เราไปดูเรื่องนี้เป็นรอบแรกอีกแล้วที่ ไอแม็กซ์ แถมมีการทำการบ้านมาก่อนล่วงหน้าอีกต่างหาก ว่าจะเดินทางยังไง ไปถึงกี่โมง นั่งตรงไหน ตั๋วราคาเท่าไหร่ โอ้โฮ เราเช็คเวปไซท์ตั้งแต่คืนวันพุธ พอเช้าพฤหัส เราก็นั่งเรือไปลงที่ประตูน้ำตอน 10 โมงเช้าพอดีเป๊ะ จากนั้นเราก็เดินเตร็ดเตร่ไปที่ ไอแม็กซ์ ระหว่างทางก็กินขนมไปด้วยถึงที่ไอแม็กซ์ก็ สิบโมงครึ่ง ก็รีบวิ่งจู๊ดไปจองตั๋วทันที เราได้รอบ 11 โมง รอบแรกนั่นแหละ แถมที่นั่งที่ได้ก็เป็นที่แรกของแถว D ตรงกลางซึ่งเป็นที่ที่ดีที่สุดอีกด้วย จะไม่ได้ได้ไง ก็ทั้งโรงมีเรามาซื้อตั๋วเป็นคนแรก ใจก็เริ่มหวั่นๆแล้วว่า สงสัยหนังไม่หนุก กระแสไม่แรงเลยเนี่ย เราก็เลยซึมๆนิดหน่อย เดินลงไปช็อปที่กูเม่ดีกว่า พอถึงเวลาขึ้นมาดู ก็มีคนพอสมควร เราว่าเยอะเลยแหละสำหรับรอบแรกของหนังที่นี่ ประมาณซัก 60 คนเห็นจะได้ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เราก็นึกว่าฝรั่งจะมีมารยาทมากกว่าคนไทยซะอีก ที่ไหนได้พูดมากพอกัน แต่ที่ดีกว่าแหงๆคือ พอหนังฉายปากเค้าหุบทันทีไม่พูดมากอีกต่อไป พอใส่แว่นปุ๊บใจเราก็ไปอยู่ที่จอปั๊บ เพียงแค่หนังแสดงตัวเลขนับถอยหลัง ด้วยความใหญ่ของจอ ซึ่งใหญ่มาก เราเหมือนโดนดูดเข้าไปในจอ เหมือนอยู่ในนั้นจริงๆนะ ไม่เว่อ ไม่เชื่อไปดูได้เลย เหมิอนเข้าไปจริงๆ ใครว่าเรื่องนี้เด็กดูได้ ระวังนะ ฉากที่ผีมา น่ากลัว
มากๆ เราล่ะเสียวเด็กร้องไห้มากๆเลย มีการทำปากฉีก หน้าซีดๆอย่างนั้นผู้ใหญ่ยังสยอง แล้วเด็กจะเป็นไง ไม่ต้องคิดเลย เราเผลอไปนึกถึงเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมีหนังฝรั่งเรื่องนึงเรื่อง Scrooge เนื้อเรื่องเหมือนเรื่องนี้เปี๊ยบเพียงแต่เรื่องที่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่เรื่องนี้ เป็นเหตการณ์ในอดีต นอกนั้นเหมือนกันอย่างกับแกะ บอกได้เลยว่า เนื้อเรื่องดีเยี่ยม มีคติสอนใจให้คนทำดีที่สุดในปัจจุบัน ให้รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มากๆ สอดคล้องกับหลักศาสนาพุทธเปี๊ยบ แต่เนื่องจากเราไม่ชอบ จิม แครี่มากๆๆๆๆเป็นการส่วนตัว เราดูหนังที่เค้าแสดงทีไร เราจะมีอาการอยากจะอ๊วกทุกทีไป ยังไงดีอ่ะ เค้าเป็นดาราที่แสดงเก่งนะ แต่เค้าชอบทำหน้าทำตาแปลกๆอ่ะ ดูกี่เรื่องกี่เรื่องก็ทำหน้าอยู่หน้าเดียว แบบไม่ค่อยถูกชะตามั้ง ทางใครทางมันก็แล้วกัน คนชอบจิมคงเยอะแล้ว แต่เราขอประกาศเลยว่าเราไม่ค่อยเป๊กไสตล์นี้เท่าไหร่ กลับมาเรื่องนี้ดีกว่า เราว่าถ้าหนังไม่เอาคาแรกเตอร์จิมแครี่มาเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ เราคงชอบเรื่องน้มากกว่านี้อีกเป็นกอง ดังนั้น เรื่องนี้เลยถูกอคติของการที่ไม่ชอบ จิมแครี่มาบดบังคะแนนหนังเรื่องนี้ เหลือแค่ 7.5 จริงๆแล้วน่าจะมากกว่านี้นะ
เริงของเขา สครูจ แสดงออกให้ทุกคนรับรู้ว่า เขาไม่ได้อยากจะมีความสุขไปกับเทศกาลวันหยุดนี้เลยแม้แต่น้อย สครูจ ได้กลับบ้านตามลำพังเช่นเคย และที่บ้านของเขานี่เอง เขาได้พบกับวิญญาณของ เจคอบ มาร์ลีย์ (แกรี โอลด์แมน) หุ้นส่วนทางธุรกิจผู้ล่วงลับไปแล้ว มาร์ลีย์ ผู้ต้องทนทุกข์หลังความตายเพราะความเลวร้ายของตัวเอง อยากจะช่วยไม่ให้ สครูจ ต้องพบชะตากรรมเดียวกัน เขาจึงบอกกับ สครูจ ว่า จะมีวิญญาณ 3 ตนมาเยือนเขา และแล้ววิญญาณคริสต์มาสอดีต วิญญาณคริสต์มาสปัจจุบัน และวิญญาณคริสต์มาสอนาคต ก็มาพาเฒ่า สครูจ ออกเดินทางไปพบความจริงที่เขาไม่อยากรับรู้ แต่เขาต้องเปิดหัวใจตัวเอง เพื่อแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
undo years of ill will before it's too late.Labels: 3D, Animation, Family, International Movie, Jim Carrey, Walts Disney
ไปดูมาตั้งแต่รอบแรก แต่ลืมบันทึก เรามาดูเรื่องนี้ที่ เมเจอร์บางกะปิ ตอนที่มาตีตั๋วในโรง ดิจิตอล มีคนดูแค่ สามคน ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเป็นรอบเช้ารอบแรก แต่เราเคยดูหนังรอบแรกเรื่องอื่นที่มีคนดูเยอะกว่านี้ เราไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่หนัวที่เราอยากดูซักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่หนังมีการโปรโมทมากถึงมากที่สุด ก็เลยอยากดูซักหน่อยว่า จะสนุกแค่ไหน จำได้แต่ว่า ภาคแรกก็งั้นๆ เริ่มเปิดฉากมาก็ต้องยอมรับอ่ะนะว่า ภาพสวย นางเอกก็สวยกว่าภาคแรก ( คนเดิมนั่นแหละ แต่ดูสวยขึ้น ) พระเอกคนที่สาวกรี๊ดนั่น เราดูยังไง๊ยังไง ก็ไม่หล่อเลย ( ต่อให้หน้าไม่ซีดเหมือนผีในหนังก็เหอะ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะ ผอมก็ผอม เฮ้อ ) ส่วนอีกคนที่เป็นหมาป่านี่ ก็แสดงไม่เก่งเลย เออ แต่คนนี้ ตอนตัดผมแล้วค่อยดูเป็นผู้แป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่รูปร่างโอเคเลยนะ มีกล้ามมีเนื้อผิดกับพระเอกคนแรก ดูไม่จืดเลย เรื่องนี้ถ้ามาดูเทคนิก ก็ถือว่าโอเคเลย เพราะว่าทำได้ค่อนข้างโอเค ฉากที่แปลงร่างเป็นหมาป่าแหมทำได้ดีจัง ดูแล้วอดตะลึงไม่ได้ เสียดายว่ามีฉากแปลงกายเป็นหมาป่าแค่ไม่กี่ตอน แถมยังแป๊บเดียวอีกต่างหาก เราเชื่อว่า คนทที่มาดูเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เป็นสาวๆคงอยากมาดูพระเอก ก็คงสมใจเพราะหนังเน้นที่ตัวพระเอกสองคนนี่มาก แต่สำหรับเราพอตัดสาเหตุนี้ออก เราก็เลยเหลือแค่เหตุผลที่มาดู เพราะอยากดูกระแส พระเอกเลยไม่อยู่ในสมองเลย
พอเป็นอย่างนั้น สมาธิเราก็เลยปอยู่ที่เนื้อเรื่อง เราต้องยอมรับเลยว่า คนเขียนบทเก่งมาก เยื้อเรื่องก็แปลกดี อย่างเรื่องที่พวกแวมไพร์เวลาอยู่ในแดดแล้วจะเป็นประกายนี่ เราก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากตำราไหน ถ้าอีกหน่อยทุกคนอยากเขียนอะไรเสริมแต่งอะไรก็เขียนกันตามใจชอบอีกไม่นาน แวมไพร์คงกลายเป็นตัวอะไรประหลาดๆ อาจจะดูคล้ายโดเรมอนก็ได้ คือ เราไม่อยากให้ดัดแปลงเอกลักษณ์ของตัวละครมากเกินไป ไม่งั้นอีกหน่อย เละ อย่างไรก็ตามการที่เสริมเติมคุณสมบัตืของแวมไพร์นั่นก็อาจมีส่วนทำให้หนังมีสีสันมากขึ้น คราวหน้าถ้าอยากทำแบบนี้ เราแนะนำว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อหรืออุปโลกน์สายพันธุ์ใหม่ขี้นมาดีกว่า เป็นแลมไพร์ก็ได้ ของเก่าเค้าจะได้ยังอยู่ไง แบบนี้ก็ไม่มีใครเสียหาย จะเสริมยังไงก็ได้ เรื่องนี้ ถ้าจะว่าไปเนื้อเรื่องกับเทคนิก โดดเด่นมากๆ แต่ดาราแสดงได้แข็งดีเหลือเกินน่าเอาไปทำกระดาน แต่แปลกเหลือเกินทั้งๆที่เนื้อเรื่องก็แปลกดี เทคนิกก็ดี ดาราก็หน้าตาดี เพียงแค่ดาราแสดงไม่เก่งกลับมีผลทำให้เราให้คะแนนหนังเรื่องนี้เพียงแค่ 7.3 เท่านั้น เหตุผลที่เรานึกออกก็น่าจะเป็นเพราะว่า หนังโปรโมทมากซะจนเราเกิดความคาดหวังกับมันมากๆๆๆๆ แต่หนังก็ไม่ได้เติมเต็มความอยากดูของเราได้ซักเท่าไหร่ เราคงไม่ซื้อไว้แน่ๆ 100 % เราว่างั้นๆอ่ะ
เกิดปีที่ 18 ให้เธอ แต่อุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างงานทำให้ เบลลา เลือดออก จึงเกิดความตึงเครียดขึ้นในครอบครัว คัลเลน ทันที ครอบครัวแวมไพร์ตัดสินใจออกจากเมืองฟอร์กส์ เพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับ เบลลา อีกต่อไป บททดสอบความรักระหว่าง เบลลา กับ เอ็ดเวิร์ด เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่แตกสลายทำให้ เบลลา ใช้ชีวิตอย่างคนไร้แรงจูงใจอยู่ตามลำพังคนเดียว แต่แล้วเธอก็พบว่าเธอสามารถเห็น เอ็ดเวิร์ด ได้อีกครั้งเมื่อตัวเองตกอยู่ในอันตราย ความต้องการอยู่กับเขาทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความช่วยเหลือของ เจคอบ แบล็ก (เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์) เพื่อนในสมัยเด็กของ เบลลา ที่เข้ามาช่วยซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ หัวใจที่เย็นดั่งน้ำแข็งของเธอก็เริ่มได้รับไออุ่นจากมิตรภาพ ทว่า เจคอบ เองก็มีความลับเป็นของตัวเองเช่นกัน ความลับที่ทำให้มิตรภาพของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน เมื่อ เบลลา เดินท่องเข้าไปในป่าคนเดียว เธอได้เผชิญหน้ากับแวมไพร์หน้าเก่า แต่มีฝูงหมาป่าลึกลับเข้ามาช่วยเธอจากอันตราย ทำให้ในที่สุด เบลลา ได้เรียนรู้ถึงความลับของ เจคอบ รวมถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ เอ็ดเวิร์ด ที่จากเธอไป เบลลา ต้องฝ่าฟันต่อไป เพื่อให้เธอและชายผู้เป็นที่รักได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
who decide to leave the town of Forks, Washington for Bella and Edward's sake.At first Bella exempts herself from all social activities, until she realizes she can coexist with childhood friend, Jacob Black (Taylor Lautner). As usual for Bella, things aren't what they seem. Something is happening to Jacob that he can't explain to Bella, and their friendship starts to deteriorate. But when someone from Bella's past comes back to haunt her, everything will change again.Labels: International Movie, Romance
เมื่อวาน ดูเดอะบ๊อกซ์เสร็จ ก็มาเดินดูโปสเตอร์หนังรอบๆโรง ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเราเอาซองปลาหมีกเต่าทอง 5 ซองมาแลกตั๋วดู 2012 ได้ฟรี เราเลยดีใจไม่ต้องไปดูหนังวันพุธหน้าแล้ว เพราะเต่าทอง5 ซองถูกกว่าราคาตั๋วอีก แถมได้กินปลาหมึกฟรีอีกต่างหาก แหม โปรนี้ โดนใจจริงๆ เราเป็นคนแรกในแถวเลย เพราะรีบมากลัวโควตาหมด 5555 พนักงานยังงงเลยว่ามีโปรนี้ด้วยเหรอ เราก็เลยชี้ไปที่ป้าย น้องเค้าวิ่งเข้าไปถามหัวหน้าในห้องแป๊บนึงก็ออกมาพิมพ์ตั๋วให้ เฮ ในที่สุด เราก็ได้เข้ามานั่งในโรง สำหรับหนังที่เราอยากดูมานาน นาน นาน รู้มั๊ยว่าเรารอมามากกว่า 10 ปี ว่าใครซักคนน่าจะเอาเรื่องเกี่ยวกับคำพยากรณ์ของชาวมายันมาสร้างหนังซะที แล้ววันนั้นก็มาถึงแล้ว เฮ แต่ว่า หนังเรื่องนี้ กลับมีพูดถึงชาวมายัน ติ๊ดเดียว ก็เลยไม่ตอบโจทย์ในใจเราเท่าไหร่ ทั้งเรื่องเน้นการโชว์ เอฟเฟคท์ มากๆ แทบทุกนาทีก็ว่าได้ ก็ดีอ่ะนะ แต่หลังจากดูไปได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราก็เริ่มปรับตัวได้กับเอฟเฟคท์ในจอแล้ว เพราะเริ่มเอียน แต่ยอมรับว่าทำได้ดีมากๆ สมจริงจนน่ากลัว กลัวว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในหนังขึ้นจริงๆเราจะทำใจได้หรือเปล่าเนี่ย เนื้อเรื่องเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดในหนังเรื่องนี้ ไม่มีความแปลกใหม่เลย ดูแล้ว
เหมือนดูหนังเรื่องอะไรนะ ที่ทอมครูซเล่น ที่มีมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอ่ะ เนื้อเรื่องเดียวกันเปี๊ยบ เพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดงเท่านั้นเอง อีกอย่างที่เราต้องทำใจคือ สีหน้าของตัวแสดงแทบทุกตัว เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย เพราะว่า การถ่ายทำเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เป็นการถ่ายกับฉากบลูสกรีนก่อนแล้วค่อยเอาไปซ้อนกับ ซีจี อีกที เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า นักแสดงไม่รู้ว่ากำลังแสดงกับอะไรอยู่ ต้องใช้จินตนาการล้วนๆ นั่นคือทำไม หน้าตาของนักแสดงจึงดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับสิ่งที่เจอ ( ก็มันไม่เจออะไรอ่ะ จินตนาการทั้งเพ ) แล้วสีหน้ามันจะสอดคล้องได้ไง เชื่อมั๊ย มีบางตอนเราห็นเด็กยิ้มและหัวเราะตอนวิ่งหนี แผ่นดินไหวด้วย เออ เอากะมันสิ สรุปแล้ว เราว่า ทั้งเรื่องเรามาดูแค่ ซีจี เท่านั้นเอง ที่เหลือ ไม่มีสาระที่โดนใจเราเมท่าไหร่เลย ดูเอามันคงได้ แต่ไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ยอมรับนะว่า ลงทุนสูง สูงอ่ะสูงแน่ เพราะเล่นแต่ เอฟเฟ็คท์ซะขนาดนั้น รวมๆแล้วเราไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ เราให้ 7.1
ลับที่ล่วงรู้ถึงจุดจบของโลกก็เร่งสร้างยานอวกาศขนาดใหญ่เอาไว้ข้างใต้เทือกเขาหิมาลัย เมื่อมนุษย์รู้ว่าวันสิ้นโลกกำลังจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ พวกเขาต้องเร่งอพยพผู้คนไปยังยานอวกาศ ขณะเดียวกัน แจ็กสัน เคอร์ติส (จอห์น คูแซก) พ่อม่ายลูกติดผู้ทำงานนอกเวลาเป็นคนขับรถลีมูซีน พยายามใช้ความรู้เกี่ยวกับคำทำนายโบราณที่เขามี ในการช่วยชีวิตอดีตภรรยา เคต (อแมนดา พีต) และลูกๆ ของพวกเขา รวมทั้งพยายามรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ให้เหลือรอดต่อไป
Amidst all of this, Jackson Curtis (John Cusack), a divorced father and part-time limousine driver, uses his knowledge of the ancient prophecies to rescue his ex-wife Kate (Amanda Peet) and children, and to ensure that the human race is not completely wiped out.Labels: International Movie, Sci-fi Action
อุตส่าห์ กัดฟันรอเพื่อจะได้ประหยัดเงินค่าตั๋วหนัง มาดูในวันพุธที่เอสเอฟในราคา 40 บาท และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง แต่แทนที่จะดูแบบมีความสุข หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาที่กดดันคนดูมากๆๆๆๆๆๆ เนื่องจากอดไม่ได้จริงๆที่จะต้องคิดตามเนื้อเรื่องที่ผูกจนทำให้คนดูรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ และอดที่จะคิดตามไม่ได้ว่า จะตัดสินใจยังไงดีกับเงินล้านที่อยู่ต่อหน้า ตามเนื้อเรื่องนางเอกต้องการเงิน ซึ่งการตัดสินใจโดยไม่รับผิดชอบต่อความตายของคนอื่น ทำให้เกิดผลร้ายตามมาอย่างที่คนดูเอง ( ที่ไม่ได้อ่านเรื่องย่อมาก่อน อย่างเรา ) คาดไม่ถึง ดูแล้วก็สงสารนางเอกกับครอบครัว เราว่า คนสร้างคงต้องการถ่ายทอดปรัชญาในชีวิตของคนเราบางอย่างว่า การที่เรามีความโลภ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้เราได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน จะนำมาซึ่งผลเสียต่อเราในที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราชอบวิธีการนำเสนอ ดูแล้วเหมือนเป็นนิทานสำหรับผู้ใหญ่ ที่มีเนื้อหาแรงในแง่ความรู้สึก จะว่าไปเราก็ชอบนะ คนสร้างเก่งจริงๆที่ดูดเราเข้าไปในเนื้อเรื่องได้อย่างแยบยล ขอปรบมือให้ นางเอกแสดงด้วยสีหน้าได้ดีมาก คาเมรอน ดิแอส กะ เจมส์ มาร์สเดน รู้สึกหลังๆฝ่ายชายนี่เล่นหนังเยอะจัง แต่คาเมรอนหลังๆเราไม่ค่อยได้เจอเธอบนจอเลย มาเจอคราวนี้หน้าตาเปลี่ยนไปไม่รู้ไปทำอะไรมาดูหน้าตาแปลกๆ แต่ช่างเธอเหอะ มาคุยต่อเรื่องหนังดีกว่าส่วนที่เราไม่ค่อยชอบก็เนื้อเรื่องบางส่วนอีกนั่นแหละ คือ เราอยากให้คนสร้างช่วยมีส่วนที่อธิบายที่มาที่ไปของเนื้อเรื่องมากกว่านี้อีกหน่อย เช่น อีตาคนเอากล่องมาให้ ทำไมหน้าเละ แล้วมาทำหน้าที่แล้วได้อะไร ใครเป็นคนบงการทำไปแล้วได้
อะไร อะไรประมาณนี้ ให้มันมีน้ำหนักกว่านี้หน่อย ไม่งั้นมันก็จะเป็นแค่นิทานสำหรับผู้ใหญ่เรื่องหนึ่งเท่านั้น ที่มีบทสรุปตอนท้ายว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จุดๆๆ สรุปแล้ว เราว่า เราชอบไอเดียของเนื้อเรื่อง และวิธีการนำเสนอ เพี่ยงแต่ขาดน้ำหนักของความน่าเชื่อถือ ความสมจริงของที่มาที่ไป ดาราโอเคทุกตัวเลย เล่นได้ดีหมด ภาพเสียง โอเค อจจะเป็นหนังอีกเรื่องในลิสท์ดีวีดีของเรา แต่ตอนนี้ขอทำใจก่อนว่า จะรับกับความไม่ชอบบางส่วนในใจเราได้มั๊ย เรื่องนี้เราให้ 7.3
if pushed, would bring you a million dollars... but simultaneously take the life of someone you don't know? Would you do it? And what would be the consequences? The year is 1976. Norma Lewis (Cameron Diaz) is a teacher at a private high school and her husband, Arthur (James Marsden), is an engineer working at NASA. They are, by all accounts, an average couple living a normal life in the suburbs with their young son... until a mysterious man (Frank Langella) with a horribly disfigured face appears on their doorstep and presents Norma with a life-altering proposition: the box. With only 24 hours to make their choice, Norma and Arthur face an impossible moral dilemma. What they don't realize is that no matter what they decide, terrifying consequences will have already been set in motion. They soon discover that the ramifications of this decision are beyond their control and extend far beyond their own fortune and fate.Labels: International Movie, Thriller
เป็นหนังที่น่ารัก และ เนื้อเรื่องแบบไก่แก่แม่ปลาช่อน ที่ดูสนุกมากเลย เราชอบ แคทลีน ซีต้าโจนส์ เรื่องนี้ แก่แล้ว แต่ยังเซ็กซี่มากๆๆๆ อยู่เลย แต่เห็นหน้าก็รู้เลยว่า โทรมไปมาก แต่พยายามเด้งสู้อยู่ เราไม่ได้ดูหนังของเธอมานานนม แต่เธอก็ยังซ๊วยสวยอยู่นั่นเอง พระเอกคนนี้ เราก็ชอบ ดูมาตั้งแต่เรื่อง National Treasure แต่ตัวเตี้ยไปหน่อย เวลายืนคู่กันเลยดูตลกๆ หนังเรื่องนี้ พระเอก เป็นพี่เลี้ยงเด็กพาร?ไทม์ ไปๆมาๆ เลยรักกับแม่เด็กซะเลย ดีหน่อย ที่แม่เด็กกะพ่อเด็กเลิกกันแล้ว ไม่งั้นหนังเรื่องนี้ จะมีเนื้อเรื่องที่หวาดเสียวเกินไป เด็กก็ไม่ควรดู ยังไงก็ตามเราว่าเนื้อเรื่องก็ยังแรงอยู่ดี แต่ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ ไป เราจะพบว่า หนังเรื่องนี้ โรแมนติก โคตรๆ เพราะว่า มันจะมีตอนที่ พระเอกนางเอก ห่างกันไปตั้งหลายปี แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่มีใคร สุดท้ายก็มาลงเอยกันอีกครั้ง เป็นตอนจบที่เราชอบมั่กๆ
ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นิวยอร์ก ที่นั่นเธอได้พบกับ อารัม ฟินเคิลสไตน์ (จัสติน บาร์ธา) หนุ่มน้อยวัย 25 ปีที่เพิ่งถูกภรรยาชาวฝรั่งเศสทิ้งไป เพราะเธอต้องการเพียงแค่สิทธิความเป็นคนอเมริกันจากเขาเท่านั้น อารัม ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความโรแมนติกในหัวใจและการมองโลกในแง่ดี จึงกลายเป็นคนที่ดิ้นรนเพื่อรักษาความเชื่อเรื่องรักแท้บนโลกใบนี้อารัม ทำงานในศูนย์พิทักษ์สตรีและร้านกาแฟใต้คอนโดมิเนียมที่ แซนดี มาเช่าอาศัยอยู่ ทั้งสองได้ทำความรู้จักจนกลายเป็นเพื่อนกัน และเมื่อ แซนดี ได้รับงานในสถานีโทรทัศน์ เธอก็ขอให้ อารัม ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกของเธอ ด้วยความที่เขาไม่มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนในชีวิต อีกทั้งยังเพิ่งใจสลายกับรักครั้งแรกของตัวเอง ทำให้เขาตอบตกลงทันที การงานของ แซนดี ก้าวหน้าขึ้นจนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เพื่อนๆ จึงแนะนำให้เธอเริ่มมองหาหนุ่มคู่ใจอีกครั้ง แต่หลังจากการออกเที่ยวกับหนุ่มครั้งแรกลงเอยด้วยความหายนะ แซนดี ก็เชื่อว่ามันอาจยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ในขณะเดียวกัน อารัม เริ่มกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในครอบครัวของเธอ และลูกทั้งสองของเธอก็ดูเหมือนจะชอบเขามาก องค์ประกอบทุกอย่างสนับสนุนให้พวกเขาสร้างครอบครัวใหม่ ถึงแม้จะมีเหตุผลหลายประการที่บอกว่า แซนดี และ อารัม ไม่ควรอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนๆ และครอบครัวที่เคลือบแคลงในความรักของทั้งคู่ อีกทั้งยังต้องค้นหาหัวใจของตัวเองว่า รักครั้งนี้เป็นเพียงความสนุกชั่วครู่ หรือเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไปLabels: International Movie, Romantic Comedy
คืน จนทำให้ชาวบ้านหวาดผวาไปตามๆ กัน ทั้งๆ ที่ผีสาวที่หลายคนพูดถึงนั้นไม่เคยหลอกใครเลย นอกจากมาปรากฏตัวเพื่อเฝ้ารอแฟนหนุ่มอยู่ตามศาลาริมน้ำหรือท่ารถด้วยท่าทางที่น่าสงสาร เพื่อความสบายใจของคนทั้งหมู่บ้าน เจ้าอาวาส (พวง เชิญยิ้ม) ได้ทำพิธีปัดรังควาญไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไปจากหมู่บ้าน จึงทำให้รู้ว่าผีสาวที่หลายคนเห็นนั้นคือ ฟ้า (ตรีชฎา มาลยาภรณ์) ลูกของ เศรษฐีเกลี้ยง (โย่ง เชิญยิ้ม) กับ นางหอม (วนิดา แสงสุข) ที่ฆ่าตัวตายเพราะความรักหลังจากที่ วุฒิ (เสกสรร สุทธิจันทร์) แฟนหนุ่มได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปสอบเป็นนักเรียนตำรวจ พอปิดเทอม วุฒิกลับมาเยี่ยมฟ้าด้วยความคิดถึง โดยไม่รู้ว่าเธอตายไปแล้ว ฟ้าจึงสารภาพออกมาเองว่าเธอฆ่าตัวตายเพราะเข้าใจผิดว่าวุฒิคงไม่รักเธอแล้ว แล้วเธอยังขอให้คนรักตายตามเธอไป เพื่อให้ความรักของเขาและเธอเป็นรักอมตะที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่วุฒิไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเขายังมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ฟ้ารู้สึกโกรธและจะเอาวุฒิไปอยู่ด้วยให้ได้โดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ถึงแม้วุฒิจะรักฟ้ามากเพียงใด แต่เขาก็ต้องวิ่งหนีไปพึ่งบารมีหลวงพ่อให้ช่วยคุ้มครอง รุ่งขึ้นวุฒิไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจาก ผู้ใหญ่บ้าน (สมชาย ศักดิกุล) ผู้ใหญ่พร้อมทั้งภรรยาที่ชื่อ อ้อย (ราตรี วิทวัส) และลูกบ้านคนสนิทอย่าง หอ (ค่อม ชวนชื่น) หืด (บอล เชิญยิ้ม) และ หอบ (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) รู้สึกสงสาร จึงให้ ผดุง (แจ๊ส ชวนชื่น)
ไปช่วยหาหมอผีจากนานาประเทศมาช่วยกันปราบผีฟ้า แต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งยิ่งทำให้ฟ้าโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น และสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนถูกฟ้าเล่นงานจนแทบเอาชีวิตไม่รอด วุฒิเห็นว่าชาวบ้านต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของเขา เขาจึงตัดสินใจจะแลกชีวิตของตัวเองกับความสงบสุขของชาวบ้าน วุฒิจึงเข้าไปหาฟ้าเพื่อมอบชีวิตของเขาให้และพิสูจน์ความจริงว่าเขายังรักฟ้าเสมอ ฟ้าจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการให้ไฟลุกล้อมรอบตัวเธอกับวุฒิเพื่อให้มอดไหม้ไปพร้อมกัน ในขณะที่ฟ้าและวุฒิกอดกันอย่างมีความสุขอยู่ในวงล้อมของเปลวเพลิง ไฟกลับค่อยๆ ดับลงท่ามกลางความดีใจของชาวบ้าน ฟ้าตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฟ้ามองไปที่ชาวบ้านคิดว่าใครอยากจะลองดีกับเธออีก แต่ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น... ใครเป็นผู้จุดชนวนความแค้นให้เกิดขึ้นกับฟ้าอีกครั้ง ฟ้าจะทำอย่างไรกับผู้ที่อยากจะลองดีกับเธอ วุฒิจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ แล้วชาวบ้านจะต้องโกยกันอีกแค่ไหนกันแน่นะLabels: Comedy, Ghost, Thai Movie
ให้คะแนนพิเศษกับดาราเด็กในเรื่องที่น่ารักเหลือเกิน รวมๆแล้วเราให้ 7.2Labels: Asian Movie, Comedy, Family