Thursday, April 30, 2009,4/30/2009 09:13:00 PM
Sa Ra Nae How Peng : สาระแนห้าวเป้ง
ตอนเห็นโฆษณาครั้งแรก ประกอบกับวิธีประชาสัมพันธ์หนังที่เอา หม่ำมาลงหนังสือพิมพ์ แล้วขอบอกตรงๆเลยว่า ไม่อยากดู เพราะไม่ชอบวิธีการทำการตลาดแบบนี้ เราว่า ดูถูกคนดูมากๆเลย นึกว่า คนดูดูไม่ออกหรือว่าเป็นการโฆษณาหนัง แต่ไม่น่าเชื่อนะว่า ท้ายที่สุด เราก็มานั่งดูในโรง เอสเอฟจนได้
โชคดี ที่เราซื้อตั๋วดูรอบ โมงเย็นไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 10 โมงเช้า ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปนั่งตรงไหน มองไปทางไหน คนก็เต็มโรงไปหมด บอกตรงๆนะ เป็นหนังทุนต่ำที่มีคนดูเยอะที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น ( คงไม่สามารถ ไปเปรียบกับ องบาก หรือ นเรศวร หรือ ก้านกล้วยได้ เพราะฟอร์มผิดกันจริงๆ ) ในแง่รายได้ เราว่า สงสัยจะได้เยอะกว่า บุปผาราตรี นะ
มาพูดเรื่อเนื้อเรื่องดีกว่า ก็เป็นเหมือนในทีวีนะ เอามาสี่ตอนที่แกล้ง โกะตี๋ ดาราเกาหลี แกล้งแอ๊ด แล้วก็หม่ำ สุดท้ายก็แกล้งกันเองด้วย ถามถึงสาระ เราไม่ได้อะไรเลย แต่สังเกตจากเสียงหัวเราะของคนดูที่ส่งเสียงดังมากๆ เราก็รู้ได้เลยว่าคนดูชอบ เราดูหนังตลกมาหลายเรื่อง แต่ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะเรื่องไหนดังเท่าเรื่องนี้เลย หัวเราพสนั่นจริงๆ
เราว่ามีบางฉากที่หนังไม่ขำ มีหลายตอนเหมือนกัน สงสารตัวแสดงที่ถูกแกล้ง แต่เปิ้ลก็ออกมาแก้นะ ว่า แกล้งเพราะรัก อันนั้นเราเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าลองมองกลับกัน คนที่รักกันคงไม่แกล้งกันจนเกือบหัวใจวายตายแบบนี้กระมัง
สรุป โดยส่วนตัว เราชอบที่หนังทำได้ตลก มากๆ ทั้งๆที่ไม่ลงทุนเท่าไหร่เลย แต่เราไม่ชอบวิธีการทำการตลาด ในการประชาสัมพันธ์หนังเรื่องนี้ ไม่ชอบวิธีการแกล้งคนจนเกือบตาย ใครจะว่ายังไงก็แล้วแต่ ใครจะชอบหนังเรื่องนี้ยังไงก็ตามใจแต่สำหรับเราแล้ว เราไม่ชอบเลย ขอโทษที่ต้องให้คะแนนแค่ 5.0 ทั้งๆที่จริงๆแล้วน่าจะได้ซัก 8.0
เรื่องย่อ : จากใบสมัครกว่า 500 ใบ ถูกคัดเหลือ 100 กว่าคน และในท้ายที่สุด สตาร์บัคส์ (พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล) กับ หลังเลนส์ (เสกสรร รัตนพรพิศ) สองบัณฑิตจบใหม่จากศิลปากร ก็กลายมาเป็นว่าที่พนักงานฝ่ายสร้างสรรค์ประจำทีมงานสาระแน ซึ่งได้รับมอบหมายงานแรกในชีวิตให้ทำภารกิจสำคัญ นั่นคือการแอบถ่ายดาราสี่รายที่โด่งดังทั้งระดับประเทศไทยและเอเชีย รายแรกคือ หม่ำ จ๊กม๊ก (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) นักแสดงตลกที่ขอใช้นักแสดงแทนในฉากผาดโผนมาทั้งชีวิต แต่กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คนต่อมาคือ แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล) ศิลปินต้นตำรับเพลงเพื่อชีวิตผู้ไม่เคยมีใครกล้าลูบคม แต่คราวนี้เขาจะต้องโดนกระตุกหนวด คนที่สาม โก๊ะตี๋ อารามบอย ตลกอารมณ์ดีที่มีสองสิ่งที่กลัวสุดขีดจนต้องปาดน้ำตา และสุดท้าย กลุ่มศิลปินหญิงล้วนจากประเทศเกาหลี เบบี้วอกซ์ รีฟ ผู้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองสุดๆ แต่กลับต้องมาโดนแอบถ่ายในงานนี้ การถ่ายทำทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นโดยไม่ให้เหยื่อทั้งหลายรู้ตัว พร้อมมีกล้องนับสิบนับร้อยตัวบันทึกชีวิตของ สตาร์บัคส์ และ หลังเลนส์ ไปพร้อมๆ กับเหล่าคนดังทั้งหลาย ตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่ตื่นยันหลับ ไปจนเสร็จสิ้นระยะเวลาการทำงาน 120 วัน และแน่นอนว่า วิลลี่ (เริงฤทธิ์ แมคอินทอช) เปิ้ล (นาคร ศิลาชัย) และ หอย (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) สามพิธีกรสาระแนตัวดีจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน มาตามดูกันว่าพนักงานใหม่ทั้งสองจะผ่านช่วงทดลองงานจนได้บรรจุเป็นพนักงานของ สาระแน หรือไม่ และแผนการที่สุดแสนจะห้าวเป้งนั้นจะทำให้คนดังทั้งสี่กลุ่มมีปฏิกิริยาอย่างไร
Synopsis : The three pranksters, Willie, Ple, and Hoi from popular prank show "Saranae," brought their extremely hilarious program on the screen for the first time. This time their victims are 4 famous superstars from Thailand and Asia, who never realised that they're on the camera. There're action, thriller, horror and funny moments that surprised the superstars in unthinkable ways.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/30/2009 09:10:00 PM
A Frozen Flower : อำนาจ/ราคะ ใครจะหยุดได้
ใครจะไปรู้ว่า ประวัติศาสตร์เกาหลี มีเรื่องอย่างนี้อยู่ด้วย คนดูยังไม่รู้เลย ว่า มีฉากจูบของชายชาย ในเรื่องนี้ด้วย แถมไม่จูบเปล่า แบบ รักแห่งสยามนะ แต่จูบแบบรุนแรงเลยอ่ะ เอ พูดมาตั้งนาน ตกลงนี่มันเรื่องจริงหรือนิยายเนี่ย เราเองชักงงละ แต่หวังว่า คงเป็นแค่นิยายนะ
เรื่องนี้ ดารานำ เปลืองตัวมากทั้งหญิงและชาย ลงทุนแสดงฉากรักกันแบบโจ๋งครึ่ม โดยเฉพาะตัว ฮงลิม ต้องนอนทั้งกับพระราชา กับ พระราชินี เรียกได้ว่า เหนื่อยมากๆ ราชินีเรื่องนี้ก็ใช่ย่อย มีเวลาว่างไม่ได้ เป็นต้องเรียกใช้บริการ ฮงลิม ตลอด จนพระราชาทนไม่ไหว
เราขอตบมือให้กับความกล้าหาญของคนเขียนบท ผู้กำกับ และ ดาราแสดงในเรื่องนี้ ทุกคน เนื้อเรื่องมีความโดเด่นและ แปลกใหม่ผูกเรื่องได้สนุกมากๆ สมจริงสมจังจนไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง เอาเป็นว่าสนุกก็แล้วกัน ดาราแสดงเก่งโคตรๆ เราไม่แปลกใจเลยที่หนังเกาหลีกลายเป็นหนังในดวงใจใครหลายๆคน ก็มันสนุกอย่างนี้นี่เอง ฉากฟันดาบก็ทำได้โอเคเลยแหละ เป็นรองแค่หนังฮ่องกงเท่านั้น เราว่า ฉากบู๊ดูดีกว่าหนังญี่ปุ่นอีกนะ ดูมันส์จริงๆ สงสัยว่า อีกหน่อยเราต้องเป็นแฟนประจำหนังเกาหลีซะแล้ว หลังๆ ได้ดูหนังเกาหลีหลายเรื่อง รู้เลยว่า หนังมีคุณภาพ เนื้อเรื่องสนุก
เราให้ 9.1 เลย สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นหนังดีที่น่าดู ไม่ดูเสียดายแย่เลย เพราะเป็นแนวอิงประวัติศาสตร์ แต่งตัวโบราณ แบบนี้แหละที่เราชอบ มีฉากที่ดูแล้วซึ้งคือฉากจบ ที่พูดถึงความฝันของพระราชาที่ฝันว่า ได้ขี่ม้ายิงธนูกับองครักษ์ แล้วก็เป็ฯจริงในตอนจบ ดูแล้วทั้งซึ้งทั้งสงสาร อืม ดีใจที่ได้ดูนะ
เรื่องย่อ : ยุคปลายราชวงศ์โครยอซึ่งอาณาจักรหยวนเข้ามามีอำนาจครอบงำราชบัลลังก์ กษัตริย์ของโครยอ (จูจินโม) แต่งตั้งกลุ่มทหารรักษาพระองค์ ที่เรียกว่า กอนรยงวี ขึ้นมา โดยมี ฮงลิม (โจอินซอง) เป็นหัวหน้า และ ฮงลิม คนนี้เองคือคนสำคัญที่กษัตริย์ปันใจให้ โดยมีพระมเหสี (ซงจีฮโย) คอยจับตาดูพวกเขาด้วยความขุ่นเคืองใจ ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างโครยอกับหยวนเลวร้ายลงทุกที เมื่อฝ่ายหยวนขอให้กษัตริย์แต่งตั้งเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งขึ้นเป็นรัชทายาท เนื่องจากกษัตริย์ไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้เสียที แต่กษัตริย์แห่งโครยอปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของโครยอ ซึ่งยอมน้อมตัวให้กับฝ่ายหยวนเริ่มไม่พอใจ วันหนึ่ง กษัตริย์มอบหมายให้ ฮงลิม ทำภารกิจลับชิ้นหนึ่ง ซึ่งเขาไม่อาจปฏิเสธ เพื่อรักษาราชวงศ์โครยอไว้ให้อยู่รอดปลอดภัย
Synopsis : In the end of Goryeo era politically manipulated by the Yuan Dynasty, the ambitious King (Joo Jin-Mo) of the Goryeo Dynasty organizes Kunryongwe. Hong Lim (Jo In-Seong), the commander of Kunryongwe, captivates the King of Goryeo, and the Queen (Song Ji-Hyo) keeps her eyes on the relationship between them with a reluctant view. Meanwhile, the bilateral relation between Goryeo and the Yuan gets worse as Yuan demands to install the cousin of the King in the Crown Prince of Goryeo with ascribing it to no son the King has. The King refuses it resolutely, so the high-ranking officials of Goryeo, who are in submission to Yuan, are discontented with the king. One day, the King gives Hong Lim a covert yet unobjectionable order to protect the independence of Goryeo from the Yuan.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/30/2009 09:04:00 PM
ม.3 ปี 4 เรารักนาย : Mor 3 Pee 4
ขอบอกว่าเป็นหนังไทยที่ชอบอีกเรื่องนึงเลยนะ หลังจากดูเสร็จ บอกตัวเองเลยว่า อยากดูอีก ๆๆ นางเอกน่ารักโคตรๆ ดาราน่ารักทุกตัวเลย ชอบ ป้าจุ๊ กับ เพ็ญพักตร์ แสดงดีจังเลยเป็นธรรมชาติมาก แต่ลองคิดูอีกที เราว่าดาราเล่นดีทุกตัวเลยนะ ทั้งๆที่เป็นดาราใหม่ทั้งนั้น ทั้งพระเอก น้องพระเอก นางเอก น้องนางเอก รู้สึกว่าจะซิงๆ ทั้งนั้นเลย ไม่เคยแสดงมาก่อน แต่ฝีมือการแสดง เราให้ สิบเต็ม
เพลงประกอบหนังก็เพราะสุดๆ ชอบมากๆ ทั้งเสียงผู้หญิง และเสียงผู้ชาย เพราะทั้งสองเวอร์ชั่น แต่ถ้าจำเป็นตองเลือกดาราหน้าใหม่ที่แสดงดีสุดๆ เราอยากให้รางวัลกับน้องพระเอก โอ้โฮ ฉากที่รู้ว่า น้องนางเอกตาย ร้องไห้แบบไม่ห่วงหล่อเลย น้ำตานองหน้า เห็นแล้วอยากร้องตาม รองลงมาก็ต้องยกให้ น้องสาวของนายบีม ที่นอกจากจะสวยน่ารัก ร้องเพลงเพราะแล้ว เรื่องนี้ ยังโชว์ความสามารถในการแสดง ได้น่ารักอีกต่างหาก ขอยกนิ้วให้ แต่ความดีทั้งหมด ต้องยกให้ผู้กำกับ ที่สามารถ ทำหนังออกมาได้น่าประทับใจขนาดนี้ รอบที่เราไปดู มีแต่เด็กวัยรุ่น รวมทั้งเราด้วย 5555
เป็นหนังที่ดูแล้วซึ้งนะ แต่ไม่เศร้าเพราะคนทำไม่ได้ต้องการให้ออกมาเศร้า ( มั๊ง ) สังเกตจากฉากที่เศร้า จะต้องมีเสียงกวนๆของน้องนางเอก ออกมาให้หายเศร้า ทุกครั้งไป ก็เลยเศร้าไม่ออก แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะไม่ได้อยากมานั่งร้องไห้เวลาดูหนังอ่ะ
ในภาพรวม เราชอบทุกอย่างเลยนะ ทั้งดารา เพลงประกอบ ทุกฉาก ทำได้เข้ากับอารมณ์คนดูมากๆ ดูแล้วอินไปเลย อยากซื้อเก็บไว้ดู ถ้าจะให้ติก็มีตอนเดียว คือ ตอนที่นางเอกเปียกฝน หัวห๔ลู่ หน้าตาดูไม่ได้เลย อย่างกับคนละคนแน่ะ วันหลังจะมีฉากแบบนี้ก็สงสารนางเอกมั่ง ทำซะหมดสภาพเลย เรื่องนี้เราให้ 9.3 ไปเลย
เรื่องย่อ : หนุ่มน้อยสองพี่น้อง ใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯ นัท (ศุภสิทธิ์ ชินวินิจกุล) อยู่ชั้น ม. 3 เป็นคนร่าเริง มีโลกส่วนตัวสูง มักใช้เวลาว่างเล่นเอ็มเอสเอ็นกับเพื่อนๆ ส่วน ธีร์ (คณิน บัดติยา) เป็นนักศึกษาทันตแพทย์ปี 4 หนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้ที่ทั้งชีวิตมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา จนตัวเองรู้สึกว่าความรักก็คงมีอยู่แค่นี้ กระทั่งวันหนึ่ง ธีร์ ตกหลุมรักสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังเปลี่ยนยางรถกระบะคันเก่าๆ อยู่อีกฟากถนน จูน (สโรชา ตันจรารักษ์) และ แจน (ชลธร ปรัชญารุ่งโรจน์) พี่น้องสองสาวใช้ชีวิตอย่างอบอุ่นอยู่กับแม่ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ในตึกแถวที่เปิดเป็นร้านขายติ่มซำในภูเก็ต จูน เรียนมหาวิทยาลัยปี 4 เป็นสาวห้าวที่คิดเสมอว่าต้องดูแลแม่และน้องแทนพ่อที่เสียชีวิตไป ส่วน แจน เป็นสาวน้อยแรกแย้มชั้น ม.3 ผู้มองโลกในแง่ดี และเป็นไข่ในหินของครอบครัว กิจกรรมที่ แจน ชอบมากที่สุดคือการเล่นเอ็มเอสเอ็นคุยกับเพื่อน วันหนึ่ง จู่ๆ นัท เพื่อนสนิททางเอ็มเอสเอ็นของ แจน ที่ไม่เคยพบหน้ากัน มาปรากฎตัวที่หน้าบ้านของ แจน โดยไม่บอกล่วงหน้า ธีร์ ร้อนใจว่าน้องชายจะโดนหลอก จึงบึ่งมาที่ภูเก็ตเพื่อรับตัว นัท กลับกรุงเทพฯ ทำให้เขาได้พบกับ จูน ผู้หญิงที่เขาแอบเฝ้าเพ้อหามาตลอด แต่การได้มาพบ จูน ครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นคนที่ดูแย่สุดๆ ในสายตาของ จูน ซ้ำยังเป็นต้นเหตุให้เกิดรอยร้าวฉานขึ้นระหว่าง นัท กับ แจน ธีร์ ต้องแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมด พร้อมกับทำหน้าที่เข้าเวรดูแล ป้าแหม่ม (จุรี โอศิริ) ในฐานะแพทย์ฝึกหัดทุกเช้าที่กรุงเทพฯ ซึ่งต่อมา ป้าแหม่ม ได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักให้กับ ธีร์ ระยะห่างระหว่างกรุงเทพฯ และภูเก็ต จะขวางกั้นรักแรกของเขาได้สำเร็จหรือไม่ แล้วเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตอย่าง นัท และ แจน จะสานความสัมพันธ์กันอย่างไรต่อไป
Synopsis : It all started with MSN. Four teenagers making friends online, they yet haven't met, but are bound to come across each other in an unusual circumstance.Thee and Nut are siblings who live in Bangkok while June and Jane are siblings who live in Phuket. Though living in different part of the country, they know how to connect the world in their hand by chatting on MSN making friends with other people. One day, Nut, who is an online friend of Jane knocks on her door to surprise her, but this causes Thee to misunderstand that his brother might be tricked by a stranger who he met online. Then, Thee heads to Phuket to bring Nut back. While seeking Nut in Phuket, Thee meets June, the girl that he chats on MSN, but their encounter isn't much impressive which brings more problems to their complicated love.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/30/2009 09:00:00 PM
X-Men Origins: Wolverine : เอ็กซ์-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน
เราไม่ได้มาดูหนังเรื่องนี้ ในรอบปฐมทัศน์หรอกนะ เสียดายจัง เพราะว่ามันฉายรอบสองทุ่ม เราดูไม่ได้หรอก นอนดึกไม่ไหว ไม่ค่อยชอบนอนดึก เลยตัดสินใจตื่นแต่เช้ารีบไปดูที่โรงดิจิตอลที่เอสเอฟบางกะปิ ขนาดรอบแรก คนดูเกือบครึ่งโรง ต้องถือว่าคนเยอะ แต่รอบวันนี้ เป็นรอบวันพุธนะ แปลกดี ทั้งๆที่ปกติแล้ว หนังใหม่จะเข้าวันพฤหัส แต่เรื่องนี้ทำเก๋ เข้าก่อนวันปกติวันนึง
หนังตระกูล เอ็กซ์เมน เป็นหนังที่เรารอมาทุกภาคเลย เพราะเราชอบทุกตัวละครของหนังเรื่องนี้เลย ดูดี แสดงเก่ง เนื้อเรื่องมันส์ แอคชันเยี่ยม พูดง่ายๆ ดีไปหมด รู้สึกว่า ภาคก่อนหน้านี้ ก็ซัก สามปีก่อนได้แล้วมั๊ง จนเราคิดว่า ไม่มีให้ดูอีกแล้ว พอรู้ว่า จะมีภาคต่อ โห ดีใจสุดๆไปเลย
หนังไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย เนื้อเรื่องมีที่มาที่ไป ดูสมเหตุสมผลพอรับได้ ผิดกับหนังมาร์เวล เรื่องอื่นๆ ที่ดูเว่อร์เกินเหตุ เรื่องนี้ ดูแล้วสงสารพระเอก ที่โดนหลอกมาตลอด ตั้งแต่พ่อแม่ที่แท้จริง โดนแฟนหลอก โดนนายหลอก เรียกว่า ถูกหลอกจากทุกคนเลย น่าสงสาร แต่สุดท้ายก็จบแบบสะใจคนดู พระเอกก็ชนะไปตามระเบียบ เสียดาย นางเอกขี้เหร่ไปนิด ไม่สวยเลย เฮ้อ
ฉากที่เราชอบก็คือฉากที่สู้กับผู้ร้ายที่ขอบเตาปฎิกรณ์ปรมาณู มันส์ดี จริงๆแล้ว ไรอัน เรย์โนลด์ ก็แสดงเก่ง น่าจะเอามาเป็นเอ็กซ์เมนตัวใดตัวนึงที่เป็นตัวหลัก เพราะอสดงเก่ง ไม่น่ามาแสดงป็นตัวร้ายเลย แป๊บเดียวตายแล้ว
สรุปรวมความแล้ว ชอบมากๆ ชอบทุกฉากทุกตอน แต่ขอติเรื่องการแต่งหน้าของ ลุกผู้ร้ายนิดนึง ไอ้ตัวที่ไม่มีปากน่ะ อ้อ เจ้า ไรอันน่ะ แต่งหน้าได้เห่ยมากๆ เห็นรอยกาวเป็นแถบเชียว ไม่ไหวเลย แบบนี้ต้องหักคะแนน 555 เราแทบหาที่หักไม่ได้เลยนะ เอาไปเลย 9.2
เรื่องย่อ : โลแกน หรือมนุษย์กลายพันธุ์ วูล์ฟเวอรีน (ฮิวจ์ แจ็กแมน) เป็นเครื่องจักรสังหารอันทรงพลัง เขามีทั้งพลังเยียวยารักษา กรงเล็บอันแข็งแกร่ง กระโหลกศีรษะที่หลอมรวมกับโลหะอดาแมนเทียมสุดทนทาน และอารมณ์ฉุนเฉียวป่าเถื่อน วูล์ฟเวอรีน มีอดีตที่ทั้งโหดร้ายรุนแรงและโรแมนติก รวมทั้งมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับ วิกเตอร์ ครีด (เลียฟ ชไรเบอร์) และโครงการ เวปอนที่สิบ อันไม่น่าไว้วางใจ วูล์ฟเวอรีน พยายามค้นหาอดีตรากเหง้าของเขาเอง ซึ่งระหว่างการผจญภัยนั้น เขาได้พบกับ เดดพูล (ไรอัน เรย์โนลด์ส) แกมบิต (เทย์เลอร์ คิตซ์ช) จอห์น เรธ (วิล.ไอ.แอม.) พันเอก วิลเลียม สไตรเกอร์ (แดนนี ฮัสตัน) และบรรดามนุษย์กลายพันธุ์อีกมากมาย ทั้งคนคุ้นเคยและพวกหน้าใหม่ รวมทั้งการปรากฏตัวอันน่าประหลาดใจของตำนานมนุษย์กลายพันธุ์อีกหลายคน
Synopsis : Logan or the mutant Wolverine's (Hugh Jackman) is the fierce fighting machine who possesses amazing healing powers, retractable claws, a skeleton all laced with the indestructible metal adamantium and a primal fury. Wolverine has epically violent and romantic past, the complex relationship with Victor Creed (Liev Schreiber), and the ominous Weapon X program. Wolverine struggles to find the secrets to his past. Along his journey, Wolverine encounters Deadpool (Ryan Reynolds), Gambit (Taylor Kitsch), John Wraith (will.i.am), and Col. William Stryker (Danny Huston), and many other mutants, both familiar and new, including surprise appearances by several legends of the X-Men universe.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/30/2009 08:49:00 PM
The Great Buck Howard : คนเจ๋งเป้ง
พอเห็นชื่อ จอห์น มัลโควิช ก็รู้เลยว่า สงสัยหนังน่าจะสนุก ไม่รีรอเลยที่จะรีบแจ้นไปที่ เมเจอร์ เอกมัย ทั้งๆที่จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เข้ามานานแล้ว แต่เวียนฉายในเครือเมเจอร์ จนมาถึงโรงเอกมัยนีแหละ จะว่าไป เราเองไม่ค่อยชอบหมอนี่เท่าไหร่ เพราะหน้าตาดูแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเท่าไหร่ แต่แสดงเก่งโคตร เรื่องนี้แสดงเป็นนักมายากล อยากพูดอะไรอย่างหนึ่งจากใจจริงเลยนะ ว่า ดีใจที่ได้มาดู หนังดูสนุกมากๆ ทั้งๆที่ทั้งโรงมีคนดูเพียงสองคนเอง ( อ้อ ลืมบอกไปว่า โรงที่ฉายนี่ เป็นโรงพิเศษนะ ตั๋วแพงเชียว ) เนื้อเรื่องก็ตามข้างล่างนี่แหละ แต่เราเน้นเรื่องฝีมือการแสดง เอ แต่เราสงสัยอย่างนึง ปกติ อีตาจอนนี่มันหัวล้านไม่ใช่เรอะ แล้วไฉน เรื่องนี้ หัวผมถึงได้ดกดำเป็นทรงสวยได้ขนาดนี้ พยายามดูยังไง มันก็เป็นผมจริงนี่นะ แล้วตัวจริงมันเป้นยังไงกันแน่ ซักวันเราต้องรู้ให้ได้เลย 55555
ฉากที่เราประทับใจที่สุด ก็คือฉากจบตอนที่ พระเอกไปดูการแสดงของจอน แล้วจอนสามารถทำการแสดงได้ประสบความสำเร็จ ดูไปเราขนลุกขนชันไปด้วยเลย เพราะฉากนี้หนังทำดีตรงที่ว่าให้คนดูลุ้นว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ใช้วิธีให้พระเอกคิดดังๆว่าทำไม่ได้ คนดูก็โดนพระเอกสะกดจิตไปด้วยว่า คงทำไม่ได้มั๊ง ที่ไหนได้ ทำได้สำเร็จอย่างสวยงาม แหดูแล้วหักมุม ชวนขนลุกดีจริงๆ
เอาล่ะ ก็คงมีแค่นี้ ภาษาทีใช้ก็เป็นภาษาง่ายๆ คนที่หัดดูหนังพูดอังกฤษดูเรื่องนี้ก็ฟังง่ายหน่อย เรื่องนี้ เนื้อเรื่องแปลกดี ตัวละครมีเอกลักษณ์มากๆ ( จากท่า เชคแฮนด์ แบบรุนแรง พูดแล้วก็ขำ 5555 ) เรื่องนี้ เราว่าคนเขียนบท โอเคเลยนะ รวมๆแล้วเราชอบนะ เราให้ 8.1 นะ กับหนังที่ไม่ต้องลงทุนมากเรื่องนี้
เรื่องย่อ : หนุ่มอายุ 20 ต้นๆ ทรอย เกเบิล (โคลิน แฮงก์ส) ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนกฏหมาย และกำลังหาหนทางก้าวเดินต่อไป ทรอย อยากทำงานในวงการบันเทิง เขาได้ยินว่ามีคนดังในวงการคนหนึ่งกำลังมองหาผู้ช่วยส่วนตัว ทรอย คิดว่านี่เป็นงานที่สมบูรณ์แบบในการเปิดตัวเข้าสู่เส้นทางอาชีพสายนี้ ในที่สุด ทรอย ก็ได้งานเป็นผู้ช่วยของ บัก โฮเวิร์ด (จอห์น มัลโควิช) นักสะกดจิตและนักอ่านใจที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังมาก จนได้แสดงในรายการโทรทัศน์ จอห์นนี คาร์สันส์ ทูไนต์ โชว์ ถึง 61 ครั้ง แต่ บัก ก็ร้างราวงการไปนานแล้ว เมื่อเขานึกอยากจะกลับมาอีกครั้ง เขาจึงจ้าง ทรอย กับนักประชาสัมพันธ์สาว วาเลอรี (เอมิลี บลันต์) ให้มาช่วยดูแลงานของเขา ทรอย ได้งานแล้วก็จริง แต่เขายังคงขบคิดเรื่องเป้าหมายของชีวิต โดยเฉพาะในเวลาที่พ่อของเขา (ทอม แฮงค์ส) ยังคงคิดว่าลูกชายยังเรียนหนังสืออยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อ บัก กลับมานั่งอยู่ในใจของประชาชนชาวอเมริกันได้สำเร็จอีกครั้ง บัก ก็ได้กลายเป็นคุณครูคนใหม่ ที่สอนกลยุทธเด็ดๆ ในการใช้ชีวิตที่ ทรอย ไม่อาจหาได้ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย
Synopsis: Troy Gable (Colin Hanks) is a guy in his early twenties who has dropped out of law school and is pondering his next move. Troy has an interest in working in the entertainment business, and when he learns that a celebrity performer is looking for a personal assistant, Troy thinks he's found the ideal entry-level position.Troy soon discovers he's landed a job as a glorified gofer for Buck Howard (John Malkovich), a once-famous mentalist who appeared on Johnny Carson's Tonight Show 61 times. However, Buck hasn't been doing much lately, and he's hired Troy and new publicist Valerie (Emily Blunt) as he grooms himself for a comeback. Troy gets a job but still questions about a purpose in life, especially when his father (Tom Hanks) still assumes Troy is in law school. Nonetheless, as the spotlight again shines on the great Buck Howard, Buck becomes the unlikeliest of teachers as Troy learns a few tricks he couldn't possibly have picked up in law school.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Sunday, April 26, 2009,4/26/2009 03:17:00 AM
The Haunting in Connecticut : คฤหาสน์ ช็อก
สงสัยเป็นเพราะความแรงของหนังตอนฉายที่อเมริกา เวลาโฆษณาถึงได้พยายามตะโกนบอกลูกค้าว่า โฮ้โฮ ยอดฉายได้กี่ร้อยล้านภายในกี่วัน ซึ่งมันก็ได้ผลสำหรับเรานะ เพราะว่า ฟังดูแล้ว แหมน่าดูเหลือเกิน แถมมีการเอาหนังมาฉายชิมลางก่อนฉายจริงรอบสองทุ่ม เป็นการหยั่งเชิงกระแสอีกต่างหาก
พอวัน พฤหัส ว฿งเป็นวันแรกของการฉายอย่างเป็นทางการ เราก็รียไปที่เอสเอฟทันที มองดูรอบฉายแล้วก็แปลกใจ เพราะโฆษณาขนาดนี้ แต่มีโรงฉายแค่โรงเดียว นี่เป็นสัญญาณเตือนเราครั้งแรกว่า สงสัย หนัวจะไม่เวิร์คละกระมัง
เราเดินไปตีตั๋วตามธรรมเนียม คนดูกระจึ่งเดียวเอง แต่นั่นไม่มีผลสำหรับการซื้อตั๋วของเราหรอก เพราะเราตั้งใจไว้แล้ว เชื่อมั๊ย พูดด้วยความจริงใจเลยนะ ว่า หนังธรรมดามากๆ ยิ่งเอาไปเปรียบกับหนังผีของเอเชียด้วยแล้ว ถือว่าไม่น่ากลัวเลย ธรรมดามากๆ แต่แน่นอนแหละว่ามันต้องมีฉากตกใจกันมั่ง ก็นิดหน่อยนะ ไม่ได้เว่อร์อะไรมากมาย จะมีส่วนที่ชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ก็ตรงที่หนังพูดถึง การเข้าทรงในอดีต แล้วก็พูดถึง การถ่ายรูปคนทรงที่พ่นสารอะไรบางอย่างออกมาจากปากได้ อันนี้ตรงกับที่เราเคยอ่านมาตอนเราเป็นเด็กในต่วยตูน แต่มันนานจนเราเกือบจะลืมไปแล้ว มาเห็นอีกที ก็ทำให้เหมือนกับนั่ง ไทม์แมชชีนกลับไปตอนนู้นเลย ดแล้วทึ่ง ที่เค้าพยายามเอามาทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ในจอ
นอกนั้นก็งั้นๆนะ ดาราที่แสดงเราไม่รู้จักสักคน เหมือนดูไปเรื่อยๆให้มันจบๆไป ไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ หนังมันอาจจะโดนใจคนอเมริกัน แต่เราว่าไม่ถูกรสนิยมคนไทยเท่าไหร่มั๊ง เราว่าเราให้แค่ 6.3 อ่ะ
เรื่องย่อ : ครอบครัว แคมป์เบลล์ ย้ายบ้านมาอาศัยอยู่ใกล้กับคลีนิกที่ แมตต์ (ไคล์ กาลล์เนอร์) ลูกชายวัยรุ่นของบ้าน ต้องเข้าไปรักษาโรคมะเร็ง หลังจากย้ายเข้ามาที่บ้านเปล่าในรัฐคอนเน็กติกัต พวกเขาก็ได้เจอเรื่องเหนือธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว แต่ในตอนแรกแม่ ซารา (เวอร์จิเนีย แมดเซน) และพ่อ ปีเตอร์ (มาร์ติน โดโนแวน) คิดว่าเป็นเพราะครอบครัวรู้สึกเครียดเรื่องโรคร้ายของลูก ทว่าหลังจากนั้น พวกเขาพบว่าบ้านหลังนี้มีประวัติที่น่าตกใจ นั่นคือเป็นสถานที่จัดงานศพมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 20 มีห้องโถงสำหรับดองศพในชั้นใต้ดิน มีรูปของคนตายเก็บไว้ในลิ้นชักห้องนอนจำนวนมาก และมีป่าช้าขนาดย่อมตั้งอยู่หลังบ้าน นอกจากนี้ โจนาห์ (อีริก เจ. เบิร์ก) ลูกชายของเจ้าของคนเก่ายังเป็นผู้มีญาณพิเศษ ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างโลกนี้กับโลกวิญญาณ ครอบครัว แคมป์เบลล์ ได้สัมผัสทั้งเสียงแปลกๆ กลิ่นที่ไม่คุ้นจมูก อุณหภูมิของห้องที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน และการปรากฏตัวของร่างลึกลับ ทุกเหตุการณ์รุนแรงขึ้นตามลำดับ และเกือบจะพรากสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวไป ตอนนี้ โจนาห์ เด็กชายผู้สื่อสารกับคนตายได้กลับมาอีกครั้ง เพื่อนำความสยองขวัญมามอบให้กับครอบครัว แคมป์เบลล์ ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย
Synopsis: The Campbell family forced to relocate near a clinic where their teenage son Matt (Kyle Gallner) was being treated for cancer. The family begins experiencing violent, supernatural events that the parents Sara (Virginia Madsen) and Peter (Martin Donovan) first blame on stress from the illness. Later, they discover that their charming Victorian home has a disturbing history: not only was the house a transformed funeral parlor where inconceivable acts occurred, but the owner's clairvoyant son Jonah (Erik J. Berg) served as a demonic messenger, providing a gateway for spiritual entities to crossover. Now unspeakable terror awaits when Jonah, the boy who communicated with the dead, returns to unleash horror on the innocent and unsuspecting family.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, April 22, 2009,4/22/2009 05:16:00 PM
The International : ฝ่าองค์การนรกข้ามโลก
ไม่รู้ว่าจะเป็นแผนทางการตลาด หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้เราสังเกตเห็นว่า ค่อยเมเจอร์กับ ค่าย เอสเอฟ ต่างก็มีหนังที่ฉายไม่ตรงกันทำให้เรา และ คนที่ชอบดูหนังทั่วๆไปต้องแบ่งเวลา วางแผนไปดูทั้งสองค่าย ในแง่ดีก็คือ มีตัวเลือกมากขึ้น ( เอ๊ะ หรือว่าเท่าเดิม ) แต่อีกแง่นึงก็วุ่นวายมากเลย เพราะว่า บางที โรงที่ฉายก็ไกลแสนไกล อย่งไปฉายที่แจ้งวัฒนะ งี้ โอ้โฮ ต่อให้อยากดูแค่ไหนก็ต้องเซย์ กู๊ดบาย เป็นยังงั้นไป
อย่างเรื่องนี้ เราต้องมาดูที่ The emporium เพราะว่า ฉายที่โรงนี้ แต่ก็ดี เพราะทำให้เรารูว่า เก้าอี้ที่นั่ง ขนาดโรงธรรมดา ( โรงสี่ ) ยังเป็นหนังเทียมเลย นุ่มมากๆ แอร์ก็เย็นสบายไม่มีกลิ่นเหม็นเลย ทำให้ชักติดใจแล้วสิ ค่าตั๋วก็เท่ากับที่ บางกะปิ ไม่แน่นะ คราวต่อไปเราอาจผูกปิ่นโตกับโรงนี้ก็ได้ แต่พูดก็พูดเหอะ พอพูดถึงเรื่องรถติดแล้วก็ขนลุก นี่แหละ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลัวและเข็ด
มาพูดเรื่องหนังดีกว่า เราว่าน่าเสียดายนะ ที่หนังเรื่องนี้ ฉายจำกัดโรง เพราะเป็นหนังที่ดูสนุกมากๆเรื่องนึง ดาราก็แสดงดี มี ไคลฟ์ โอเว่น ด้วย คนนี้ หน้ายับไปหน่อย แต่แสดงดหนังแอ็คชั่นเก่ง หน้าตายเชียว ส่วนนางเอกเราจำไม่ได้ว่าเคยเห้นที่ไหน แต่ในโปสเตอร์ หน้าสวยเชียว ไหงในหนังหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็ไม่ทราบได้ หนังว่าด้วยเรื่องของ ธนาคารระดับโลกที่มีเบื้องหลังที่โคตรสกปรก ค้าอาวุธสงครามยาเสพติด ฯลฯ อะไรที่เลวๆ มันทำหมด แต่หน้าฉาก อู๊ย เป็นคนดี บริจาคโน่นนี่ สร้างภาพสุดชีวิต เนื้อเรื่อง ก็ประมาณนี้ ความมันส์มันเกิดจากการที่ตัวละคร พระเอกนั่นแหละ ที่ต้องตามสืบเสาะ ค้นหาต้นตอ แต่กว่าจะเจอ คนสำคัญก็ตายไปเยอะแยะแล้ว
ฉากที่เราชอบ และคนส่วนใหญ่ก็น่าจะชอบด้วย ( เดาเอานะ ) น่าจะเป็นฉากบู๊ ยิงกันหูดับตับไหม้ ที่หอแสดงงานศิลป์ ยิงกันหมันสุดๆ กำแพงเป็นรูไปหมดเลย กระจกแตกหมดตึก ดูแล้วลงทุนเยอะดี มันส์มากๆ ภาพยังติดตาอยู่เลย แล้วอีกฉากก็คือ ตอนฉากลอบยิง สส ที่อิตาลี ดูแล้วอารมณ์กระตุก ตกใจอ่ะดิ มีการยิงสองชั้นด้วย คิดได้ไง
รวมๆ เราว่าหนังสนุกนะ ดาราก็โอเค เนื้อเรื่องก็สนุก ทำไม๊ ทำไมไม่ฉายให้เยอะโรงหน่อยก็ไม่รู้ คนจะได้ดูสะดวกหน่อย เราว่าหนังสนุกกว่าเรื่อง Crank อีกนะ เรื่องนั้น มันบ้า ดูเอามันส์อย่างเดียว แต่เรื่องนี้ ยังพอมีที่มาที่ไปที่สมเฟตุผลมั่ง สรุปแล้วเราก็ชอบนะ แต่ไม่ที่สุด เราให้ 7.2
เรื่องย่อ : ตำรวจสายสืบสากล หลุยส์ ซาลินเจอร์ (ไคลฟ์ โอเวน) และผู้ช่วยอัยการเขตแมนฮัตตัน เอลานอร์ วิตแมน (นาโอมิ วัตตส์) ต่างก็มุ่งมั่นที่จะนำความยุติธรรมกลับมาสู่ธนาคารที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ด้วยการเปิดโปงภารกิจผิดกฎหมายทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน การซื้อขายอาวุธ และการปั่นป่วนความมั่นคงของรัฐ ซาลินเจอร์ และ วิตแมน แกะรอยผู้กระทำความผิดไปทั่วโลก ตั้งแต่เบอร์ลินไปถึงมิลาน นิวยอร์ก และอิสตันบุล พวกเขาพบว่าการไล่ล่าคราวนี้ช่างมีความเสี่ยงสูง ความดื้อรั้นที่จะทำหน้าที่อย่างไม่ลดละทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย เพราะผู้บริหารธนาคารเหล่านี้สามารถทำได้ทุกวิถีทาง แม้กระทั่งปลิดชีวิตคน เพื่อที่พวกเขาจะได้ดำเนินธุรกิจอันโหดร้ายต่อไป
Synopsis : Interpol Agent Louis Salinger (Clive Owen) and Manhattan Assistant District Attorney Eleanor Whitman (Naomi Watts) are determined to bring to justice one of the world's most powerful banks. Uncovering illegal activities including money laundering, arms trading, and the destabilization of governments, Salinger and Whitman's investigation takes them from Berlin to Milan to New York and to Istanbul. Finding themselves in a high-stakes chase across the globe, their relentless tenacity puts their own lives at risk as the bank will stop at nothing - even murder - to continue financing terror and war.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/22/2009 05:02:00 PM
Antique : แอนทีค หล่อ หรู ร้าย รัก
ตอนแรกเราก็นึกว่า ที่เห็นในหนังตัวอย่างตอนที่มีพระเอกออกมาหอมแก้มกัน เป็นแค่มุขตลกในหนัง ที่ไหนได้ เป็นหนังแนว ชายรักชายจริงๆนะ ไม่ได้โม้
เรามาดูหนังเรื่องนี้ หลังฉายไปแล้วหลายวัน เพราะไม่มีเวลาเลย ยุ่งตลอด ใจจริงแล้วหนังเกาหลี ไม่ค่อยอยู่ในลิสต์ของเราซักเท่าไหร่ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สงสัยดูมาหลายเรื่องแล้ว ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่มั๊ง ที่โรง เอสเอฟ รู้สึกว่าจะเป็นเครือเดียวที่มีฉายนะ เมเจอร์ไม่มี ก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่า เราก็ชักจะเบื่อๆเมเจอร์แล้วเหมือนกัน
ทั้งโรงมีคนดูประมาณ 10 คน โรงค่อนข้างเงียบเลยแหละ ระหว่างดูก็จะมีเสียงสาวๆ ร้องวี๊ดว๊ายออกมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะฉากที่มี ผู้ชายจูบกัน 555 แหมก็น่าอยู่หรอกนะ เราดูเองยังสยิว 55555
เนื้อเรื่องของหนังเราว่าค่อนข่างเก๋นะ เป็นเรื่องของผู้ชายที่อยากเปิดร้านเค๊ก ทีนี้ก็ไปหาเพื่อนมาเป็นเชฟ ซึ่งดันเป็นเกย์ แถมยังเคยแอบชอบเจ้าของร้านตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่ด้วย เรื่องมันก็เลยมันส์ แต่ความมันส์ยังไม่หยุดแค่นี้ เพราะพระเอกดันมีปมตอนเด็กที่ถูกคนโรคจิตลักพาตัวไป จนทำให้เป็นโรคผวา แต่สุดท้ายพระเอกก็คลายปมที่ว่าได้ในตอนจบ เราว่าคนผูกเรื่องค่อนข้างเจ๋งเลยแหละ ดาราก็หน้าตาดีทุกคน แสดงใช้ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ยักมีนางเอกแฮะ มีแต่พระเอก 555
หนังถ่ายทำได้ค่อยข้างดี ในสายตาเรานะ มุมกล้องสวย เค๊กน่ากินทุกชิ้นเลย ดูแล้วน้ำลายไหล หนังเรื่องนี้ ค่อนข้างยาว สองชั่วโมงนิดๆ ดูเพลินดี แต่ไม่มีนางเอกอ่ะ เพราะฉะนั้น เราก็เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เราให้ 6.9 ก็พอ
เรื่องย่อ : ในฐานะทายาทผู้สืบทอดมรดกของตระกูล จินฮุก (จูจีฮุน) มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเงิน รูปร่างหน้าตา เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล แต่สิ่งที่ จินฮุก ยังขาดอยู่ในยามนี้ก็คือการพบรักแท้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายขนมเค้กชื่อ แอนทีค ขึ้น เพราะเชื่อว่ามันคือที่ที่สาวๆ ให้ความสนใจที่สุด จินฮุก จ้างพนักงานอีกสามคนให้มาทำงานด้วยกันในร้านเค้กของเขา ได้แก่ ซุนวู (คิมแจอุก) คนทำขนมอบฝีมือดีซึ่งเคยปิ๊ง จินฮุก สมัยยังเรียนมัธยมปลาย กีบอม (ยูอาอิน) อดีตนักมวยระดับชนะเลิศ และสุดท้าย ซูยอง (ชอยจิโฮ) ผู้คุ้มกันแสนใสซื่อ จากนั้นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทั้งสี่ก็ทำให้ละแวกร้านเค้กของพวกเขาที่เคยเงียบเหงา กลับกลายเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ท่าทางภายนอกของสี่หนุ่มจะดูไร้กังวลและสุดแสนจะมีความสุข แต่พวกเขาแต่ละคนล้วนมีอดีตที่ยากจะลืมเลือนที่ตนไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ในไม่ช้า ความลับในอดีตของพวกเขาจะค่อยๆ เผยตัวออกมาอย่างช้าๆ
Synopsis : As an heir to the family fortune, Jin-Hyuk (Ju Ji-Hun) has money, the looks, the charm, everything except finding the love of his life. So he sets up a cake shop where women are sure to come.He hires Sun-Woo (Kim Jae-Wook), a talented patissier who had a crush on Jin-Hyuk back in high school. Along with an ex-boxing champion Gi-Beom (Yu A-In) and a clueless bodyguard Su-Young (Choi Ji-Ho), the four unique and handsome young men stir up the quiet neighborhood at their cake shop, Antique.Although seemingly careless and happy, each of the four men have unforgettable past that they are afraid to face, but their secrets slowly begin to unravel.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Thursday, April 16, 2009,4/16/2009 02:59:00 PM
Crank: High Voltage : แครงก์ คนคลั่ง ไฟแรงสูง
มาอักแล้ว หนังแนวเว่อร์สุดๆ ที่คนดูจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความมันส์ล้วนๆอย่างเดียว ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไร เวลวาดูหนังแอคชั่นแล้วก็อดเอาไปเปรียบเทียบกับ Fast ไม่ได้ สงสัยความมันส์ยังตราตรึงอยู่มั๊ง 5555 เรื่องนี้กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ามาดูรอบแรกสุดที่ เอสเอฟ บางกะปิ เช่นเคย พยายามมองหารอบที่เป็นดิจิตอลแล้ว ไม่มีรอบฉายอ่ะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ดูไปก็เปลืองเงิน 5555
อย่างที่บอกว่า หนัง ไร้สาระอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรจับต้องได้ซักกะนิด พระเอกใส่หัวใจปลอมที่ต้องชาร์จไฟเป็นระยะๆ ไฟก็ต้องไปหาตามท้องถนน เช่น เสาไฟฟ้ามั่ง ที่ช็อตโจรมั่ง โอ๊ยสารพัดที่คนแต่งจะนึกออก สุดท้ายฉากใหญ่ พระเอกต้องปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูง เอามือกอดหม้อแปลงเป็นหมื่นๆโวลท์เอาไว้ ( และนั่นเป็นที่มาของชื่อเรื่อง ) ปรากฏว่า พระเอกมีพลังแรงสูง ไฟลุกท่วมหัวท่วมหู ชกผู้ร้ายหมอบกระแตไปเลย ว่าไปนั่น
พระเอกคนนี้ หัวล้านได้ใจ สงสัยอีกหน่อย ดาราแอคชั่น ต้องหัวล้านหมดอเมริกา แวนดีเซลเอบ บรูซวิลลิสเอย ล้านกันหมดเลย ก็ดี อีกหน่อยเราล้าน จะได้มีเพื่อน 5555
รวมแล้ว หนังสั้นนะ ตามรอบฉายนึกว่าจบสองชั่วโมง ที่ไหนได้ ดูไปประมาณ ชั่วโมงนิดๆ หนังจบแล้ว ดีเหมือนกัน ดูไปแล้วก็เซ็ง เป็นหนังบู๊ที่ดูไปหัวเราะไปในความเว่อร์บ้าๆบอๆ นึกว่าดูหนังการ์ตูนช่องเก้าอยู่ อ้อ อีกอย่างนึง เรื่องมุขตลก เราว่า เรืองนี้ เด็กเล็กไม่ควรดูเลยนะ เพราะค่อนข้างโป๊ และเน้นมุมกล้องที่ซูมส่วนต่างๆของดารา เราว่า อาจจะไม่เหมาะกับสังคมไทยซักเท่าไหร่ ดาราเป็นนางเอกหนังโป๊ ก็คิดดูเอาเองแล้วกันว่า แต่งตัวยังไง เราให้ 5.7 นะ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
เรื่องย่อ : หลังจากมือปืนสุดเถื่อน เชฟ เชลิออส (เจสัน สเตแธม) ทิ้งดิ่งจากเฮลิคอปเตอร์ลงมานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสี่แยกใจกลางกรุงลอสแอนเจลิส กลุ่มอาชญากรชาวจีนก็เอาร่างยับเยินของเขายัดใส่ท้ายรถตู้ เมื่อ เชฟ ตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าเขาถูกผ่าตัดขโมยเอาหัวใจอันแข็งแรงออกไป และมีหัวใจเทียมอยู่ในตัวแทนที่ เชฟ อาละวาดแหลกและหนีรอดออกมาได้ ทว่าสถานการณ์เลวร้ายสุดขีด เมื่อ เชฟ รู้ว่าหัวใจเทียมนั้นมีอายุการใช้งานจำกัด ถ้าไม่ได้เติมพลังงานใส่แบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ แต่เขาดันทำเข็มขัดติดตั้งแบตเตอรี่หาย เชฟ เร่งรุดหน้าไปหา ด็อกเตอร์ ไมลส์ (ดไวต์ โยแคม) ให้ช่วยหาหนทางยื้อเวลาชีวิตของเขาออกไปให้ได้ เชฟ ต้องใช้ไฟฟ้าช็อตตัวเองอยู่เสมอ พร้อมกับออกไล่ล่าชิงหัวใจคืนมา โดยพา อีฟ (เอมี สมาร์ต) แฟนสาวของเขามาร่วมเสี่ยงตายด้วย ฝ่ายศัตรูตัวร้ายก็ดาหน้าเข้ามาไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มเม็กซิกัน เอล อูรอน (คลิฟตัน คอลลินส์ จูเนียร์) ที่มาพร้อมกลุ่มอาชญากร ลอส วาโตส และองค์กรลับจากแดนมังกร นำโดยชายชราปริศนาอายุร่วมร้อยปี ปุน ด็อง (เดวิด คาร์ราดีน)
Synopsis : After the hitman Chev Chelios (Jason Statham) falls from helicopter and hits the ground, he is kidnapped by a Chinese gangster. On an operating table, they remove his powerful heart and replace it with an electronic temporary one, Chev wakes up and fights to escape and heads off to Doc Miles (Dwight Yoakam), a doctor he knows.The heart operates through a wireless transfer of power from a battery pack around his waist, however the battery isn't going to last forever. So Chev must keep shocking himself with regular jolts of electricity to keep himself alive, and at the same time, chasing after the gang in attempt to retrieve his heart.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, April 15, 2009,4/15/2009 05:31:00 AM
Rahtree Reborn 3.1 : บุปผาราตรี 3.1
ออกจากโรง ไอแม็กซ์มา เห็นท่าไม่ดีเลย รถติดเต็มถนนไปหมดเลย เป็นบุญเหลือเกินที่เราได้บทเรียนจากเมื่อเช้า เราเลยเดินไปที่ท่าเรือประตูน้ำ เพื่อลงเรือไปที่เดอะมอลลบางกะปิ เพื่อไปดู บุปผาราตรีที่นั่น
เราใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง เร็วสุดๆเลย ระหว่างนั่งเรือ เราก็ฟังข่าวจากเอ็มพีวสามไปด้วย ทำให้รู้ว่า การจราจรเป็นอัมพาตจริงๆ เราเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะจากภาพที่เราเห็นที่ประตูน้ำตอนก่อนเดินทางนั้น น่ากลัวจริงๆ รถไม่ขยับเลย ตั้งแต่เราเดินออกจากพารากอน พูดแล้วสยอง
เราตีตั๋วดูบุปผาราตรี ก็ได้เห็นว่า แทบไม่มีที่ว่างเหลือเลย สุดยอด เป็นหนังไทยที่คนดูเยอะมากๆ ถ้าไม่นับก้านกล้วยเมื่อเร็วๆนี้ เรื่องนี้ก็นับได้ว่า มาแรงมากๆ
หนังทำได้น่ากลัว และตลกในเวลาเดียวกัน ดูเพลินตลอดเรื่องเราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเป็น 3.1 ในตอนแรก แต่ดูจนจบก็เพิ่งถึงบางอ้อ ว่า มันเป็นภาคสามที่ยาวมาก จนต้องทำสองตอนจบ ( หรือว่า สามตอนก็ไม่ทราบได้ ) อยากบอกว่า หนังดูสนุกจริงๆ พอๆกับสองภาคแรก แต่ตอนนี้เป็นตอนที่ผีไปเกิดใหม่เป็นเด็ก แต่ก็ตายอีก สรุป ผีเลยมีสองร่าง ทั้งพลอย และ ผีเด็ก เออ เอากันเข้าไป
ผีออกแบบหน้าตาได้น่ากลัวดีเหลือเกิน ปากฉีก กรามหัก ถือมีดโกนคอยฆ่าคน สุดยอดมากๆ ที่ชอบก็น่าจะเป็นบทตลกที่ตัวแสดงทุกตัวแสดง มาริโอ้เล่นแข็งไปนิด แต่ก็ให้อภัยเพราะเป็นเด็กใหม่ เราว่าเรื่องนี้ น้องเค้าดูตัวใหญ่ขึ้นนะ ไม่รู้ไปเล่นกล้ามมาหรือว่าอ้วนก็ไม่รู้ 5555
รวมๆแล้ว หนังสนุกดี หัวเราะแทบทุกฉาก แต่ก็ไม่ทิ้งกลิ่นอายของหนังผี ที่มีผีที่น่ากลัวมากๆๆๆ ขนาดหนังจบแล้วยังไม่รู้ตัวเลยว่าหนังจบ เรายังนึกว่ายังไม่จบซะอีก เอล่ะ ดูภาคหน้าก็ภาคหน้า นี่ถ้าเป็นเรื่องอื่น เราคงด่าไปแล้ว แต่เรื่องนี้ โอเค ให้อภัย เพราะสนุกดี แต่ยังไงซะ หนังไมค่อยลงทุนเท่าไหร่เลย นี่แหละ หนังไทยของแท้ล่ะ มีทุกรส แต่ไม่ลงทุน เอาเป็นว่าเอาไป 8.4 นะ
เนื้อเรื่องย่อ : เจ๊สาม (ฉันทนา กิติยพันธ์) พี่สาวของ เจ๊สี่ ที่เสียชีวิตไปแล้ว จัดการปรับปรุงหอพัก ออสการ์อพาร์ตเมนต์ ขึ้นใหม่ ให้กลายเป็นออสการ์อพาร์ตเมนต์ยุครีโนเวต พร้อมเปิดชั้น 3 ให้เป็นบ่อนพนันเถื่อนแบบลับๆ หรั่ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) หนุ่มนักวาดการ์ตูนเรื่องผีๆ ที่สามารถมองเห็นผีได้จริง ย้ายเข้ามาอยู่ที่ออสการ์อพาร์ตเมนต์ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง เพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็มีโอกาสได้พบกับ บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) หญิงสาวที่พักห้อง 609 เขารู้สึกเหมือนเธอเป็นรักแรก (ข้ามรุ่น) ของเขา คงเป็นด้วยความรักบังตา หรั่ง จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวที่เขาหลงรัก แท้จริงแล้วเป็นผีสาวเฮี้ยนรักที่เขาต้องพึงระวังไม่เฉียดกรายเข้าใกล้จะดีกว่า ทันที่ที่เขาก้าวเข้าสู่ห้อง 609 บุพเพสันนิวาสของ หรั่ง มันกลับกลายเป็น บุปผาอาละวาด ไปซะอย่างนั้น เสียงกรีดร้องของ บุปผา ผีสาวตัวแม่ดังโหยหวนขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และแล้วเหตุการณ์เฮี้ยนขั้นเทพ โหดสยองนองเลือด เชือดไม่เลือกหน้า ก็ถูกบรรเลงขึ้นชุดใหญ่ ไล่ตั้งแต่ห้อง 609 จนแตกตื่นไปทั่วทั้งออสการ์อพาร์ตเมนต์อีกครั้งหนึ่งSynopsis : Rahtree Reborn, a sequel to Yuthalert Sipapak’s famous horror Bup Pha Rahtree and Rahtree Returns, set in the same apartment where the haunting story has been told. Surrounded by tranquility of the apartment, a horrible spirit in the room 609 is lurking, and going to be awaken. This time the terrors are triplex. It is time for Oscar apartment to renovate after the death of the former owner. Now, it's Jai Sam who takes over the whole business and stealthily turns the third floor into an illegal casino. Meanwhile, Rung, a handsome guy who has a job as horror cartoonist moves in for a personal reason. As Rung has a supernatural ability to see ghost, he finally meets Buppha, a mysterious girl who lives in the room 609. Soon, He falls in love with her. When love is blind, Rung isn't aware that his crush indeed is the haunting and dangerous spirit that he needs to avoid. But he is too late when his sweet dream turns to nightmare as Buppha is now on the rage again. And the bloody horror love story begins.....

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/15/2009 05:28:00 AM
Monsters vs. Aliens : มอนสเตอร์ปะทะเอเลี่ยนส์
จำได้ว่าเมื่อประมาณซัก สองปีก่อน ประทับใจมากกับการดูหนังสามมิติที่โรงไอแม็กซ์ ก้เรื่อง Beowulf ไง สนุกทั้งเนื้อเรื่องและเทคนิก ทั้งภาพ พูดง่ายๆดีไปหมด ดูแล้วอบากดูอีก แต่สุดท้ายก็ดูได้แค่รอบเดียวเพราะไม่มีเวลา คราวนี้ ด้วยความบังเอิญ รู้มาว่า หนังเรื่องนี้ ฉายในระบบสามมิติที่โรงนี้ด้วย แล้วอย่างนี้มีเหรอที่เราจะพลาด
ด้วยความสบสยอกสบายใจ เราก็เลยออกจากบ้านซัก เก้าโมงเช้า คิดว่านั่งรถเมล์ไปที่ พารากอนไม่น่าเกินชั่วโมงครึ่ง เราก็ตีตั๋วดูรอบแรกตอน สิบเอ็ดโมงได้ทันพอดี ที่ไหนได้ รถเมลล์ติดมากๆ ได้ข่าวว่าพวกเสื้อแดงออกมาปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัด เราเดินทางไปถึงที่สยามตอน สิบเอ็ดโมงกว่า ไม่ทันแล้วก็ไม่เป็นไร ดูรอบบ่ายโมงก็ได้ ดีซะอีก เราจะได้ไปกินข้าวที่ เวิลดิ์เทรดก่อน วันนี้อยากกินอาหารอีสานกับขนมเค๊ก ดีดี ว่าแล้วเราก็รีบไปตีตั๋วก่อน ดีใจจังได้ที่นั่งเป็นคนแรกของรอบเลย เราเลือกที่ที่คิดว่สาดีที่สุด วันนี้ตั๋วแพงมาก ใบละ สามร้อย แต่เราใช้บัตร กรุงศรีลดได้อีกห้าสิบบาทเหลือ สองร้อยห้าสิบบาท เวลาเหลือบานเลย เราเดินไปกินข้าวที่ เวิลดิ์อย่างที่ตั้งใจไว้ดีกว่า
เราขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นเจ็ด ชั้นเดียวกับ เอสเอฟ แล้วก็เดินไปดู โปรโมชั่นหนังนิดหน่อยที่ โรงหนังด้วย ไปดูราคาตั๋ว เอเลี่ยนสามมิติ ปรากฏว่า ราคาเกือบเท่ากันเลย คือ สองร้อยสิบบาท โชคดีแล้วล่ะ ที่เราเลือกดูที่ ไอแม็กซ์ เพราะอลังการกว่ากันเยอะเลย ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว เราก็เดินเลยไปนิดนึงที่ร้าน คำพูน ติดกับ เอสเอฟเลย บรรยากาศเหมือนหลงเข้าไปในบ้านนอก โอเคเลยแหละ เราสั่ง สมตำไทย กับ ไกย่างข้าวเหนียวทอด แล้วก็น้ำตะไคร้ แก้วนึง ส้มตำอร่อยมาก กลมกล่อมกำลังดี ไก่ย่างกับข้าวเหนี่ยวทอดก็อร่อย เสียสองอย่างคือ น้ำตะไคร้แก้วเล็กมากๆ เรากินอึกเดียวก็เกือบหมด อีกอย่างคือ ราคาแพงโคตร เชื่อมั๊ยที่เรากินเข้าไปนั่นสองร้อยบาทนะขอรับ แต่ก็อิ่มพอดีๆ ช่วงนี้ไม่อยากกินเยอะ เดี๋ยวอึดอัด แต่เรายังมีขนมเค้กที่เราอยากกินอีก เราเดินไปทางด้านเซน ไปเจอร้าน Something Sweet เป็นร้านเค้กกลางแจ้ง ( ในห้องแอร์อะน่ะ 555 ) น่านั่งดีจัง แต่ถ้าขืนเรานั่งกิน สงสัยไปดูหนังไม่ทัน เอาเป็นว่า เราซื้อไปกินข้างนอกดีกว่า เราเลือก ทีรามิสุ สตรอเบอรี่ กับ เค้ก แมคคาเดมีย อร่อยโคตร แต่ราคาก็แพงโคตรด้วย สองชิ้น สองร้อยบาทถ้วน ด้วยราคาที่เรากินสองร้านนี้ ปาเข้าไปสี่ร้อย เราว่า คราวหน้าถ้าเราอยากเสียเงินขนาดนี้ เราสู้ไปกิน บุฟเฟต์ที่โรงแรมหรุๆได้เลยนะเนี่ย แถมมีตังค์ทอนอีกต่างหาก
วันนี้เอ็นจอย อิททิ้ง มากไปนิด กระเป๋าฉีกเลย กลับไปดูหนังดีกว่า ได้เวลาพอดีพอดิบ เหลือเชื่อมากๆ คนดูเป็นร้อยเลย แต่ว่าไม่ได้ วันแรกนี่นะ ที่เราอยากบ่นดังๆ ก็คือ คนแขกสองคนที่นั่งติดกับเรา คือ ตลอดทั้งเรื่องมันพูดตลอดไม่หยุดทั้งผู้หญิผู้ชาย สงสัย วัฒนธรรมประเทศมันไม่ได้สั่งไม่ได้อนให้รู้จักมีมารยาทในการอยู่ในที่ชุมชน ถึงแม้ไม่ได้พูดเสียงดังก็เหอะ แต่ก็น่ารำคาญไม่น้อย ผู้หญิงก็ถามเป็นภาษาอังกฤษตลอดเรื่อง ไอ้ผู้ชายก็อธิบายพร้อมสอดแทรกความเห็นไปตลอดเรื่อง เหมือนกับเรานั่งดูกับนักวิจารร์หนังอยู่ ซึ่งเราไม่ต้องการมากๆ น่าเบื่อและน่ารำคาญอย่างสุดซึ้ง เลยพาลทำให้อรรถรสในการดูหนังไม่สนุกไปด้วย แต่หนังก็ไม่นุกจริงๆ ตัวการ์ตูนทุกอย่างยกเว้นที่เป็นคนน่ารักมากกก แต่พอวาดคน หน้าตาไม่น่ารักเลย ไม่สวยอย่างที่คิด เนื้อเรื่องโอเค เราชอบคติที่เรื่องนี้ให้ คือ เราสามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้โดยไม่ต้องง้อใคร เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ว่า เราแข็งแกร่งกว่าที่คนอื่น หรือตัวเราเองคิดเอาไว้
ออกจากโรงด้วยความเสียดายเงิน โดยรวมแล้วหนังงั้นๆ ไม่มีอะไรประทับใจซักเท่าไหร่ คนดูก็ไม่มีมารยาท ( เริ้มพาลแล้ว 5555 ) แต่เรื่องสามมิติ มันก็เด้งออกมาจริงๆนั่นแหละ ไม่รู้ภาพรวมแล้ว ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ เราให้ 6.3 ล่ะ
เรื่องย่อ : เมื่อสาวแคลิฟอร์เนีย ซูซาน เมอร์ฟีย์ (รีส วิตเธอร์สปูน) ถูกสะเก็ดดาวที่เต็มไปด้วยสารเหนียวข้นจากนอกอวกาศพุ่งเข้าชนในวันแต่งงาน ร่างกายของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นจนเธอมีส่วนสูงถึง 49 ฟุต 11 นิ้ว กองทัพของรัฐบาลระบุว่า ซูซาน เป็น มอนสเตอร์ ตัวใหม่ จึงจับตัวเธอไปกักขังในฐานปฏิบัติการลับ รัฐบาลขนานนามให้ ซูซาน ใหม่ว่า ไจนอร์มิกา เธอต้องอาศัยอยู่ร่วมกับตัวประหลาดอื่นๆ อันประกอบไปด้วย นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองผิดพลาดจนมีหัวเป็นแมลงสาบ ด็อกเตอร์ ค็อกโรช พีเอช. ดี. (ฮิวจ์ ลอรี) ครึ่งลิงครึ่งปลาจากยุคดึกดำบรรพ์ เดอะ มิสซิง ลิงก์ (วิลล์ อาร์เนตต์) ก้อนเจลาตินยืดได้หดได้ บ็อบ (เซธ โรเกน) และหนอนน้อยขนาดยักษ์ อินเซ็กโตซอว์รัส เมื่อพวก เอเลี่ยน ส่งตัว แกลแลกซาร์ (เรนน์ วิลสัน) มาปฏิบัติการยึดครองโลก โดยเริ่มจากโจมตีประเทศอเมริกา นายพล ดับเบิลยู. อาร์. มอนเกอร์ (คีเฟอร์ ซัตเธอร์แลนด์) เกลี้ยกล่อมให้ท่านประธานาธิบดี (สตีเวน โคลแบรต์) ขอความช่วยเหลือจากเหล่ามอนสเตอร์ ซูซาน และผองเพื่อนจึงต้องออกมาต่อสู้กับพวกมนุษย์ต่างดาว และช่วยโลกให้รอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้
Synopsis : When California resident Susan Murphy (Reese Witherspoon) grows to 49 ft 11 in (because of being hit by a meteor while being late for her wedding), she is labelled a monster and captured by the military. She is remanded to an institution that houses other monsters: Dr. Cockroach, Ph.D., an insect-headed mad scientist (Hugh Laurie), the Missing Link, a 20,000-year-old fish-man (Will Arnett), B.O.B., a gelatin-like, jolly, indestructible monster (Seth Rogen) and Insectosaurus, a fuzzy bug that stands at 350 feet tall. When a UFO lands and an alien overlord named Gallaxhar (Rainn Wilson) demands that Earth be given to them, General W.R. Monger (Kiefer Sutherland) suggests to the President (Stephen Colbert) that the monsters can provide the firepower to defeat the aliens.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,4/15/2009 05:24:00 AM
Race to Witch Mountain : ผจญภัยฝ่าหุบเขามรณะ
ไอ้ความรู้สึกที่ว่า เวลาเราดูหนังที่มันมาตรฐานสูงมากๆเข้า แล้วพอกลับมาดูหนังที่มันทำได้แย่กว่านี่ มันรับไม่ค่อยได้เลย มันกำลังเกิดขึ้นกับตัวเราตอนนี้
ด้วยสัมผัสที่หกของเรา ทำให้เรารู้ได้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะต้องห่วย จริงๆแล้ว ไม่ใช่ประสาทสัมผัสที่หก ที่ห้า บ้าบออะไรหรอก เราดูจากวิธีการโปรโมทหนัง หรือ จำนวนโรงที่เข้าฉายเราก็รู้แล้ว ว่าเข้าข่ายต้องสงสัยว่า ห่วยแหงๆ แล้วเราก็ทายถูกจริงๆด้วย 5555
เรามาดูที่โรง เอสเอฟ บางกะปิ เหมือนเคย แต่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า มีคนดูตั้งเกือบครึ่งโรง นี่ขนาดรอบแรกนะเนี่ย แต่เป็นรอบแรกของวันที่ฉายไปแล้วประมาณ ห้าหกวัน เราไม่ได้ตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะอ่านดูเนื้อเรื่องย่อแล้ว รู้สึกว่างั้นๆ ไม่โดนเท่าไหร่เลยมาดูตอนที่ซาโรงไปแล้วเนี่ยไง
หนังออกแนวเด็กๆ ตามสไตล์ของวอลท์ดิสนีย์ ฉากแอคชั่นต่างๆ ดูหน่อมแน้มมากๆ สงสัยเราจะดู ฟาสท์แอนด์เดอะฟิวเรียส มากๆไปหน่อย 555 พอมาดูเรื่องนี้เลยกลายเป็นดูหนังเด็กไปเลย
เรื่องนี้ เด่นอยู่ที่เด็กผู้หญิงที่เล่นเป็นมนุษย์ต่างดาวมากๆ จำได้ว่าเธอเคยแสดงเป็นนางเอกเรื่อง The bridge to terabithia เพราะหน้าตาโดดเด่น สวยสะดุดตาสะดุดใจเหลือเกิน เราว่านะ อีกหน่อยเธอจะต้องดังระเบิดแน่ๆ เกิดมาไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนสวยขนาดนี้
ฉากต่างๆที่ปรากฏในหนัง ดูเหมือนกำลังดูทีวีอยู่ มีความสมจริงน้อยกว่า หนังในแนวเดียวกันที่สร้างโดยบริษัทอื่นๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะประหยัดงบไปถึงไหน เลยทำให้หนังออกมาดูโหลยโท่ยมากๆ ไม่สมกับเป็นวอลท์ดิสนีย์เลย ค่อนข้างผิดหวัง กำลังนั่งนึกอยู่ว่า มีฉากไหนที่สะดุดตา ก็นึกออกฉากเดียว คือฉากที่เด็กผู้ชายผลุบออกมาจากรถแท็กซี่ แล้วออกมากั้นรถโฟร์วีล จนรถชนเด็กแต่รถกลับเละ เด็กไม่เป็นอะไร ฉากนี้เราว่าทำได้ดี โดยอาศัยมุมกล้องแบบเดอะ แมททริกซ์ ทำภาพช้ารอบตัว 360 องศาอ่ะ แต่ถึงขนาดนั้น ก้อยังดูก๊องแก๊งอยู่ดี
สรุป ค่อนข้างผิดหวังมั่กๆ ไม่มีอะไรดีเลย เนื้อเรื่องก็งั้นๆ จะมีดี ก็น้องผู้หญิงมนุษย์ต่างดาวสุดสวยคนเดียว ที่เป็ฯแม่เหล็ก ที่เหลือเราว่าห่วยตลอดเรื่อง ไม่เคยนึกว่า หนังของวอลท์ดิสนีย์ในปี 2009 จะทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานขนาดนี้ เอาเป็นว่าสอบตกก็ละกันนะ เราให้ 4.7
เรื่องย่อ : เป็นเวลาหลายปีที่เรื่องราวของสถานที่ลึกลับใจกลางทะเลทรายเนวาดาอันแห้งแล้งได้ถูกกล่าวขวัญถึง เรื่องราวของปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้และเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้สถานที่นี้ถูกขนานนามว่า หุบเขามรณะ คนขับรถแท็กซี่จากลาสเวกัส แจ็ก บรูโน (ดเวย์น จอห์นสัน) ได้รับผู้โดยสารสองพี่น้องวัยรุ่นขึ้นมาบนรถ โดยที่ไม่รู้ว่า ซารา (แอนนาโซเฟีย รอบบ์) และ เซธ (อเล็กซานเดอร์ ลุดวิก) ไม่ใช่วัยรุ่นธรรมดา พวกเขามีอำนาจพิเศษเหนือธรรมชาติ และกำลังจะพา แจ็ก ไปพบกับการผจญภัยสุดระห่ำ เมื่อพวกเขารู้ว่าหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกได้คือต้องไขปริศนาในหุบเขามรณะ การปฏิบัติภารกิจครั้งใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีหลายองค์กรเข้ามาขัดขวาง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ผู้มีอิทธิพลมืด และแม้กระทั่งผู้มาเยือนจากต่างดาว
Synopsis : For years, stories have circulated about a secret place in the middle of the Nevada desert, known for unexplained phenomena and strange sightings. It is called Witch Mountain. When a Las Vegas cab driver Jack Bruno (Dwayne Johnson) finds two teens with supernatural powers Sara (AnnaSophia Robb) and Seth (Alexander Ludwig) in his cab, he suddenly finds himself in the middle of an adventure he can't explain. When they discover that the only chance to save the world lies in unraveling the secrets of Witch Mountain, the race begins, as the government, mobsters and even extraterrestrials try to stop them

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Tuesday, April 7, 2009,4/07/2009 04:04:00 PM
Fast & Furious 4 : เร็ว...แรงทะลุนรก 4: ยกทีมซิ่ง แรงทะลุไมล์
ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้ว่ามาดูหนังเรื่องนี้ ที่ SF บางกะปิ ก็แถวนี้ มันมีโรงที่เป็นดิจิตอลแค่โรงเดียว อาทิตย์นี้ ก็เหลือเรื่องนี้แหละที่ยังไม่ได้ดู ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปเราก็จะเริ่มแผนลดการดูหนังตามความตั้งใจของเราแล้ว จากเดิมที่เคยดูหนังอาทิตย์ละ สามสึ่เรื่อง ก็อาจจะไม่ได้ดูแล้วอาจเหลือสัก หนึ่งถึงสองเรื่องก่อน แหม ก็คนมันชอบ จะลดเป็นศูนย์ทีเดียว คงลงแดงตายก่อน 55555
หนังเรื่องนี้ เราก็เดาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เป็นหนังที่ไม่เน้นสาระเท่าไหร่ ก็เลยตั้งใจมาดูเอามันส์อย่างเดียว แล้วก็สมใจ เพราะหนังมันส์ทุกฉาก แทบไม่ต้องพูดจากันเลย มาถึงก็เป็นฉากขโมยรถขนน้ำมัน ก็ไม่รู้คนแต่งเรื่องใช้อะไรคิด โคตรเก่ง แค่ฉากนี้ก็มันส์สะเด็ดแล้ว ยิ่งใหญ่ และสนุกมากๆ
อีกฉากก็เป็นฉากบู๊ ที่พระเอกไล่จับผู้ร้ายใน แอลเอ ก็เป็นฉากเดียวกันกับที่เห็นใน โฆษณา ที่กระโดดจับกันบนหลังคาตึก อันนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความเก่งของ พอล วอล์กเกอร์ แต่เชื่อมั๊ย เราว่า เค้าไม่ได้แสดงเองหรอก คงใช้แสตนอินตามระเบียบ 555 อีกฉากก็เป็นฉากจบที่โคตรมันส์ เฮ้ย มีการขับรถแข่งกับในถ้ำเว้ย โคตรเว่อร์เลย ขับธรรมดาก็แย่แล้ว นี่ช่องนิดเดียว ความกว้างเท่ารถพอดี ยังสามารถเหยียบเกือบ200ได้ สุดยอด แต่ก็อ่ะนะ หนังโม๊ ดูเอามันส์ก็เงี๊ย
สรุป ให้คะแนนความบ้าระห่ำ เต็มสิบเลย แต่ เนื้อหาสาระก็งั้นๆ แต่ก็ผูกเรื่องได้น่าดูนะ มาดูเอามันส์ก็ถือว่าสมใจวัยโจ๋เลย เรื่องนี้ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง หนังมันส์มากๆ แต่เราคงไม่ให้เต็มเพราะไม่ใช่แนวที่ชอบสักเท่าไหร่ แต่ยังไงเราก็ถือว่าเป็นหนังดีเรื่องนึง เราให้ 8.8 นะ
เรื่องย่อ : เมื่ออาชญากรรมนำพวกเขากลับสู่แอลเออีกครั้ง เพลิงแค้นระหว่าง ดอม ทอเร็ตโต (วิน ดีเซล) อดีตนักโทษหลบหนี และเจ้าหน้าที่ ไบรอัน โอคอนเนอร์ (พอล วอล์กเกอร์) ก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แต่เมื่อพวกเขาถูกบีบให้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร่วมกัน ทั้ง ดอม และ ไบรอัน ต่างก็ต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันขึ้นมาใหม่ บนถนนของนักซิ่งในเม็กซิโก ไบรอัน พยายามไล่ตามจับพ่อค้าเฮโรอีนที่ชื่อ บรากา ตามข้อต่อรองที่เขาทำกับตำรวจ เพื่อให้ ดอม รอดพ้นจากปัญหายุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น จากการปล้นรถคุ้มกันไปสู่อุโมงค์ที่โยงใยไปทั่วโลก ดอม และ ไบรอัน จะได้พบหนทางแก้แค้นที่ดีที่สุด นั่นคือการผลักดันขีดจำกัดของความเป็นไปได้เบื้องหลังพวงมาลัย
Synopsis : When a crime brings them back to L.A., fugitive ex-con Dom Toretto (Vin Diesel) reignites his feud with agent Brian O'Conner (Paul Walker). But as they are forced to confront a shared enemy, Dom and Brian must give in to an uncertain new trust if they hope to outmaneuver him.In Mexico in the street racing circuits, Brian is trying to catch a heroin importer called Braga to get a better deal from the authorities for Dom. From convoy heists to precision tunnel crawls across international lines, two men will find the best way to get revenge: push the limits of what's possible behind the wheel.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Saturday, April 4, 2009,4/04/2009 06:20:00 PM
Sassy Player : แต๋วเตะตีนระเบิด
นี่ถ้าไม่ติดว่า ช่วงนี้ ไม่ค่อยมีหนังเข้านะ เราคงไม่มาดูเรื่องนี้หรอก เพราะ พจน์อานนท์ ทำหนังได้ห่วยแตกมาตลอด ดูมาหลายปีแล้ว ก็จริงแต่ความห่วยยังคงที่ มีอย่างเดียวที่ดี คือ เรื่องการถ่ายภาพ อยากรู้จังเลยว่าใครเป็นคนเขียนบทหนัง เขียนได้น้ำเน่าดีจริงๆ เราว่าไม่ถึงขั้นเป้นหนังนะ น่าจะเป็นแค่ละครสั้นจอแก้วก็พอ ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวหาว่าไม่รักคนไทยด้วยกัน 5555
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลย นี่ถ้าไม่มี ตุ๊กกี้ ก็ไม่รู้เรื่องนี้จะมาดูอะไร ปกติ เราเชียร์ ตุ๊กกี้อยู่แล้ว เพราะดูแล้วบ้าๆ ตลกดี ตามมาตั้งแต่ตลกหกฉาก ดูมาตลอดเลย นี่ก็ว่าจะตามดูไปทุกเรื่องเลย เริ่มตั้งแต่เรื่องนี้ก่อน ซึ่งเธอกก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย ตลกมากๆ ฉากไหนมีตุ๊กกี้ ฉากนั้น ฮาตรึม 5555 พูดแล้วยังอดขำไม่ได้
อ้ออีกเรื่องที่ต้องชม คือ ดาราวัยรุ่น ในเรื่องหน้าตาสวยๆ หล่อๆ ทุกคน ก็สมแล้วที่เป็นพจน์อานนเพราะเป็นแมวมองอยู่แล้ว แต่เล่นแข็งไปหน่อย ใจจริงเราก็ว่าคนถ่ายภาพของทีมงานพจน์ ค่อนข้าง โอเค นะ แต่มาเรื่องนี้ มีอยู่ฉากนึงตอนที่ เด็กวัยรุ่นเข้าไปคุยปรับความเข้าใจในโรงยิมน่ะ ไอ้มุมกล้องที่ทำแบบหมุนๆน่ะ เวียนหัวมากๆ คนดูด่ากันทั้โรง เพราะหมุนเร็วเกิน แถมนานอีกต่างหาก เราดูแล้วเหมือนจะเมารถ แย่มากๆเลย ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่ายเร็วขนาดนั้น
สรุป รวมๆแล้วก็ตลกใช้ได้ เสียอย่างเดียว เนื้อเรื่องกับมุมกล้องที่เล่าให้ฟังนั่น ทำเสียอารมณ์ไปหน่อย ดาราหน้าตาโอเค แต่ฝีมือยังต้องปรับปรุงอีกนิด ถือว่าสอบผ่านในความรู้สึกเรา แต่อยากให้ดีกว่านี้อีก หน่อย เอาเป็นว่าเราให้ 7.1 ก็แล้วกัน
เรื่องย่อ : โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ต้องการตั้งทีมฟุตบอลชายขึ้นมากับเขาบ้าง จึงเปิดรับนักเรียนชายเข้ามาเรียนเป็นปีแรก และเตรียมส่งทีมฟุตบอลชายทีมแรกลงแข่งขันฟุตบอลมัธยมศึกษาชิงชนะเลิศระดับประเทศ แต่เรื่องราวกลับวุ่นวายกว่าที่คิด เมื่อทั้งโรงเรียนมีนักเรียนชายสมัครเข้ามาเพียงแค่ 16 คน แถมมีแต๋วอยู่ในทีมอีกถึง 7 คน อั๋น (พีรวิชญ์ บุนนาค) เป็นกัปตันผู้เป็นความหวังของทีม เพราะมีพ่อเป็นถึงอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ แต่ อั๋น กับ เจต (เจษฎ์พิพัฒน์ ติละพรพัฒน์ ) เพื่อนร่วมทีม ดันแอบชอบผู้หญิงคนเดียวกันคือ มายด์ (ณภศศิ สุรวรรณ) แล้ว อั๋น ยังต้องคอยดูแล ไอซ์ (วราภัทร์ เพชรสถิต) เพื่อนสนิทที่ร่างกายอ่อนแอ จนเป็นเหตุให้เพื่อนๆ และ แม่ปุ้ย (พิมลวรรณ ศุภยางค์) แม่ของ ไอซ์ เข้าใจผิดว่า อั๋น กับ ไอซ์ คบหากันเกินเพื่อน ส่วน ภู (ภูตะวัน เตชชาติวนิช) สมาชิกอีกคนหนึ่งของทีมก็ไปหลงรักรุ่นพี่ชื่อ เชอร์รี่ (ชาวดี เชอร์ม๊อค) ดาวโรงเรียนที่อยู่ทีมเชียร์ลีดเดอร์ แต่ เชอร์รี่ กลับปันใจให้กับนักฟุตบอลต่างโรงเรียนที่เป็นถึงทีมแชมป์เก่า จน ภู ไม่เป็นอันซ้อมบอล แต่แม้จะมีอุปสรรคมากมาย นักกีฬาทุกคนก็หันมาผนึกกำลังกันเต็มที่ เพื่อเอาชนะคู่แข่งหัวใจและเพื่อลบคำสบประมาทที่ว่าเพศที่สามไม่มีทางเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้ เด็กๆ จะต้องฝ่าฟันการฝึกซ้อมที่แปลกประหลาดและหนักหน่วงของครูสอนคหกรรม ครูตุ๊กกี้ (สุดารัตน์ บุตรพรหม) และอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ ที่มาร่วมใจกันเข็นเด็กๆ อ่อนหัดทั้งสนามซ้อมและสนามรักให้กลายเป็นนักฟุตบอลระดับแนวหน้า และเหนือสิ่งอื่นใดคือทำให้เด็กๆ เข้าใจว่า การเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ใช่แค่การเอาชนะ แต่ยังมีความหมายที่มากกว่านั้น
Synopsis : A girl school in town plans to found male football team, so it's the first year that the school allows boys to enroll. But, there're only 16 boys who come for the admission and 7 of them turn out to be transsexual. Anyway, as the big final match is going to start soon, the boys are the only hope to reach for the champion. They're put into a tough, and unusual training by former professional football players, and teacher Dooky, a domestic science teacher turns to football coach. This is a great opportunity for the boys to prove their spirit and potentiality.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments