Wednesday, June 17, 2009,6/17/2009 04:17:00 PM
Up : ปู่ซ่าบ้าพลัง
มาแล้วหนังการ์ตูนน้ำดีประจำปี พศ นี้ น่าจะเป็นเรื่องนี้ ตัวการ์ตูนน่ารักโคตรๆ ทุกตัว ทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ทั้งนกสารพัดสี และหมาที่พูดได้หน้าตาน่ารักสุดขีด ทุกตัว พูดแล้วก็อยากไปดูอีก สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
หนังให้ข้อคิด มีหลายฉากที่เราดูแล้วน้ำตาไหลแบบเต็มใจให้มันไหลออกมาเลย โดยเฉพาะตอนที่ คุณปู่แกนึกถึงคุนย่าที่จากไป ดูแล้วซึ้งมากๆๆ เรื่องภาพไม่ต้องพูดถึง สวยงามเกินบรรยาย นี่ขนาดเราไม่ได้ดูแบบสามมิติ หรือ ดิจิตอลนะเนี่ย สีสันสวยสุดๆ โดยเฉพาะฉากที่มีนก นกตัวนี้ สีสวยกว่านกแก้วในป่าอเมซอนอีก เรานับดูแล้วน่าจะมากกว่า 16 ล้านเฉดสี สีจัดจ้านจริงๆ หมาก็หน้าตาน่ารักโคตร ดูติงต๊องแบบกวนๆผสมกับน่าเอ็นดูบอกไม่ถูก เนื้อเรื่องแนวครอบครัวตามแนวถนัดของหนังค่ายนี้ ทำให้เป็นการ์ตูนที่โดนใจเราอย่างมากเลย
ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ไม่อยากเอาไปเปรียบกับก้านกล้วย เพราะคนละแนว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยจริงๆ ดูแล้วอยากซื้อเก็บไว้ เหมือนเรื่อง แร็ทตาตูอี้ เผลอๆเรื่องนี้จะสนุกกว่าด้วยซ้ำ
ไม่รู้จะพูดยังไงให้สมกับความสนุกที่ไดรับ มีครบทุกรสเลย ทั้งตื่นเต้น ขำ ซึ้ง แหม มาแนวหนังไทยเลย 5555 สรุปแล้วเราให้ 9.4 อ่ะ เพราะหนุกจริงๆ
เรื่องย่อ : คาร์ล เฟรดริกเซน (เอ็ดเวิร์ด แอสเนอร์) คุณปู่พ่อค้าขายลูกโป่งวัย 78 ปี ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตว่าอยากจะไปท่องดินแดนอเมริกาใต้สักครั้ง และแล้ววันหนึ่ง คุณปู่ขี้โมโหคนนี้ก็ทำให้เพื่อนบ้านแตกตื่นกันเป็นแถว ด้วยการผูกลูกโป่งนับพันใบไว้กับบ้านของเขา แล้วใช้บ้านของเขาต่างยานพาหนะบินขึ้นสู่ฟากฟ้า เรื่องยุ่งเหยิงกว่าที่คิด เมื่อ คาร์ล ไม่ใช่ผู้โดยสารเพียงลำพังในการเดินทางครั้งนี้ เพราะยังมี รัสเซลล์ (จอร์แดน นางาอิ) นักผจญภัยขี้ตื่นตูมวัยแปดขวบที่เกิดมาพร้อมกับคำถามในทุกๆ เรื่อง หลงมาเกาะระเบียงหน้าบ้านของคุณปู่ คาร์ล ขณะที่บ้านลอยขึ้นฟ้า หลังจากนั้น เมื่อบ้านแตะลงสู่ทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก คุณปู่จอมซ่าและผู้ร่วมทางที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันนัก ก็ได้เหยียบย่างออกไปสำรวจรอบๆ ทำเลใหม่ ไม่เพียงแค่สนามหญ้าหน้าบ้านของเขาจะกว้างขวางขึ้นเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีนักล่าที่ดุร้ายยิ่งกว่าอะไรที่พวกเขาเคยเจอมา
Synopsis : Carl Fredricksen (Edward Asner) is a 78-year-old balloon salesman. His entire life, Carl has longed to wander the wilds of South America. Then, one day, the irascible senior citizen shocked his neighbors by tying thousands of balloons to his home and finally taking flight. But Carl isn't alone on his once-in-a-lifetime journey, because stowed away on his front porch is an excitable eight-year-old Wilderness Explorer named Russell (Jordan Nagai). Later, as the house touches down on the world's second largest continent, Carl and his unlikely traveling companion step outside to discover that not only is their new front lawn considerably larger, but that the predators therein are much more ferocious than anything they ever faced back home.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/17/2009 04:14:00 PM
Dek-Khong : อนุบาลเด็กโข่ง
หนังเรื่องนี้ เห็นโฆษณาครั้งแรกก็กลัวแล้ว กลัวว่าจะเสียเงินไปฟรีๆ แถมเจ็บใจกลับบ้านอีกต่างหาก เพราะดูดาราเด็กที่แสดงแล้ว กลุ้มใจมากๆ เราไม่เคยอ่านหนังสือ หรือ ไปดูเรื่องสั้นที่เคยฉายไปแล้ว ( ตามที่โฆษณาบอก) หรอกนะ เพราะไม่เคยรู้จักชื่อเรื่องนี้มาก่อน แต่เอาเป็นว่า ดาราที่เป็นตัวเด็กโข่งนี่หน้าตาน่ากลัวมากๆ
แต่พอเข้าไปดูกลับไม่ได้เลวร้ายมากกก อย่างที่คิด แถมความน่ากลัวของตัวเอกก้กลับถูกกลบด้วยความสวยน่ารักของนางเอก และ ของดาราเด็กคนอื่นๆ เด็กๆในเรื่องดูไร้เดียงสาเล่นเป็นธรรมชาติมากๆ ดูแล้วอยากมีลูกเร็วๆ แต่ก็อ่ะนะ เนื่องจากมันเด็กมากเกินไป ( รึเปล่า ) วิธีการแสดงก็เลยไม่เหมือนแสดง เหมือนมาเล่นกันเองมากกว่า ก็ไม่รู้ผู้กำกับกำกับได้ไง เด็กโคตรเยอะขนาดนี้ เป็นเราคงแย่ เหมือนจับปูใส่กระด้ง
เนื้อเรื่องก็น่ารัก เหมือนอ่านการ์ตูน ชีวิตจริงๆ คงไม่มีเด็กที่ไหนมาตั้งค่ายเป็นแก๊งค์เยอะๆแบบในหนังเรื่องนี้หรอก คนแต่งคงตั้งใจสอดแทรกปรัชญาชีวิต เพราะในเรื่องมีการตั้งคำถาม ด้วยการถามว่า ชีวิตคืออะไร บ่อยมาก คนดูๆไปเลยนั่งดูเฉยๆไม่ได้ต้องคอยนั่งคิดตามไปตลอดเรื่องเลยว่า เฮ้ย แล้วตกลงชีวิต คืออะไร สิ่งที่สอนเราได้ดีที่สุดจากเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องของ มิตรภาพ ส่วนดาราที่เล่นดีเข้าตาเรา ก็ นางเอกคนสวยของเรื่อง พระเอกก็พอไปได้ แต่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่เล่นเป้นรองหัวหน้าแก็งค์อ่ะ น่าจับตามองที่สุดเลย น่ารัก และเล่นดี อ้อ อีกคนก็ น้องอะไรนะ ที่เล่นเป็นลูกสมุนของเด็กโข่งที่มีแฟนอ่ะ น่ารักดี ส่วนเด็กอ้วนๆในเรื่องนี่ ต้องปรับปรุงนะ เล่นเหมือนเล่นอยู่ที่บ้าน ไม่เหมือนแสดงหนังเลย เฮ้อ เด็กหนอเด็ก
เรื่องนี้ ให้คติสอนใจเยอะเลย ดูแล้วนอกจากเพลินแล้วยังได้ข้อคิดอีกต่างหาก แต่ว่า ดูแล้วไม่สบายตาเพราะเด็กหน้าตาน่ากลัวอย่างที่บอก แต่ก็เป็นตามบทอ่ะนะ เราเข้าใจ แต่ก็อดไม่ได้ แหม ก็มันเห็นอยู่ตลอดเรื่อง เนื้อเรื่องโอเค แสดงพอใช้ รวมๆไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่จะให้ดูอีก อาจต้องขอคิดดูก่อน เราให้ 6.8 ล่ะ
เรื่องย่อ : แก๊งคิงคอง ถือเป็นมหาอำนาจที่เหล่าเด็กอนุบาลต่างเคารพยำเกรง ไม่ว่าแก๊งไหนๆ พยายามจะโค่นล้มก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป นั่นเป็นเพราะ โอม (นพฤทธิ์ สุริวงศ์) หัวหน้าแก๊งผู้น่าเกรงขาม มีร่างกายสูงใหญ่ผิดปกติจากเด็กอนุบาล 3 ทั่วไป จนไม่มีเด็กคนไหนกล้าหือ อีกทั้งยังมีลูกน้องมือขวา จอน (เศรฐวุฒิ มนัสปิติสุข) มือซ้าย อั๋น (ศกานต์ ชาวบ้านเกาะ) และลูกไล่ เปี๊ยก (ปรเมศร์ โทนเนินสูง) ทำให้ไม่มีใครสามารถโค่นแก๊งคิงคองลงจากบัลลังก์ได้ วันหนึ่ง โอม ได้พบกับ ออม (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) นักเรียนสาวมัธยมปลาย แล้ว โอม ก็เกิดอาการตกหลุมรัก ออม เข้าอย่างเต็มเปา ถึงกับต้องหลอกว่าอายุเท่ากัน และลงทุนปลอมตัวเป็นเด็กมัธยมปลาย เพื่อหวังพิชิตใจเธอให้ได้ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ โอม ปกปิดเรื่องนี้กับแก๊งคิงคอง เมื่อหัวหน้าแก๊งหัวใจว้าวุ่น ความมั่นคงของแก๊งจึงเริ่มสั่นคลอน ประกอบกับการปรากฏตัวของ จำเนียร (กัจนฐานิยา ศรีโรจน์วัฒนะ) เด็กหญิงลึกลับที่มาขอเข้าแก๊ง โดยมีแผนการโค่นล้มแก๊งคิงคองอย่างร้ายกาจ เมื่อปัญหาเรื่องแก๊งเริ่มยุ่งเหยิง เรื่องรักเริ่มขมวดปมหนาขึ้น โอม จึงต้องลุกขึ้นมากอบกู้ศักดิ์ศรีของแก๊งและพิชิตใจสาวมัธยมปลายไปพร้อมกัน
Synopsis : "King Kong Gang" is the high respected, powerful and invincible gang that rules the kindergarten kids. Its prosperity is contributed by Om, a big, tough, and overgrown leader boy who has his trusted entourages like Jon, Aun and Piek. One day, Om unexpectedly meets a pretty highschool girl and suddenly falls in love with her. Then, he tries to win her heart with the help of his followers by disguising as a highschool boy. While Om is in love and lacks the ability to rule, the stability of the gang is now wobbled; a new enemy arrives, new problems keep happening in the gang, and love affair is more complicated. To save the gang and to win the heart of the girl, Om must fight to conquer all the obstacles. It's time for the kids' epic of love and wit to begin, with a lot of laughs and funs.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/17/2009 04:10:00 PM
Roommate : รูมเมท เพื่อนร่วมห้อง...ต้องแอบรัก
ตอนแรกที่เห็นตัวอย่างหนังโฆษณาก็เกิดความรู้สึกเฉยๆนะ เพราะไม่ค่อยปลื้มพระเอกคนนี้เท่าไหร่ (เล่นแข็งอ่ะ แล้วก็มีข่าวบ่อยๆ ) แต่มีอยู่วันนึงเราดูทีวีอยู่ดีดี มีรายการนึงสัมภาษณ์ดาราที่เล่นเรื่องนี้ แล้วก็มีเพลงให้ฟังด้วย โอ้โฮ แบบว่า ชอบมากๆเลย เลยต้องรีบไปดู
ดูแล้วเหลือเชื่อ นางเอกเรื่องนี้ไม่แต่งหน้า หน้าตาไม่เหมือนตอนแต่งหน้าในเอ็มวี เลย ในเอ็มวีสวยมากๆ แต่ตอนไม่แต่งหน้า ก็น่ารักดี ดูทอมๆ แต่ก็โอเค ( ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงเวลาแต่งหน้ากับไม่แต่งหน้า หน้าตจะแตกต่างได้ขนาดนี้ นับเป็นความมหัศจรรย์ของวงการเครื่องสำอางค์จรืงๆ 55555 เอาเป็นว่าในที่สุด เราก็ได้มาดูหนังเรื่องนี้ เพราะเพลงนี่เอง ดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะนางเอกอีกคนที่เป็นดี้ ที่เป็นลูกครึ่งสวยน่ารักมากๆ หน้าคล้ายแป้งอรจิราแต่สดกว่า และยังไม่มีข่าวมากมาย 5555 ถือได้ว่าสอบผ่านในการแสดงในสายตาเรา ร้องเพลงก็เพราะแบบลูกครึ่ง เสียงมีเสน่ห์น่าฟังดี ไม่รู้จะมีซีดีขายหรือเปล่า จะได้ซื้อมาฟัง ร้องดีจังเลย ส่วนยัยทอมนั่น ก็แสดงได้ดี ไม่ขัดเขิน พูดไปพูดมา ทุกตัวก็แสดงได้ดีหมดนั่นแหละ ยกเว้นพระเอก ( นอกจากเรื่อง ซีซั่นเชนจ์ แล้ว เราว่า พระเอกคนนี้ เล่นเรื่องไหนก็ไม่เข้าตาเราเล๊ย ) เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ จริงๆแล้ว ตอนที่เราดูเรื่องรักสามเศร้า เราก็ ทายเนื้อเรื่องนั้นไว้ว่าน่าจะเป็นแบบนี้ นะ แต่มันก็ไม่ใช่ จนอยู่ดีดีวันนึง เรื่องที่เราเดาพล็อตเอาไว้ ดันมากลายเป็นเรื่องนี้จนได้ เออ แปลกดี ช่างมันเหอะ หนังก็ดูเอาความเพลิดเพลิน ไม่ต้องคิดอะไรมาก เข้ามาฟังเพลง แต่ตอนจบก็แฮปปี้เอนดิ้งดี ดูแล้วก็ยิ้มกลับไป ที่แน่ๆ เรื่องนี้ ในสายาเราประสบความสำเร็จในแง่ ดาราใหม่ และเพลงประกอบ
รวมๆแล้วเราให้ 7.0 สำหรับเพลงประกอบและดาราหญิงสองคนที่แสดง เนื้อเรื่องไม่มีอะไรหวือหวามาก นอกจาก ทอมกับดี้ ที่เนื้อหาแบบนี้ไม่ค่อยปรากฏในภาพยนตร์ไทยเท่าไหร่ ก็เอาน่ะ ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว
เรื่องย่อ : เพื่อนนักศึกษาที่เรียนอยู่เชียงใหม่ 4 คน รวมตัวกันเป็นสมาชิกวงดนตรี เดอะ รูมเมท ประกอบด้วย โน้ต (วิทวัส สิงห์ลำพอง) นักศึกษาปี 1 มือกีตาร์ฝีมือดี ผู้ชอบทำทุกอย่างที่ยากและสูงส่งยกเว้นเรื่องเรียน ป๊อป (อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์) มือคีย์บอร์ดเพื่อนร่วมชั้นของ โน้ต เป็นสาวห้าวจิตใจอ่อนไหว โม (มัฒธณิตาศ์ เศวตวิทยะธาดากุล) มือเบสรุ่นพี่ปี 3 เป็นสาวเปรี้ยวกล้าแสดงออก สุดท้ายคือ อี๊ด (ภูดิศ สุริยวงศ์) หัวหน้าวง มือกลองรุ่นเดียวกับ โม ผู้ชอบแกล้ง โม แทนการบอกรัก วง เดอะ รูมเมท มีกฎว่าสมาชิกในวงต้องมาอยู่ในบ้านเดียวกัน เพราะเชื่อว่าการใช้ชีวิตร่วมกันจะทำให้พวกเขารู้จักกันจนสนิทใจ และสามารถแบ่งปันความคิดความรู้สึกต่างๆ ได้ อันจะส่งผลให้มีผลงานดนตรีที่ดี พวกเขามีเป้าหมายร่วมกันว่า จะมีเพลงเป็นของตัวเอง และจะเปิดการแสดงสดบนดาดฟ้าบ้าน เดอะ รูมเมท ทันทีที่เพลงเสร็จ ในขณะนั้น พิงค์นครบาร์ ที่ เดอะ รูมเมท แสดงประจำอยู่ มีปัญหาลูกค้าร่อยหรอลงทุกที เจ๊ใหญ่เจ้าของบาร์จึงสั่งให้วงหานักร้องสาวคนใหม่มาเรียกลูกค้า แต่ โน้ต กลัวว่านักร้องใหม่จะเข้ากับพวกเขาไม่ได้ จึงแกล้งตั้งคุณสมบัติของนักร้องสาวไว้ให้สูงลิบลิ่ว นั่นคือเสียงดี สูง สวย หมวย ขาว ขายาว หน้าลูกครึ่ง แต่จากนั้นไม่นาน แอน (นีรนาท วิคตอเรีย โคทส์) เพื่อนเก่าของ ป๊อบ สมัยมัธยมปลาย ก็ผ่านคุณสมบัติทุกประการและได้เข้ามาร่วมวง ทั้งบาร์และวงคึกคักขึ้นทันทีเมื่อได้ แอน มาร่วมวงและร่วมใช้ชีวิตในบ้าน ขณะเดียวกันก็มีความรักที่เป็นความลับแอบแฝงอยู่ เพราะจริงๆแล้ว แอน ต้องการมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนกับ ป๊อป แต่ ป๊อป อยากให้เรื่องเหล่านั้นเป็นแค่อดีต เพราะเริ่มรู้ใจตัวเองว่าชอบ โน้ต มากกว่า แต่แล้วเรื่องกลับวุ่นวาย เมื่อ โน้ต แอบมาสารภาพกับ ป๊อป ว่าต้องการจีบ แอน สาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสายตาของเขา ดูเหมือนอาจไม่มีใครสมหวังในความรักที่โยงกันเป็นวงกลมนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ความรักที่เป็นความลับนี้อาจสั่นคลอนความเป็นเพื่อนของ เดอะ รูมเมท ได้ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นตัวเร่งให้ความลับนี้ต้องเปิดเผยขึ้นมาสักวัน เมื่อวันนั้นมาถึง ความเป็นเพื่อนของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ความผูกพันและความฝันเรื่องดนตรีของพวกเขาจะสามารถเกาะเกี่ยวมิตรภาพเอาไว้ได้หรือไม่
Synopsis : Pop and Note form their own musical band called The Roommate to weave their dreams of becoming an artist. Being a band needs a rule, that is moving in the same house as roommates as they believe it's the way getting to know more about each other. But things in their house is changed when Pop and Note need to add more lead vocal in their band. Soon, Anne, a pretty girl is in. Anne is indeed an old love of Pop, and her reason to join the band is to starting over her relationship with Pop. But it turns to be triangle love when Note confesses that Anne is the girl that he's been waiting for.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Tuesday, June 9, 2009,6/09/2009 07:24:00 AM
Drag Me to Hell : กระชากลงหลุม

มาแล้ว หนังที่เรานับวันนับคืนรอ กว่าจะได้ดูรอมานานแสนนาน และแล้วความฝันของเราก็จบลงด้วยการมาดูรอบแรกเลย 5555 คนดู ถือว่า เยอะใช้ได้เลย ปกติ โรงที่ เมเจอร์ บางกะปิ ถ้าไม่ใช่หนังฟอร์มหใญ่ คงหาคนดูเยอะๆแบบนี้ลำบากหน่อย นี่แสดงว่า หนังคงจะ โปรโมทใช้ได้เลย
หนังเปิดฉากมาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินเรื่องพรึ่บพั่บๆ เร็วกระชับฉับไวดีแท้ การเปิดตัวนังด้วยการใช้ชื่อเรื่องเป็นอักษรตัวใหญ่ ทำให้เรานึกถึงหนังผีสมัยที่เราเป็นเด็ก ที่ให้บรรยากาศของหนังผีสมัยก่อนดูทีไรขนหัวลุกทุกที ที่เป็นผีแบบฮาร์ดเซล แบบว่า หลอกกันจะๆ ไม่มีการเม้ม อะไรที่เป็นไคลแม็กซ์ อย่างการเอาเหรียญใสซองซึ่งเจ้าเหรียญนี้จะมีบทบาทต่อมา ก็ทำแบบโจ่งแจ้งจนคนดูจับได้ว่า มันจะเป็นยังไงต่อไป เป็นแนวแบบซื่อๆ ไม่หลอกคนดูแบบนี้ มีสเน่ห์แบบหนังผีโบราณยิ่งนัก ดูแล้วยิ่งนึกถึงหนังเก่าๆของผูสร้างคนนี้ อย่าง Evil Death ซึ่งตอนเด็กๆเราดูทีไร กลัวทุกที
เราชอบวิธีกำกับหนังของผู้กำกับคนนี้สุดๆเลย (ถ้าพูดถึงแนวหนังผีนะ) เพราะดูแล้วตื่นเต้นเอาใจช่วยตัวแสดงมากๆๆๆๆ ทุกเรื่องของแกที่สร้างมาเนี่ย จะไม่มีวันเจอฉากคนหนีผีเลยนะ มีแต่ว่า คนสู้กับผีจนตายไปข้างนึง ซึ่งมันส์โคตร สงสารตัวเองที่ลุ้นจนเหนื่อย แทบไม่ได้พักเลยจริงๆนะ พูดแล้วก็ยังมันส์
เราว่า หนังของแกนี่ สงสัยแกต้องการให้ความหวังกับคนกลัวผีมั๊ง เพราะว่า ถ้าเราสู้ เราต้องชนะ เหมือนเพลงเจินๆเลย ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ 5555 แต่เรื่องนี้ตอนจบก็อย่างว่าแหละ หักมุม แต่ก็สยองโคตรอยู่ดี
ชอบนะ เป็นหนังผีในดวงใจอีกเรื่องเลยแหละจะว่าไป ดูมันส์ ลุ้นตัวโก่งแทบไม่ได้หายใจหายคอ ดูแล้วอยากดูอีก อารมณ์คล้ายๆดูหนังไทยในบางที เพราะดูแล้วแบบว่า มีหลายอารมณ์อ่ะ ทั้งกลัว ทั้งขำ อย่างตอนที่ลูกกะตาผีหลุดออกมาเข้าปากนางเอก โอ้โฮ ดูแล้วจะอ๊วก เอาเป็นว่า ชอบ เราให้ 8.4
เรื่องย่อ: คริสติน บราวน์ (อลิสัน โลห์แมน) พนักงานปล่อยเงินกู้สาวที่มี เคลย์ (จัสติน ลอง) แฟนหนุ่มศาสตราจารย์อยู่ข้างกาย ชีวิตของเธอนั้นราบรื่น จนกระทั่งหญิงชราลึกลับนามว่า กานุช (ลอร์นา ราเวอร์) ก้าวเข้ามาในธนาคารพร้อมอ้อนวอนให้ คริสติน ช่วยต่อสัญญาเงินกู้ คำถามก็คือ คริสติน จะทำตามความรู้สึกส่วนตัวและมอบโอกาสอีกครั้งให้กับหญิงชรา หรือจะปฏิเสธเพื่อให้ แจ็กส์ (เดวิด เพย์เมอร์) เจ้านายของเธอประทับใจและเลื่อนตำแหน่งให้ สุดท้ายแล้ว คริสติน ก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง ทำให้ กานุช ต้องย้ายออกจากบ้านของตัวเอง กลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้ว กานุช เป็นแม่มด ซึ่งกลับมาแก้แค้นด้วยการมอบ คำสาปลาเมีย ให้กับ คริสติน และทำให้ชีวิตเธอเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็น เธอถูกตามรังควานโดยวิญญาณร้ายและถูกแฟนหนุ่มเข้าใจผิด เธอจึงออกไปหาความช่วยเหลือจาก แรม แจส (ดิรีป เรา) เพื่อช่วยวิญญาณของเธอให้รอดพ้นจากการตกนรกแบบชั่วนิรันดร์ภายใน 3 วันนับจากนี้ เพื่อช่วยให้ชีวิตของ คริสติน กลับมาปกติสุขดังเดิม เธอได้รับการช่วยเหลือจาก ชอน ซาน ดีนา (อาเดรียนา บาร์ราซา) นักสะกดจิตคนเดียวที่อาจช่วยเธอได้ แล้ว คริสติน จะต้องทำเรื่องน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ในการทำลายคำสาปนี้
Synopsis : Christine Brown (Alison Lohman) is an ambitious L.A. loan officer with a charming boyfriend, professor Clay Dalton (Justin Long). Life is good until the mysterious Mrs. Ganush (Lorna Raver) arrives at the bank to beg for an extension on her home loan.Should Christine follow her instincts and give the old woman a break? Or should she deny the extension to impress her boss, Mr. Jacks (David Paymer), and get a leg-up on a promotion? Christine fatefully chooses the latter, shaming Mrs. Ganush and dispossessing her of her home.In retaliation, the old woman places the powerful curse of the Lamia on Christine, transforming her life into a living hell. Haunted by an evil spirit and misunderstood by a skeptical boyfriend, she seeks the aid of seer Rham Jas (Dileep Rao) to save her soul from eternal damnation.To help the shattered Christine return her life to normal, the psychic sets her on a frantic course to reverse the spell. As evil forces close in, Christine must face the unthinkable: how far will she go to break free of the curse?

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/09/2009 07:19:00 AM
Blood: The Last : ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ

เราหลงไปซื้อตั๋วล่วงหน้ามาในราคา 80 บาท ด้วยนึกว่า จะช่วยประหยัดตังค์อะไรมากมาย ที่ไหนได้ พอไปดูที่โรงหนังเมื่อถึงเวลาจริงๆ ปรากฏว่า เราสามารถประหยัดตังค์ได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเลย อย่างมีการใช้บัตรอะไรซักอย่างที่ลดราคาได้ตั้ง 30 บาท แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่เป็นสิทธิพิเศษมากมายจนเราจำไม่หวาดไม่ไหว พูดถึงโรงหนังเครือเมเจอร์นี่ เป็นจ้าวแห่งการทำงาน ครอสโปรโมชั่นจริงๆ จนบางครั้งพนักงานขายเองยังงงเลย ซึ่งเราเคยไปคุยด้วยมาแล้ว ว่า สำนักงานใหญ่ขยันจัดจนสาขางงไปเลย อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลย ลูกค้าอย่างเรา ( ซึ่งพยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอย่างสุดยอด ) ยังบริหารผลประโยชน์แทบไม่ไหว
หนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่า ดูสนุกจริงๆ ทั้งที่ตอนดูหนังตัวอย่าง เราว่างั้นๆนะ เพียงแต่อยากมาดูนางเอกเกาหลี เพราะได้ข่าวว่า นางเอกคนนี้แสดงเก่งเหลือเกิน ซึ่งก็จริง เพราะว่า เล่นได้อิน เจนเรานึกว่าเป็นผีดิบจริงๆ เนื้อเรื่องกระชับฉับไว ดูไม่น่าเบื่อเลย ยิ่งใช้ CG ในการทำฉากที่เลือดพุ่งเป็นหยดๆด้วย ยิ่งดูตื่นตาตื่นใจ ด้วยการที่นางเอกตักหัวผู้ร้ายฉับเดียวขาดกระเด็นแถมยังมีเลือดกระเซ็นเพิ่มความน่าสยองเข้าไปอีก ก็ยิ่งตื่นเต้น ดูแล้วเหมือนตัวเองเป็นซาดิสม์ 5555
ดารที่เล่นในเรื่องเราชอบทุกตัว โดยเฉพาะตัวที่แสดงเป็นผีตัวแม่ ถ้าเราจำไม่ผิดน่าจะเป็น แม็กกี้คิว ซึ่งเล่นเป็นตัวโกงแทบทุกเรื่องดูแล้ว หน้าตาสวย แต่ดูแล้วหมั่นไส้ยิ่งนักเพราะเธอเล่นได้อินกับบทบาทจนดูแล้วเกลียดเข้าไส้ไปเลย แสดงว่า เล่นได้ถึงจริงๆ
เรื่องนี้จะว่าไปถ้าจะให้ติ น่าจะเป็นฉากจบที่ตัวร้ายตายง่ายดายไปหน่อย ไม่สมกับเป็นผีตัวแม่เลย น่าจะให้มันสมศักดิ์ศรีหน่อย อีกอย่างคือ ผีสมุน ตัวที่มีปีกบินนั่นก็เหมือนกัน CG ไม่ค่อยเนี๊ยบเลย ดูหลอกๆยังไงก็ไม่รู้ ปรับปรุงอีกนิดจะมันส์กว่านี้มั่กๆ
ก็เอาเท่านี้แหละ ก็ถือว่า ดูเพลินเรื่องนึง แต่ก็ไม่ถึงกับมันส์สุดชีวิตอะไรขนาดนั้น เอาเป็นว่า ดีกว่าหนังผีหลายๆเรื่องก็แล้วกัน ปีนี้ ดูอะไรก็ไม่ค่อยสนุก เรื่องนี้แหละ พอทนได้ เอาไป 7.0
เรื่องย่อ : ภายนอก ซายะ (จอนจีฮุน) เป็นสาวสวยวัย 16 ปี ทว่าภายใต้ความเยาว์วัยนั้น เธอทนทุกข์ทรมานมากว่า 400 ปีแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกผสมคนสุดท้ายที่มีพ่อเป็นมนุษย์และแม่เป็นแวมไพร์ ตลอด 400 ปีที่ผ่านมา เธอมีชีวิตอยู่เพื่อล่าสังหารแวมไพร์นอกรีตด้วยทักษะซามูไร ในขณะที่ตระหนักดีว่าตัวเองดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือดไม่ต่างจากเผ่าพันธุ์ที่เธอกำลังล่าล้าง ในศตวรรษที่ 20 ซายะ ทำงานอยู่กับองค์กรลับแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาที่สงครามเวียดนามอุบัติขึ้น ซายะ ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจที่ฐานทัพอากาศยาโกตะของสหรัฐอเมริกาในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อล่าและกำจัดอสูรกายที่แฝงตัวเข้ามาในฐานทัพ ซายะ รู้ทันทีว่าโอกาสที่จะได้ถอนรากถอนโคนนายใหญ่ผู้ชั่วร้ายของเหล่าแวมไพร์ นั่นคือ โอนิเจน (โคยูกิ) อาจมาถึงแล้ว ซายะ ปลอมตัวมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และเริ่มสืบหาผู้ต้องสงสัยซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในนักเรียนร่วมห้อง ศพทหารศพแล้วศพเล่าทิ้งร่องรอยที่บอกถึงความอำมหิตของศัตรู ซึ่งยิ่งทวีความน่ากลัวเมื่อปีศาจร้ายอาจมีมากกว่าหนึ่ง อีกทั้งยังมีความสามารถในการแปลงกายได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย ซายะ เริ่มใช้พลังเหนือมนุษย์และดาบคู่กายตะลุยกวาดล้างความชั่วร้ายไปเรื่อยๆ จากนั้นเธอได้เชื่อมสัมพันธ์กับ อลิซ (อัลลิสัน มิลเลอร์) ลูกสาวของนายพลประจำฐานทัพ อันเป็นมิตรภาพกับมนุษย์ครั้งแรกในรอบหลายศตวรรษ อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่เธอตระหนักว่าควรจะใช้พลังแกร่งกล้าเหนือ โอนิเจน ที่เธอมีอยู่ ในการสร้างสัมพันธ์อันดีกับมวลมนุษย์
Synopsis : On the surface, Saya (Jeon Ji-Hyeon) is a stunning 16-year-old, but that youthful exterior hides the tormented soul of a 400-year-old halfling. Born to a human father and a vampire mother, she has for centuries been a loner obsessed with using her samurai skills to rid the world of vampires, all the while knowing that she herself can survive only on blood like those she hunts. Now it's the twentieth century, Saya is working for a clandestine organization known only as the Council. Now with the Vietnam War raging in the background, Saya is dispatched to Yakota Air Force Base, an American military compound in Japan, which has been invaded by a league of shape-shifting vampires known as Chiropterans.Saya immediately senses that this may her opportunity to finally destroy Onigen (Koyuki), the evil matriarch of all vampires. Using her superhuman strength and her sword, she begins to rid the base of its evil infestation in a series of spectacular and elaborate showdowns.However it is not until she forms her first human friendship in centuries with Alice McKee (Allison Miller), the young daughter of the base's general that Saya learns that her greatest power over Onigen may well be her ability for human connection.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, June 3, 2009,6/03/2009 05:24:00 AM
2022 Tsunami : 13-04-2022 สึนามิ วันโลกสังหาร
ออกจากโรง terminator มาก็มาต่อเรื่องนี้เลย ไหนๆก็เดินทางมาแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถบ่อยๆ จริงๆจะว่าไปแล้วเรื่องนี้ อยู่นอกสายตาเรามากเลยนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากดูหนังไทยเลยดูแล้วเสียดายตังค์ ทำหนังเหมือนซื้อหวย ลงทุนต่ำแต่จะหลอกเอาตังค์คนดูเยอะๆ เราไม่ชอบเลย เหมือนดูถูกคนดู
เรื่องนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิดแฮะ ถึงแม้วิธีการเดินเรื่อง บทพูดจาของตัวละคร จะดูเหมือนโบราณไปหน่อย พูดจาฟังดูเชยๆยังไงบอกไม่ถูก เหมือนดูหนังสมัยเก่า ดาราก็เล่นแข็ง ยกเว้น ภานุเดช ที่เล่นดีหน่อย ที่เหลือเล่นแข็งเป็นหุ่นกระบอก ถ้าจะให้บอกส่วนที่ชอบของหนังก็คงเป็นเรื่อง เนื้อหาที่สอดแทรกคติสอนใจ ให้ช่วยกันรักธรรมชาติ และ บทบาทของผู้นำ ที่ทำได้ดี และ เรื่องการตกแต่งภาพในเรื่องที่เราไม่นึกมาก่อนเลยว่า หนังไทยจะทำได้ดีขนาดนี้ แน่ละ คงเอาไปเปรียบกับ ฮอลลีวูดไม่ได้หรอกนะ แต่เราว่า ไทยทำได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว ก็ถือว่า น้องๆฮอลลีวูดอ่ะน่า
ทระนง ศรีเชื้อ ก็ยังเป็นทระนง อยู่นั่นเอง หนังก็ยังอดมีฉากวับๆแวมๆไม่ได้ เท่าที่ดู มีฉากเซ็กซี่อยู่ สองสามฉากเลยนะ เนี่ยละ เราถึงเพิ่งนึกได้ว่า หนังไทยสมัยก่อน เค้าก็ชอบมีฉากแบบนี้อยู่ด้วย มิน่า เราว่าแล้วทำไม๊ทำไมถึงเหมือนหนังไทยสมัยเก่าจัง อ้อ ตรงนี้นี่เอง
สรุป หนังเนื้อเรื่องโอเคนะ อิงวิทยาศาสตร์ นิดหน่อย ดูน่าสนใจดี ฉากต่างๆ ทำได้ดี ถึงแม้ไม่เหมือนจริง แต่ก็ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจดีมากๆ เราว่า ทำได้ใกล้เคียงฮอลลีวูด เลย อยากให้พัฒนาไปเรื่อยๆ เราขอยกนิ้วให้ แต่ยังไงก็ตามแต่ ฝีมือของดาราในเรื่องยังต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย ถ้าจะหักคะแนนก็ตรงนี้แหละ เรื่องนี้เราให้ 7.7 ละกัน
เรื่องย่อ หลังเหตุธรณีพิบัติภัยครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 (พ.ศ. 2547) ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เอลนีโย ลานีนยา ทุพภิกขภัย อุทกภัย แผ่นดินไหว นับครั้งไม่ถ้วนและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2022 (พ.ศ. 2565) รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ไตรภพ (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) ออกพระราชกำหนดฉุกเฉินจัดอันดับความรุนแรงของภัยพิบัติ และจัดตั้งศูนย์เตือนภัยภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียขึ้น ภายใต้การดูแลของ ดร. สยาม (สุเชาว์ พงษ์วิไล) และมีหนุ่มสาวไฟแรงที่ยึดมั่นอุดมการณ์รักธรรมชาติ 3 คนอย่าง ภูเก็ต (พิศาล ศรีมั่นคง) ซินดี้ (สิรินดา เจนเซ่น) และ พีพี (นิชาภา ประกรณ์กิจวัฒนา) ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันและสนิทสนมเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ไตรภพ เชื่อมั่นการคาดการณ์ภัยพิบัติของ ดร. สยาม อย่างมาก แต่ภัยธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามินั้นคาดเดาได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรและที่ไหน ทำให้ ดร. สยาม คำนวณการเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลต่อชีวิตประชาชนผิดพลาด สร้างความตระหนกแก่ประชาชนทั่วประเทศ ไตรภพ จึงถูกกดดันอย่างหนักจากพรรคการเมือง เมื่อมีการเตือนภัยครั้งต่อมา ดร. สยาม รู้ตัวดีว่าเขาคือตัวแปรสำคัญของความน่าเชื่อถือและอนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี ส่วน ไตรภพ ก็ต้องเลือกระหว่างลาภยศสรรเสริญกับชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ และแล้วมหันตภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดก็เกิดขึ้น จากอ่าวไทยมุ่งหน้าถล่มใจกลางกรุงเทพมหานครอย่างย่อยยับ พวกเขาจะมีแผนรับมือกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นี้อย่างไร แรงศรัทธาจะทำให้มนุษย์รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้หรือไม่ หรือธรรมชาติเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินและชี้ชะตา
Synopsis : Set in Thailand 2022, where a sign of terrible catastrophes is lurking, Prime Minister Tribhop cooperates with Doctor Siam setting Asia-Pacific and India Ocean base alarm center to monitor and predict the rise of earthquake and tsunami. Nevertheless, the biggest disaster is abruptly and unpredictably rising from Thai Gulf to the land, and alarming is worst too late. Every single life is swept and swirled by enormous tidal wave, the land is destroyed, and the way to survive is now judged by the nature.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/03/2009 05:19:00 AM
Terminator Salvation : คนเหล็ก 4 มหาสงครามจักรกลล้างโลก
เราเก็บภาพโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ ไว้เป็นปี กว่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้ ตอนแรกเราเข้าใจว่า จะมี อาร์โนล มาแสดงด้วย แต่ก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า เอ๊ ก็ตอนนี้ไปเป็นผู้ว่า แล้วจะมาเล่นหนังได้ไงหว่า จากนั้นเรื่องนี้ก็ถูกเก็บไว้ในคอมของเรา แล้วก็ไม่ได้เปิดออกมาดูอีกเลย
จู่ๆ ก็มีโฆษณาว่า จะมีหนังเรื่องนี้ออกฉาย เราพยายามหาข้อมูลก็ไม่เห็นว่าจะมี อาร์โนลมาแสดงเลย ช่างเหอะใครจะแสดงก็ช่าง แต่หนังเรื่องนี้ เรารอมานานแสนนาน สุดท้ายการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อเรามาดูหนังเรื่องนี้ที่ เมเจอร์บางกะปิ หนังทำได้ค่อนข้างจะโอเค แต่ไม่สนุกอย่างทีเราคิดซักเท่าไหร่ ดาราที่แสดงเป็น คริสเตียน เบล แสดงเก่ง แต่เราไม่ค่อยชอบบุคลิกเท่าไหร่ เพราะดูแล้วเครียดมากๆ ไม่แอบตลกนิดๆ แบบที่อาร์โนลเล่น ส่วนพระเอกคนใหม่ ก็ดูแมนดี แสดงใช้ได้เลย เราไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน อาจจะเล่นหนังใหญ่เรื่องแรกมั๊ง ไม่รู้นะ เดาเอา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับฉากต่างๆ เทคนิกสารพัที่ขนมาลงเรื่องนี้ ก็สามารถพูดได้ว่าทำได้อลังการเหลือเกิน แต่ไม่ยักมีฉากที่เป็นไฮไลท์ สักเท่าไหร่ ดูแล้วก็แล้วกัน ไม่ได้ประทับใจอะไรเลย
รวมๆแล้ว ค่อนข้างไม่สมหวัง ทั้งเนื้อเรื่อง และความประทับใจ ไม่เข้าอารมณ์เราเลยซักนิด ดูแล้วงั้นๆ จบแล้วก็จบไป ไม่เกิดเยื่อใยอยากดูอีกเลยแม้แต่น้อย ช่วงนี้ ไม่รู้เป็นอะไร ดูหนังอะไรก็ไม่เห็นจะสนุกเลย นี่ดูมาก็หลายเรื่องแล้ว ยังหาเรื่องโดนๆไม่เจอเลย ย่จัง เรื่องนี้ เราให้ 6.6 นะ
เรื่องย่อ : ปี 2018 วันอวสานโลกได้ผ่านมาและผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงซากอารยธรรมสมัยใหม่ กองทัพคนเหล็กคุกคามน่านฟ้าของโลกหลังวันหายนะ เพื่อสังหารหรือรวบรวมมนุษย์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองร้างและทะเลทราย แต่ผู้รอดชีวิตกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันขึ้นเป็นกลุ่มผู้ต่อต้าน แล้วหลบซ่อนอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ดิน และโจมตีศัตรูที่มีกำลังพลเหนือพวกเขาทุกเมื่อที่เป็นไปได้ ผู้ที่กำลังบงการเหล่าคนเหล็กคือ สกายเน็ต เครือข่ายคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองเมื่อ 14 ปีก่อน และเพียงเวลาชั่วพริบตา มันก็หักหลังผู้สร้างมันขึ้นมา และปลดปล่อยอาวุธนิวเคลียร์สู่โลกโดยไม่มีใครทันตั้งตัว มีเพียงคนเดียวที่ได้เห็นวันอวสานโลกคืบคลานเข้ามา ชายผู้ซึ่งชะตากรรมของเขามักจะเกี่ยวพันถึงการคงอยู่ของมนุษยชาติเสมอ เขาก็คือ จอห์น คอนเนอร์ (คริสเตียน เบล) บัดนี้ โลกกำลังจะก้าวสู่อนาคตที่ คอนเนอร์ ถูกพร่ำเตือนมาตลอดชีวิต แต่ปัจจัยใหม่อย่างหนึ่งได้สั่นคลอนความเชื่อของเขาที่ว่ามนุษยชาติมีโอกาสที่จะชนะสงครามครั้งนี้ นั่นก็คือการปรากฏตัวของ มาร์คัส ไรต์ (แซม เวิร์ตธิงตัน) คนแปลกหน้าจากอดีต ผู้ซึ่งความทรงจำสุดท้ายของเขาคือการรับโทษประหาร ก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกใหม่ใบนี้ คอนเนอร์ จะต้องตัดสินใจว่าเขาสามารถไว้วางใจ มาร์คัส ได้หรือไม่ และเมื่อสกายเน็ตใช้กลยุทธ์ใหม่เพื่อปราบกองกำลังต่อต้านให้ราบคาบ คอนเนอร์ และ มาร์คัส ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาทางร่วมมือกันเพื่อยับยั้งการสังหารโหด ด้วยการแฝงตัวเข้าไปในสกายเน็ตและปะทะกับศัตรูแบบจังๆ
Synopsis : The year is 2018. Judgment Day has come and gone, leveling modern civilization. An army of Terminators roams the post-apocalyptic landscape, killing or collecting humans where they hide in the desolate cities and deserts. But small groups of survivors have organized into a Resistance, hiding in underground bunkers and striking when they can against an enemy force that vastly outnumbers them. Controlling the Terminators is the artificial intelligence network Skynet, which became self-aware 14 years earlier and, in the blink of an eye, turned on its creators, unleashing nuclear annihilation on an unsuspecting world. Only one man saw Judgment Day coming. One man, whose destiny has always been intertwined with the fate of human existence: John Connor (Christian Bale). Now the world is on the brink of the future that Connor has been warned about all his life. But something totally new has shaken his belief that humanity stands a chance of winning this war: the appearance of Marcus Wright (Sam Worthington), a stranger from the past whose last memory is of being on death row before awakening in this strange, new world. Connor must decide whether Marcus can be trusted. But as Skynet adapts new strategies to end the Resistance forever, Connor and Marcus must find common ground to take a stand against the onslaught - to infiltrate Skynet and meet the enemy head-on.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments