV ซีคอน ไม่ได้ สภาพโรงดูดีกว่ากันเยอะ แอร์ก็เย็นกว่า เชื่อมั๊ยว่า เป็นหนังเรื่องแรกเลยที่ดูแล้ว ชอบบรรยากาศในการดูมากที่สุด ก็คนดู ไม่มีเลยซักคนที่จะเอาโทรศัพท์มือถือมาโทร หรือมีเสียง คนดูทุกคนซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 95 เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ตั้งใจดูมากๆๆๆ แทบไม่ได้ยินคนคุยกันเลย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรานอนหลับ เอ๊ย พูดเล่น 5555
หนังเปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่อลังการตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ยิ่งใหญ่มากๆ โดยเฉพาะฉากเรือรบเป็นพันๆลำในแม่น้ำ ซึ่งดูยังไงๆ ก็เป็น CG แต่ก็นะ เค้าก็อุตส่าห์สร้างขึ้นมาให้ดูแล้ว เรามีหน้าที่ดูก็ดูไป ตอนแรกที่เปิดเรื่องเราก็นึกๆไม่ออกหรอกนะว่า จะจับตอนไหนมาเล่น อ้อ ดูไปซักพัก เห็นหน้าพี่ขงเบ้ง ทาเคชิ ก็รู้เลยว่า เอาตอนที่เล่าปี่จะไปร่วมมือกับซุนกวนนั่นเอง แต่ไม่สนุกเท่าอ่านหนังสือ เพราะในหนังสือ ฉากนี้ ขงเบ้งต้องมีการประปากกับพวกขุนนางของซุนกวนด้วย ซึ่ง มันส์ โคตรๆ แต่หนังตัดออก เหลือแค่ให้พูดกระแนะกระแหนนิดหน่อย เลยไม่ค่อยสะใจ
คือเข้าใจนะว่า หนังสามก๊ก เวอร์ชั่นนี้ พยายามเน้น ฉากสงคราม เป็นหลัก แต่หาเฉลียวใจซักนิดไม่ ว่า อันสามก๊กนั้น นอกเหนือจากพิชัยยุทธที่เลื่องชื่อแล้ว วาทะต่างๆของตัวละคร ก็มีเสน่ห์เหลือคนา ยิ่งถ้าใครเป็นแฟน สามก๊ก ตัวจริง คำพูด ต่างๆที่เล่าปี่พูด ขงเบ้ง บังทอง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เด็ดๆทั้งนั้นเลย น่าเสียดายที่ตัดออกซะเยอะ แต่ไอ้ตอนที่แทงกัน ไส้ไหล หัวขาดนี่ ไม่ยักตัด ทั้งๆที่ทรมาณคนดูแทบแย่ แปลก
ก่อนมาดูนี่ เราก็หวังจะได้เห็นการเดินเรื่องที่ฉับไว ตามสไตล์หนังฮ่องกง ก็ฉับไวดีจริงๆนั่นแหละ แต่บางตอน อย่างตอนที่ทหารของจิวยี่ไปขโมยควายชาวบ้านมา แล้วจิวยี่ อยากซื้อใจทหารโดยให้ไปวิ่งเหยียบโคลนนั่น ในหนังสือไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า เพราะอ่านไม่เจอนะ ทีอย่างนี้ละ โอโหย ยืดเรื่องซะ 20 นาทีเห็นจะได้ แล้วฉาก ขงเบ้งช่วยม้าออกลูกเหมือนกัน ฉากนี้ ไม่เข้าใจว่าจะมีเพื่อเชื่อมโยงเรื่องตอนไหน ไม่เห็นจำเป็นเลย
อ้อ ลืมบอกไปว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่า ดูจบ 2 ชั่วโมงครึ่งน้แล้วจะรู้เรื่องนะ เพราะว่า หนังเรื่องนี้ มีหลายภาคครับ ดูแล้วเหมือนดูเรื่อง นเรศวร ยังไงก็ไม่รู้ ค้างค้างคาคาใจ ไม่แล้วซะที ต้องรอดูภาคต่อไป ไม่รู้เป็นสาเหตุที่ทำให้เรายังไม่เข้าใจก็อาจเป้นได้ เพราะปกตินี่ หนังของ จนวู แต่ละฉากนี่ มันต้องสื่ออะไรบางอย่าง คงไม่ทำให้เปลืองฟิล์มเล่นหรอกน่ะ
ดาราที่เล่นก็เล่นดีทุกตัวเลย ยกเว้น เจ้าเหว่ย สงสัยชาตินี้เธอจะเล่นได้บทเดียว คือ องค์หญิงคิขุ เล่นเรื่องนี้ ก็เดาได้เลยว่า ได้บทนี้อีก แล้วก็เดาถูกจริงๆด้วย คิขุจริงๆ ส่วนเสียวเกี้ยวเห็นหน้าก็เสียวไปถึงไหนไหน เพราะสวยจริงๆ สมเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในท้องเรื่อง แปลกใจที่เรื่องนี้ไม่ยักมี หลีหมิง กับ พี่หลิวเต๋อหัว ไม่รู้หายไปไหน อยากให้เล่นด้วยมากๆ จะได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างไปเลย มีแต่ดาราดังๆไง
แต่ไม่ใช่ว่า ตัวละครที่เห็นไม่ดีนะ ไหนจะมีทั้ง ทาเคชิ เฮียเหลียงเฉาเหว่ย อีก โอ๊ย เยอะแยะ เอาเป้นว่า เห็นดาราก้คุ้มแล้ว แต่แปลกใจอีกข้อ ทำไม ดาราแต่ละตัว ยกเล้น ขงเบ้ง กับ ชุนกวนถึงได้หน้าตามอมแมม กันทั้งเรื่อง ไม่ว่าอยู่ในที่ร่มหรือที่แจ้ง อย่างง่ายๆ ขงเบ้งนี่ หน้ามีฝ้าขึ้นเลยนะ ไม่ใช่ขี้ๆนะ ฝ้าเต็มหน้า หมองหมดหล่อไปตั้งเยอะ แล้ว เฮียเหลียงอีก รู้สึกหน้าจะโทรมมากๆ ไม่รู้ไปทำอะไรมา อย่าบอกนะ ว่าหนังพยายามสร้างให้สมจริงโดยการทำให้รู้ว่า ตัวละครออกแดดหน้าเลยดำ ไม่จำเป็นเลย เพราะ โจโฉก็ออกศึก แต่หน้าไม่ยักดำ เท่า ขงเบ้ง ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเสนาบดีฝ่ายบุ๋นด้วยซ้ำไป นี่ถ้าไม่ใช่ ทาเคชิแสดงสงสัย ดูไม่ได้แหงๆ ยังกับเงาะป่าเรื่องสังข์ทองก็ไม่ปาน
สรุป เราเฉยๆนะ กับเรื่องนี้ โอเค แหละ ความยิ่งใหญ่ มันเป็นจุดสำคัญของเรื่องนี้ก็จริง แต่อย่ามองข้ามเรื่องเนื้อหาของบทด้วย ในมุมมองของเรา ฉากขงเบ้งด่านั่น คือ ไฮไลท์เลยจริงๆ ไม่น่าตัดเลย แล้วฉากที่ฆ่ากันให้มันน้อยๆหน่อย ไปเน้นที่คิวบู๊แบบมีศิลปะการต่อสู้จะดูดีกว่านะ โดยรวมๆเราให้ 7 / 10 นะ แต่ยังไงก็ตามขอดูภาคสองก่อน แล้วค่อยสรุปอีกที
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.sfcinemacity.com/
ภาพยนตร์มหากาพย์ สงครามฟอร์มยักษ์จากจีน ที่สร้างจากสุดยอดวรรณเรื่อง สามก๊ก ตอน ศึกผาแดง หรืออีกชื่อว่า โจโฉแตกทัพเรือ อันเลื่องชื่อ ฤดูร้อนปี 208 ก่อนคริสต์ศักราช ไพร่พลกว่า 1 แสนชีวิตของ เล่าปี่ ต้องอพยพหนีกองทัพนับล้านของขุนผล โจโฉ ด้วยความช่วยเหลือของ จู่ลง และ เตียวหุย ทั้งหมดได้เดินทางข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อลี้ยภัยไปยังอาณาจักรแดนใต้ของ ซุนกวน เมื่อโจโฉ เตรียมจัดพลบุกดินแดนตอนใต้ เพื่อกำจัดทั้งสองก๊ก สองอัจฉริยะอย่าง ขงเบ้ง และ จิวยี่ จึงต้องร่วมกันวางแผนรบครั้งใหญ่ โดยหวังจะทำลายเรือหมื่นลำของโจโฉ ด้วยไฟ แต่ก่อนอื่นต้องหลอกให้โจโฉ ผูกเรือทั้งหมดไว้ด้วยกันก่อน จากนั้นจึงทำเปลี่ยนทิศทางลมเหนืออันเย็นยะเยือก ขณะที่ทั้งสองพยายามไกล่เกลี่ยให้เล่าปี่ และซุนกวนซึ่งเป็นคู่แข่งกัน จับมือกันชั่วคราว พวกเขาก็ ต้องเร่ง ลงมือตามแผนก่อนที่โจโฉ จะพร้อม
Synopsis from: http://filmasia.blogspot.com/2008/
In 208 A.D., in the final days of the Han Dynasty, shrewd Prime Minister Cao Cao (Zhang Feng Yi) convinced the fickle Emperor Han the only way to unite all of China was to declare war on the kingdoms of Xu in the west and East Wu in the south. Thus began a military campaign of unprecedented scale, led by the Prime Minister, himself. Left with no other hope for survival, the kingdoms of Xu and East Wu formed an unlikely alliance. Numerous battles of strength and wit ensued, both on land and on water, eventually culminating in the battle of Red Cliff. During the battle, two thousand ships were burned, and the course of Chinese history was changed forever.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, July 9, 2008,7/09/2008 02:23:00 AM
Hancock : แฮนค็อค ฮีโร่ขวางนรก
อาทิตย์นี้มีหนังเข้าแค่ สองเรื่องเอง ตอนแรกตั้งใจจะใช้ตั๋วฟรี ซึ่งหมายความว่า อาทิตย์นี้จะไม่ได้ดูหนังเลย เพราะว่ากฎของตั๋วฟรีคือจะต้องดูหนังที่เข้าไปแล้วหน่งสัปดาห์
ตัดอกตัดใจ ใช้บัตรกำนัลก็ได้ ( เฮ้ย แล้วมันแตกต่างจากตั๋วฟรียังไง 555 ) ไปดูที่เมเจอร์เสรีเพราะวันนั้น มีธุระที่นั่นพอดีพอดิบ ไปจองตั๋วรอบ 13.30 ตั้งแต่ เที่ยง แต่เชื่อมั๊ยว่า ที่นั่งเหลือไม่กี่ที่เอง เฮ้ย อะไรมันจะฮอทขนาดนั้นวะเนี่ย นึกในใจ เอาวะ มีที่นั่งเหลือแถวบนสุดอยู่ที่นึง ใกล้ๆทางเดินขวาสุด อ๊ะเอาก็ได้ ดูก็ดู
เราไม่ได้มาโรงตรงเวลาเท่าไหร่หรอก ค่าที่ว่าเราเลือกที่นั่งริมทางเดิน เราขี้เกียจดูหนังตัวอย่างอ่ะ แต่ที่รู้รู้ ตอนนี้มีหนังน่าดูอยู่ 4 เรื่องคือ Friendship , Mummy 3 , Journey to the center of the earth , Three Kingdoms เราบอกตัวเองไว้แล้วว่าจะต้องดูให้ได้เลย 5555 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mummy3 น่าดูสุดๆ ก็เรานี่แหละ เป็นแฟนหนังแนวหาสมบัติเลย ไม่งั้นเราจะชอบ อินเดียน่าโจนส์เรอะ
เข้าโรงเสร็จ ก็เจอสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์อันดับหนึ่งเลย คือ กลิ่นข้าวโพดคั่ว คั่วได้เหม็นไปทั้งโรงดีมาก นึกไม่ออกว่า คนออกแบบโรงหนังเครือนี้ ใช้อะไรคิด ให้กลิ่นมันเข้าโรงได้มากขนาดนี้ น่าจะไปศึกษาวิธีการออกแบบของโรงเครือเอสเอฟดูมั่งนะ เจ้านั้น เค้ามีจุดขายข้าวโพดมากจุด แต่ไม่ยักมีกลิ่นเข้ามาในโรงเลย
เอาอีกละ อีกเรื่องนึง ก็คือ สงสัยวันนี้จะเป็นวันโลกาวินาศ นั่งได้ไม่ทันไร พอดีหนังฉาย ผู้หญิงกับผู้ชาย ทางด้านขวามือของเราก็เริ่มคุยกันด้วยเสียงอันดัง เรียกได้ว่าเหมือนมาดูกันสองคนที่บ้านเลย ผู้หญิงก็อ่านซับไทยไป ให้ผู้ชายฟัง ไม่รู้ว่า ตัวผู้ชายอ่านหนังสือไม่ออก หรือว่า ตามองไม่เห็นก็ไม่ทราบได้ อ่านได้อ่านดี ไม่รู้ว่า คนอื่นจะรำคาญหรือเปล่า แต่ข้าพเจ้าขอบอกตามตรงว่า รำคาญมากๆ
ทาด้านซ้ายมือของเรา เป็นสองแม่ลูก อายุน่าจะซัก 8 ขวบ เป็นเด็ผู้หญิงวัยกำลังช่างพูดเลย สองแม่ลูกคู่นี้ กลัวหนาวขนาดหนัก หอบเอาผ้าผวยมาดูหนังด้วย ตัวแม่ไม่เท่าไหร่ แต่ตัวลูกนี่สิ ดูท่าจะตื่นเต้นมาก ไม่ว่าฉากไหนๆ เธอจะต้องมีอารมณืร่วมกับหนังแทบทุกฉาก แล้วหนังเรื่องนี้ ก็แนวแอคชั่นซะด้วย เอาเป็นว่า เราดูหนังสนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะมีตัวช่วยถึงสองข้าง ( ข้างซ้าย และ ข้างขวา มาช่วยให้เราฝึกความอดทน มั๊ง )
หนังก็สนุกดี ถ้าไม่มี มารซ้ายขวาที่เล่ามา ครึ่งเรื่องแรก ก็ออกแนวบู๊ตลก แต่พอคึ่งหลังนี่ ออกแนวรัก โรแมนกะติกเฉยเลย ปรากฎว่า วิล สมิท เป็นเทวดาแฮะ เทวดาความจำเสื่อมสุดท้ายก็เจอแฟนเก่า แต่มีข้อแม้ว่า อย่ใกล้กันไม่ได้ จะทำให้พลังหด แล้วก็จะต้องตายในที่สุด หนังหยอดตอนจบเอาไว้ เหมือนกับจะบอกคนดูว่า อย่าลืมมาดูภาคสองนะจ๊ะ ( ตามระเบียบ )
สรุป เรื่องนี้ เราให้ 8.5 นะ เพราะเราไม่ค่อยชอบ วิล ซักเท่าไหร่ ( แต่ที่เห็นรูปวิลล เยอะ นี่ก็ไม่ได้แปลว่าเราพิศวาส หรอกนะ แต่หารูปเรื่องนี้ ไม่ค่อยได้ 555 ) แต่นางเอก น่าตาน่ารักมากนะ ไม่เคยเห็นเล่นเรื่องไหน หรือเห็นแล้วจำไม่ได้ก็ไม่รู้ มีฉากนึงนางเอกใส่เสื้อรัดรูป ตู๊ม มากๆเลย 555 เนื้อเรื่องสนุกดี ทำ CG ก็ดี สมจริงดี ยิ่ง๖อนฉากที่โยน ปลาวาฬ ลงไปในทะเล นี่ เหมือนมากๆ ฉาก เอารถไปเสียบบนตึก เหมือนลูกชิ้นปิ้งนั่นก็ดี จี้ดี แต่หนังหักมุมตรงกลางเรื่องทำให้อารมณ์เราเปลี่ยนปุบปับ แต่ก็พอทนอ่ะนะ
เนื้อเรื่องย่อ จาก : http://www.movieseer.com/
ใครๆ ก็รู้ดีว่าซุปเปอร์ฮีโร่ ต้องมีพลังวิเศษ และมีภาระหน้าที่มากมาย แต่ไม่ใช่...แฮนค็อค” รับบทโดย วิล สมิธ ที่ได้รับฉายานามว่าเป็นฮีโร่มาดเซอร์ผู้ไม่เอาอ่าว แถมยังเป็นนักดื่มตัวยง จึงกลายเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งเมือง เพราะที่ไหนมีแฮนค๊อคที่นั้นจะต้องมีแต่ความเสียหาย แต่สำหรับ เรย์ รับบทโดย เจสัน แบทแมน พีอาร์หนุ่มมือหนึ่งที่แฮนค๊อคได้ช่วยชีวิตเค้าไว้ ได้ยื่นมือเข้าช่วยเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของแฮนค๊อคซะใหม่ให้ดูดีไร้ที่ติ ระหว่างนี้เองที่แฮนค็อคได้เจอกับแม่บ้านสาวสุดเซ็กซี่ แมร์รี่ รับบทโดย ชาร์ลีส เทียรอน ภรรยาสาวสวยของพีอาร์หนุ่ม และเพราะเหตุนี้เองความชุลมุนวุ่นวายจึงได้เริ่มขึ้น
Synopsis from : http://www.movieseer.com/
There are heroes... there are superheroes... and then there's Hancock (Will Smith). With great power comes great responsibility -- everyone knows that -- everyone, that is, but Hancock. Edgy, conflicted, sarcastic, and misunderstood, Hancock's well-intentioned heroics might get the job done and save countless lives, but always seem to leave jaw-dropping damage in their wake. The public has finally had enough -- as grateful as they are to have their local hero, the good citizens of Los Angeles are wondering what they ever did to deserve this guy. Hancock isn't the kind of man who cares what other people think -- until the day that he saves the life of PR executive Ray Embrey (Jason Bateman), and the sardonic superhero begins to realize that he may have a vulnerable side after all.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, July 2, 2008,7/02/2008 02:22:00 AM
My Sassy Girl : ยกหัวใจให้ยัยตัวร้าย

เรามาดูเรื่องนี้ต่อ ที่ SF เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนโรงมาดูโรงเบอร์ 2 เป็นโรงขนาดเล็กอยู่โซนเก่า คนดูก็ไม่มากไมมายเท่าไหร่ ว่ากันตามจริงแล้วเรียกว่าน้อยก็ได้ ซัก 20 คนเห็นจะได้ ทำให้ความคาดหวังจากเรื่องนี้ของเราต้องทำการ Reset ใหม่ เดี๋ยวจะผิดหวังมากเกินไป 5555
เราได้ยินกิตติศัพท์ของหนังเรื่องนี้มามากเลย ก่อนมาดูเรื่องนี้ ว่า เป็นหนังดี มีคนชอบเยอะมาก เราถึงได้อยากมาดูไงแต่ตอนเป็นหนังเกาหลี ไม่ยักอยากดูแฮะ แปลกดี ( อ้อ ก็ตอนนั้น เราแอนตี้ หนังเกาหลี แบบฝังจิตฝังใจเลย ก็มันทำให้แฟนเราติดหนังเกาหลีงอมแงม จนเราต้องลุกขึ้นมาประท้วงอ่ะ 5555 แต่ตอนนี้ เราเริ่มปรับใจให้ชอบขึ้นมานิดนึงละ ตอนนี้เริ่งหัดดูละคร ก็เออ น่าดู ดูสนุกดีเหมือนกันแฮะ รู้งี้ ดูหนังเกาหลีกับแฟนเราตั้งนานแล้ว 555 )
พระเอกเรื่องนี้ (Jesse) ไม่ค่อยเห็นเค้าเล่นหนังเท่าไหร่นะ แกชอบยิ้มเบี้ยวๆ แต่ก็ดูดี ส่วนนางเอก ไม่รู้อายุเท่าไหร่ ดูเด็กโคตร น่าจะไม่ถึง 20 นะ เพราะหน้างี้ใสมากๆๆ ไม่รู้ใช้พอนด์ไปกี่กระปุก 5555
เนื้อเรื่อง มาแนว น้ำเน่าสุดๆ สงสัยฝรั่งไม่เคยเจอตระกูลน้ำเน่าของคนเอเชีย เลยเห่อใหญ่ เอามาสร้างใหม่กันใหญ่เลย 555 มีการอย่างนี้ด้วย นางเอกมีแฟน แฟนตาย ไปดันเจอคนหน้าเหมือนเลยรักสุดใจขาดดิ้น แต่กลัวแฟนจะตกน้ำตายแล้วตัวเองไม่มีโอกาสช่วยชีวิตแฟนอีก เลยผลักแฟนใหม่ตกน้ำเพื่อตัวเองจะได้ช่วยชีวิต ตัวเองจะได้รู้สึกว่าได้ช่วยแฟนเก่าไว้ได้ ดูดู๊ดู ดูเธอทำ คนเขียนบทก็ช่างคิดเนอะ
เราชอบฉากพนันตบหน้า ตลกโคตร นี่ถ้าคนกำกับให้ตบกันต่ออีกสักนิด แล้วตัดภาพอีกทีถ่ายโคลสใกล้ๆว่าคนทั้งสอง หน้าตาบวมส์ เราคงหัวเราะเยี่ยวราดแน่ๆเลย 5555 แค่นึกก็ขำแล้ว
อีกอย่างคือ เชอบต้นไม่ในเรื่องมาก รู้ว่าเป็นของปลอม แต่รูปร่างมันแปลกได้ใจสุดๆ หงิกได้แบบมีศิลปะ ดูแล้วอยากหามาประดับบ้านซักต้น ทรงเก๋ดีว่ะ ชอบ
นั่นมันแค่กลางเรื่อง เนื้อเรื่อง ชวนให้เอน็จอนาจ สงสารพระเอกจับจิตจับใจ ค่าที่ว่านางเอกทำตัวแอ๊บแบ๊วตลอดเวลา ติงต๊องได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ตอนใกล้ๆจบนี่สิ เริ่มซึ้ง มีคำพูดดีๆ ออกมาทำให้คนดู น้ำตาเกือบไหล แต่ก็ไม่ถึงพีค ที่เราจะไหลอ่ะ แสดงว่า ยังไม่สามารถทำให้เราอินได้ซักเท่าไหร่
สรุป ก็ ยังไงดีอ่ะ นางเอก กับ พระเอก น่ารักทั้งคู่ เนื้อหา เหลือเชือไปนิด บ๊องไปหน่อย แต่ก็นะ อย่างว่า เอาไปแค่ 7.8/10 ก็แล้วกัน เราคงไม่ซื้อ DVD นะเรื่องนี้ แต่อยากไปหา Version เกาหลี มาเปรียบเทียบ ว่า ของใครมันจะเจ๋งกว่ากัน แล้วทำไมคนถึงชอบกันนักชอบกันหนา สงสัย เค้าต้องชอบ Version เกาหลี แหงๆเลย เราจะให้โอกาสแก้ตัวอีกทีละกัน วันนี้เอาเท่านี้ก่อน 5555
เรื่องย่อ จาก http://www.openmm.com/
ในภาพยนตร์รักรสชาติปะแล่มๆเรื่องนี้ ชาร์ลี (เจซซี่ แบรดฟอร์ด จาก Flags of Fathers, Swimfan) คือหนุ่มเจี๋ยมเจี้ยมจากตะวันตกกลางของอเมริกาที่วางแผนชีวิตไว้อย่างดี เมื่อออกจากบ้านมาอยู่นิวยอร์ก เขาก็ไล่ตามความฝันของตัวเองในการเข้าทำงานในบริษัทเครื่องตัดหญ้ารายใหญ่ ทิลลี่ คิง ตรงกันข้ามกับ จอร์แดน (อิไลช่า คัธเบิร์ท จาก Captivity, The Girl Next Door) สาวก๋ากั๋น ขี้เมา จอมโวยวาย จากอัปเปอร์อีสไซด์ นิวยอร์ก ที่ปล่อยให้โชคชะตากำหนดอนาคตมากกว่ากำหนดอนาคตตัวเอง จอร์แดนใช้ชีวิตแบบปล่อยให้มันเป็นไป โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่มาจากการตัดสินใจและการกระทำอันหุนหันพลันแล่นของตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และลึกลับที่สุดเท่าที่ชาร์ลีเคยเจอ และเขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรมากกว่าความเป็นเด็กใจร้อนก้าวร้าวที่แสดงออกมาภายนอก มันคือการตกหลุมรักเข้าอย่างจัง และชาร์ลีไม่ได้เตรียมตัวเลยว่าจะมีเรื่องปวดหัวตามมาจากการคบกับผู้หญิงอย่างจอร์แดน โลกแคบๆอันปลอดภัยที่ชาร์ลีสร้างขึ้นมากำลังสั่นสะเทือน ซึ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการก็ได้
ครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกัน ชาร์ลีได้ช่วยชีวิตจอร์แดนที่เมาแอ๋เกือบตกรางรถไฟเอาไว้ จากนั้นชีวิตเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ชาร์ลีงงมากที่จอร์แดนทำท่าเหมือนรู้จักเขาด้วยการเรียกเขาว่า “ที่รัก” ก่อนจะหมดสติไป แต่เขารู้ว่าคงไม่เคยเจอกันมาก่อนแน่นอน เพราะถ้าเคยเจอ เขาคงไม่มีทางลืมคนแบบเธอได้ หลังจากทิ้งให้จอร์แดนนอนบนม้านั่ง จิตสำนึกอันดีงามทำให้ชาร์ลีเปลี่ยนใจกลับมาอุ้มเธอไปที่หอพักจนกว่าจะคิดออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่โชคร้ายที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยรู้เรื่องเข้า ทำให้ชาร์ลีโดนทัณฑ์บนข้อหาลักพาตัว เรียกว่าทำคุณบูชาโทษซะงั้น หลังจากวุ่นวายอยู่พักใหญ่ ชาร์ลีก็กลับมาที่หอพัก โล่งใจที่กำจัดผู้หญิงเพี้ยนๆคนนี้ได้เสียที แต่จอร์แดนสืบหาเขาจนเจอ และออกคำสั่งให้มาพบเธอเพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่ห้องเขาโดยที่ไม่รู้ตัวว่าไปได้ยังไง
หลังจากบอกลาจอร์แดนเป็นครั้งที่สอง ชาร์ลีก็กลับมาใช้ชีวิตปกติของตัวเอง ขณะสัมมนากับตัวแทนบริษัท ทิลลี่ คิง ที่มหาวิทยาลัย จู่ๆจอร์แดนก็เปิดประตูเข้ามายื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งให้ผู้บรรยาย ขอให้ชาร์ลีรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป จอร์แดนบอกชาร์ลีแค่ว่า “วันนี้ออกไปเที่ยวกันเถอะ” โดยไม่รู้สึกว่าต้องอธิบายเหตุผลว่ากลับมาหาเขาทำไม
จากวันนั้น พวกเขาก็เริ่มต้นความสัมพันธ์แปลกๆที่จอร์แดนเป็นคนกำหนดทิศทาง แม้จอร์แดนจะอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แถมยังมีแนวโน้มโรคจิต แต่ชาร์ลีก็หลงรักผู้หญิงวุ่นวายคนนี้แบบเต็มๆ แม้เดททุกครั้งจะลงเอยที่เขาแบกจอร์แดนกลับอพาร์ทเมนท์ก็ตาม ชาร์ลีกับจอร์แดนต่างกันคนละขั้ว ชาร์ลีวางแผนชีวิตเอาไว้อย่างดี และใช้ชีวิตตามแผนอนาคตที่วางไว้ โดยไม่เหลือที่ว่างสำหรับเรื่องไม่คาดฝัน ขณะที่จอร์แดนปล่อยชีวิตไปตามลม และถ่ายทอดมุมมองต่อโลกผ่านบทหนังประหลาดๆที่เธอเขียน และแบ่งให้ชาร์ลีดูคนเดียว
สามัญสำนึกของชาร์ลีบอกให้อยู่ห่างๆจอร์แดนไว้ เพราะมีเป็นร้อยเหตุผลที่ควรทำอย่างนั้น จอร์แดนทั้งขี้เมา หัวดื้อ น่ารำคาญ แถมยังกดขี่ ข่มเหง ทำร้ายร่างกายเขาเป็นงานอดิเรก แต่เขาก็ถอนตัวไม่ขึ้น แม้เพื่อนรักอย่าง ลีโอ (ออสติน เบสิส จาก Dorian Blues และ American Zombie) จะยุให้เลิกสุดตัว เรื่องของเรื่องคือชาร์ลีไม่เคยถูกดึงออกจากพื้นที่ส่วนตัว และไม่เคยมองโลกแบบที่จอร์แดนมอง เขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งวันนี้ว่า เขาต้องการใครสักคนมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง และเพิ่งรู้ว่ามันทำให้เขามีชีวิตชีวาเพียงใด
จากที่เห็นพฤติกรรมไม่เข้ารูปเข้ารอยและแอนตี้สังคมของจอร์แดน ชาร์ลีก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องได้รับการบำบัดด่วน เขามั่นใจว่าถ้าได้ใกล้ชิดเธอนานอีกหน่อย ตัวตนที่แท้จริงภายใต้บุคลิกก้าวร้าวของเธอต้องปรากฏออกมา แต่ที่เขาไม่รู้คือ แท้จริงแล้ว จอร์แดนกำลังรับมือกับอาการหัวใจสลายอย่างสุดความสามารถ จากการเสียชีวิตแบบกะทันหันของคนรักเก่า ที่ชาร์ลีมีบางอย่างเชื่อมโยงเหมือนชะตาลิขิต จอร์แดนกลัวที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เธอจึงบังคับให้ชาร์ลีออกผจญภัยกับเธอ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาถูกลิขิตมาเพื่อเธอหรือเปล่า จอร์แดนไม่ได้มั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเองนัก ซึ่งชาร์ลีก็กังวล แต่เธอเชื่อมั่นว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต ชาร์ลีที่เชื่อในเหตุผลไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ตกลงทำในสิ่งที่จอร์แดนต้องการ
แม้จอร์แดนกับชาร์ลีจะไม่อาจจัดการความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพวกเขาได้เอง แต่โชคชะตาเตรียมแผนสำหรับพวกเขาไว้แล้ว ผ่านไป 1 ปี เหตุการณ์ต่างๆก็คลี่คลาย และโชคชะตาก็ให้คำตอบว่า พวกเขาเป็นคู่กันหรือไม่

Synopsis: from http://videoeta.com/

Straight-laced Charlie Bellow (Jesse Bradford) has a perfectly predictable life. Great grades, great future, no risks. That is, until he meets Jordan Roark (Elisha Cuthbert), a compulsive girl who lives every moment on the edge. As Jordan teaches Charlie to loosen up and let go, Charlie finds himself falling helplessly in love even as his life spins out of control. But Jordan’s carefree attitude masks a painful secret, and when it threatens to tear them apart, Charlie will have to show her that once destiny guides you to the one you want, it’s up to you to hold on.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments