Tuesday, June 24, 2008,6/24/2008 04:51:00 PM
Kurosaki : คุโรซากิ ปล้นอัจฉริยะ

ไปตะลุยดูหนังต่อ ที่ เมเจอร์ รัชโยธิน ต่อดีกว่า เราเลือกดูเรื่องนี้ที่นี่ เพราะว่ามีโรงฉายจำกัด เป็นโรงหมายเลข9 ซึ่งเป็นโรงขนาดเล็ก เราเลือกนั่งตรงกลางแถวเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า เราต้องไปก่อนเวลาเผื่อว่า คนที่มานั่งก่อนจะได้ไม่ต้องขยับตัวให้เราเดินเข้า มาเร็วอย่างนี้สบายใจดี
เรามาถึงหน้าโรงเห็นเด็กนักเรียนสาวๆ มาก่อนเราแล้ว กลุ่มไม่เล็กไม่ใหญ่ประมาณ 6-7 คน เรายืนรอสักพักประตูก็เปิดให้เข้าไปนั่งได้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนดูตั้งเกือบ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง 80% มีคนสูงอายุด้วยนะ ( ก็เราไง 5555 พูดเล่น) พอหนังเริ่มฉายเราถึงได้รู้ว่า ทำไม ถึงมีนักเรียนสาวๆตรึมขนาดนั้น อ้าว ก็พระเอก หล่อน่ารักซะขนาดนั้น เราว่า หน้าตาเหมือนเฉินเสี่ยวตงนะ (ตอนหนังเลิก เราไปยินหน้ากระจก เอ๊ะ เราว่าหน้าเราก็เหมือนKurosaki เหมือนกันะ 555 อ๊วก )
เนื้อเรื่องเป็นแนว โรบินฮูด แบบญี่ปุ่นอ่ะ แบบว่า มีแก็งต้มตุ๋นชาวบ้านอยู่แก๊งนึง หลอกเอาตังชาวบ้าน โดยการเปิดบริษัท พอมีคนมาลงทุนก็ปิดบริษัท หนีอะไรประมาณนั้น ทีนี้พระเอกก็ไปหลอกเอาตังค์พวกผู้ร้ายมาคืนคนดีที่เดือดร้อนต้องใช้เงินไง อะไรทำนองนี้แหละ
เราร้สึกว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นหนังสือการ์ตูนมาก่อนนะ มาแนวเดียวกันกับ Death Note อ่ะ พอหนังสือดังก็เอามาสร้างเป็นหนัง ( เราเดาเอานะ จากการที่เนื้อเรื่องดำเนินเร็วมาก ฉับๆๆๆ เลย ถ้าคนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน จะดูรู้เรื่องหรือวะ ซึ่งเราเองแหละ เป็นหนึ่งในนั้นด้วยงงๆเล็กน้อย ) แต่พอจะเข้าใจว่าใครตัวดีตัวร้าย อ่ะนะ ไม่ถึงกับไม่รู้เรื่องเลย
หนังโชว์ พระเอกมาก บทเด่นมาก แทบไม่มีฉากไหนไม่เห็นหน้าพระเอกเลย เห็นหน้าอ่อนๆแบบนี้ ฝีมือไม่ใช่ขี้ๆเลยนะ แสดงใช้ได้เลยล่ะ จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเล่นเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า แต่หน้าแกค่อนข้างจะนิ่งๆทั้งเรื่อง ก็ดีแล้วล่ะ เพราะมีตอนหนึ่งยิ้มด้วย ( ตอนนึงจริงๆ ) ฟันงี้ดำเชียว ดีแล้วล่ะที่ไม่ยิ้ม
เนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน สารภาพตามตรงเลยว่า บางตอนตามไม่ค่อยทัน ไม่รู้มันซ้อนแผนอะไรยังไง แต่เอาเป็นว่า สุดท้ายพระเอกก็ชนะ ได้เงินมาให้พวกคนไม่มีตังค์ไปตามระเบียบ ดูเหมือนตอนจบจะทิ้งท้ายไว้ต่อภาค 2 อีกต่างหาก
สรุป ถ้าคนชอบพระเอกแนวผอมๆ หน้าอ่อนๆ ทรงผมแนว J-Pop หรือ K-Pop ก็ต้องชอบเรื่องนี้แน่ๆ เนื้อเรื่องเป็นแนวซ้อนแผน ต้องใช้สมองดูนิดนึง ซึ่งเราไม่ใช่แนวนี้ ไม่ชอบแบบคิดมาก แต่เราไม่ค่อยชอบวิธีถ่ายภาพที่ถ่ายเจาะแต่หน้าคน เราว่ามนเจาะแต่เฉพาะหน้าบ่อยเกินไป เราอยากเห็นอย่างอื่นบ้างนอกจากหน้า เนื้อเรื่องหรือก็โอเคนะ ดูเพลินๆ ไม่หนักเท่าไหร่หรอก แค่เราไม่ค่อยเข้าใจเท่านั้นเอง 555 เราก้เลยอยากให้คะแนนซัก 7.2/10 ก็น่าจะพอนะ ให้ซื้อเก็บคงขอคิดดูก่อนอ่ะ

เนื้อเรื่องย่อ จาก www.majorcineplex.com
นักแสดง : Tomohisa Yamashita, Maki Horikita, Yui Ichikawa, Mao Daichi, Naoto Takenaka, Sho Aikawa, Naoko Iijima, Renji Ishibashi
กำกับโดย : Yasuharu Ishii
คุโรซากิ หรือชายหนุ่มนักต้มตุ๋น (โทโมฮิสะ ยามาชิตะ) คือผู้ที่หลอกเอาเงินจากคนที่ไปต้มตุ๋นเอาเงินของผู้อื่นมาอีกที แล้ว คุโรซากิ นั่นเองที่นำเงินเหล่านั้นส่งกลับคืนไปยังเหยื่อที่ถูกโกง ในตอนแรกเหตุผลที่ คุโรซากิ ทำอย่างนี้ก็เพราะพ่อของเขาเคยถูกต้มตุ๋นโดยพวก ชิโรซากิ ทำให้ล้มละลาย และในที่สุดก็แบกรับภาระไม่ไหวจนฆ่าทุกคนในบ้านตาย
คนเดียวที่รอดจากวิกฤติในครั้งนั้นมาได้ คือ คุโรซากิ ความแค้นในวัยเยาว์แปรเปลี่ยนมาเป็นการทวงคืน เพื่อเปิดโปงกลโกงทุกรูปแบบ และกำจัด ชิโรซากิ และ อะกาซากิ ให้สิ้นซาก ข้อควรจำก็คือ ในโลกนี้มีเหล่านักต้มตุ๋นอยู่ 3 ประเภท...
ผู้ที่หลอกลวงเงินจากผู้อื่นคือ ชิโรซากิ หรือนกกระสาขาว พวกที่หลอกลวงแต่เพศตรงข้าม ล้อเล่นกับจิตใจและร่างกายของเหยื่อ เรียกว่า อะกาซากิ หรือ นกกระสาแดง ผู้ที่หลอกลวง ชิโรซากิ และ อะกาซากิ มาเป็นอาหารอีกทอดหนึ่ง คือสุดยอดนักต้มตุ๋นในประวัติศาสตร์ คุโรซากิ หรือนกกระสาดำนั่นเอง
Synopsis: from http://chinkymovies.blogspot.com
Kurosagi is about a young man by the name of Kurosaki who swindles other swindlers to get back the money they have stolen from others. He concentrates on Shirosagi (White Swindlers - people who swindle others financially) and occasionally Akasagi (Red Swindlers - people who swindle others through manipulation of their feelings). Kurosaki's father had killed the rest of his family because of the work of a Shirosagi and now he wants revenge and so he sets out to destroy other Shirosagis.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/24/2008 04:09:00 PM
Get Smart : เก็ท สมาร์ท พยัคฆ์ฉลาด เก็กไม่เลิก
วันนี้ วางแผนไว้ว่าจะไปดูหนังสองเรื่องที่เมเจอร์รัชโยธิน เรื่องแรกคือ Get Smart อีกเรื่องคือ Kurosaki เราเลือกเรื่องนี้ก่อน เพราะจะได้ดูอีกเรื่องต่อได้โดยไม่กลับบ้านเย็นเกินไป
อีก เหตุผลนึงก็คือที่นี่ ฉายเรื่องนี้ ในระบบ Digital ด้วย เราเคยมาดูทีนึงแล้ว ตอนที่ดูเรือง Horton hears a Who ไง ( การ์ตูนเรื่องที่เราไม่ชอบอ่ะ 555 ) ตั๋วราคา150บาท ราคานี้สำหรับเราเมื่อก่อน ไม่แพงเลย แต่ชั่วโมงนี้ ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ เราต้องประหยัดหน่อย แต่เราก็ดูนะ เพราะเรามีตั๋วฟรีไง 5555 แต่เราต้องเพิ่มตังค์อีก 10 บาทอ่ะ เราก็ยอมดิ 5555
ทั้งโรง มีคนดูแค่ 20 คนเอง ไม่รู้นะ ในสายตาเราเราว่าภาพก็งั้นๆอ่ะ ไม่เห็นชัดซักเท่าไหร่เลย หรือว่า หนัง Digital จะดูสนุก ดูชัด ต่อเมื่อเป็นการ์ตูนฟะ เรานึกในใจ ดูไปเพลินๆมีตอนตลกๆ แทรกมาเป็นกระสาย เราชอบตอนที่พระเอกเต้นรำกับคนผู้หญิงตัวอ้วนๆ ตลกดี อีกตอนคือตอนที่พระเอกลอดผ่านแสงเลเซอร์อ่ะ โคตรตลก ไม่รู้ใช้ Stand-in รึเปล่า ขำมากๆ นอกนั้นก็งั้นๆ อ้อ อีกตอนก็ตอนที่ พระเอก ตะโกนใน Cone โดยกดปุ่มไม่แรงพอ อันนั้นก็จี้ดี รู้สึกว่าที่เราชอบๆนี่ มันมีอยู่ในตอนโฆษณาหมดแล้วนะ รู้งี้ไม่ดูก็ดี จะได้ไม่เปลืองเงิน 55555
นางเอก สวยโคตรๆ เราชอบเธตั้งแต่เล่นเรื่อง The Princess’ Diary แล้ว หน้าสวย คิ้วเข้มดี แต่เรื่องนี้ ก็สวยไปอีกแบบ ( ทั้งๆที่หน้าเหมือนเดิม ) นอกนั้นเราว่า ไม่ค่อยมีอะไรให้ประทับใจ สังเกตดูหลังมานี่ ไม่ค่อยมีหนังที่โดนเท่าไหร่เลยนะ
สรุป พระเอกตลกดี เทคะแนนให้เอาไปเลย แต่รวมๆ เราว่าก็งั้นๆนะ ไม่รู้ทำไม ดูแล้วบางมุขฝืดๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ตัวแสดงเล่นดีมากๆ ที่หนึ่งต้องยกนิ้วให้ พระเอก รองลงมาคือนางเอก ที่เหลือเล่นเหมือนไม่ได้เล่นรวมๆแล้วเราให้ 7.0 /10
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.nangdee.com
แม็กซ์เวล สมาร์ท (สตีฟ แคเรล) มีภารกิจสกัดกั้นแผนการณ์ครองโลกล่าสุดขององค์กรอาชญากรรมที่รู้จักกันในชื่อ เคออสเมื่อคอนโทรล สำนักงานใหญ่ของสายลับสหรัฐฯ ถูกโจมตีและเหล่าสายลับตกอยู่ในอันตราย หัวหน้า (อลัน อาร์คิน) ไม่มีทางเลือกและต้องเลื่อนตำแหน่งให้กับนักวิเคราะห์ผู้กระตือรือล้น แม็กซ์เวล สมาร์ท ซึ่งฝันมาตลอดถึงการทำงานภาคสนามร่วมกับสายลับ 23 ผู้บึกบึนซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ (ดเวย์น “เดอะ ร็อค” จอห์นสัน) สมาร์ทกลับกลายเป็นคู่หูของสายลับ 99 ผู้น่ารักแต่โหด (แอน แฮทธาเวย์) ที่เป็นคนเดียวซึ่งยังไม่ถูกเปิดเผยเอกลักษณ์ เมื่อสมาร์ทและสายลับ 99 คืบเข้าไปใกล้แผนการณ์ของเคออส และสนิทสนมกันมากขึ้น พวกเขาได้พบว่าตัวการสำคัญอย่างซิกฟรีด (เทเรนส์ สแตมป์) และลูกน้องคู่ใจ ชตาร์เกอร์ (เคนเนธ เดวิเชียน) มีแผนที่จะแสวงประโยชน์จากเครือข่ายก่อการร้าย ด้วยประสบการณ์ภาคสนามอันน้อยนิดและเวลาที่น้อยยิ่งไปกว่า สมาร์ทไร้ซึ่งอาวุธและมีเพียงอุปกรณ์สายลับเล็กๆ น้อยๆ กับศรัทธาที่ควบคุมไม่อยู่ที่ จะต้องเอาชนะเคออสให้ได้เพื่อกอบกู้โลก
Official Site : http://getsmartmovie.warnerbros.com/
Synopsis for : Get Smart (2008) from http://www.imdb.com
Maxwell Smart (Steve Carell) works as an analyst at Control, a U.S. spy agency that was supposed to have closed after KAOS was defeated. However, KAOS is far from being dead. KAOS penetrates Control and steals the names of all their field agents, and they then begin to kill Control agents around the world. The Chief (Alan Arkin) promotes Maxwell Smart, designates him Agent 86, and partners him with Agent 99 (Anne Hathaway). Smart has always wanted to be a field agent, but he wanted to be partnered with the best, Agent 23 (Dwayne Johnson). Smart is given a little training and some spy-tech gadgets to help him do his job. Smart and Agent 99 have uncovered information of where Siegfried (Terence Stamp), the sinister head of KAOS is located, and they go after him to stop him from taking over the world. Douglas Young (the-movie-guy)

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Sunday, June 22, 2008,6/22/2008 04:49:00 PM
Haakao ( Puppy Love) : ฮะเก๋า
เราเลือกไปดูที่ ซีคอน EGV เพราะตั๋วฟรีใกล้หมดอายุแล้ว ต้องบริหารดีดี 5555 คนดูเยอะมาก แต่ไม่รู้มาดูเรื่องอะไรกัน เราเดาว่าน่าจะเป็น รักสามเศร้า (ที่เราเคยดู แล้วบอกว่าห่วยแตก ) เพราะสังเกตดูเป็นคนหนุ่มๆสาวๆเป็นส่วนใหญ่ เอ หรือว่า จะมาดู แพนด้า เพราะโคตรน่ารัก ก็ไม่รู้ ไม่ได้เดินเข้าไปถามซะด้วย
พอหนังฉาย เราเดินเข้าไปในโรงหลังโฆษณาไปแล้ว 20 นาที ตามฟอร์ม ปรากฏว่า คนดูไม่เยอะเท่าไหร่แฮะ หนังเริ่มฉายแล้ว เราก็ดูอย่างตั้งใจ เปิดเรื่องมาเป็นเสียงทอม พูดบรรยาย ความเป็นไปคร่าวๆ หน้าสวยเชียว มีบางตอนเรานึกไปเลยว่าน้องเค้าเป็นทอมไปจริงๆ
เนื้อเรื่องก็แสนจะธรรมดา และคล้ายๆตลกไทยทั่วไป คือ เอามุขมาเรียงต่อๆกันไปทั้งเรื่อง แต่เรื่องนี้ยังดีหน่อย มีเนื้อเรื่องนิดหน่อยให้พอลุ้น ว่านางเอกกับพระเอกจะลงเอยกันยังไง แหมก็น่าลุ้นอยู่หรอกนะ นางเอกสวยขนาดนั้นแถมเป็นทอมอีกต่างหาก
และที่ขาดไม่ได้สำหรับตลกไทย คือ ฉากผี ก็เรียกเสียงฮาได้พอสมควร แต่เราชอบหมาที่แสดงในเรื่องมากกว่าน่ารักกว่าเยอะ แถมพูดได้ด้วย คนพากษ์ๆมันส์จริงๆ
ที่ต้องพูดถึงอีกคนคือ ฟรอยด์ จริงๆเราชอบฟรอยด์นะ แต่ดูยังไงๆก็เหมือนกับกำลังดูเรื่อง บ้านนี้มีรัก อยู่ที่บ้านอ่ะ นึ่ขนาดลงทุนเอาวิกหัวฟูมาสวมแล้ว ยังไม่สามารภทำให้เราเกิดจินตนาการเป็นไอ้ฟูในหนังสักเท่าไหร่เลย น่าจะเป็นบุคลิกตัวเองอีกนิด เวลาเปลี่ยนบทบาท ไม่งั้น คนดูจะติดกับภาพของลิงค์ในบ้านนี้มีรักไปตลอด
ตัวฟันเหยินก็ตลกมาก เห็นหน้าก็ขำแล้ว
สรุป แปลกดีนะ ทั้งๆที่เราไม่มีอะไรจะติซักเท่าไหร่ แต่เราก็หาที่ชมไม่ค่อยเจอเหมือนกัน หรือเราจะมีอคติกับหนัง เพราะลึกๆแล้วเราไม่ค่อยชอบ หม่ำ เวลาแสดงเท่าไหร่ ไม่ว่า จะเป็นภาพยนต์ หรือ เป็นพิธีกร เวลาที่เราชอบหม่ำที่สุด คือเวลาที่หม่ำไม่ทำอะไร อยู่เฉยๆ เพราะเป็นเวลาเดียว ที่หม่ำ จะไม่พูดคำหยาบ เรามีตลกในดวงใจหลายคนนะ อย่าง โย่ง น็ตเชิญยิ้ม ตลกมากๆ โดยไม่ได้พูดหยาบ แต่ก็อย่างว่า คนเรามันต่างจิตต่างใจ ใครจะมาชอบเหมือนกันไปหมดทุกอย่าง 5555 เพราะฉะนั้น เราก็เลยให้แค่ 7/10 สำหรับความคิดสร้างสรร เอาหมามาแสดงกับคนแบบพูดได้ด้วย นอกนั้นก็ดาดๆ คะแนนที่ให้ๆเพราะทำให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ในการมาดูหนังตลก เท่านั้นจริงๆ
ฮะเก๋า จาก http://www.majorhollywood.co.th
กำหนดฉาย : 19 June 2008
ประเภทหนัง : Comedy,Drama
กำกับโดย : มารยาท ไทยนิวัฒน์วิไล
นักแสดง :
เรื่องราวความทรงจำและมิตรภาพของ “ใบหม่อน”(วัตถาภรณ์ เอี่ยมสินธร) นักศึกษาทอมบอยสุดเท่ห์เสน่ห์แรง กับ “บุ้ง”(พงษ์พิสุทธ์ ผิวอ่อน) เพื่อนซี้หนุ่มมาดเซอร์ผู้ไม่เคยรักใคร ใบหม่อนและบุ้งมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเหมือนดั่ง “คู่ซี้ปาท่องโก๋” และมีเพื่อนร่วมแก็งค์อีก 4 คน คือ “พี่โข่ง”(เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง),“กังฟู”(ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์),“ไอ้แว่น”(สิทธิพล วิศาลาภรณ์) และ “ปารีส”(ณรงค์ ชัยนาม) ว่ากันว่าถ้าแก๊งค์นี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเมื่อไหร่มักมีเรื่องสนุก ๆ ชวนปวดหัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะความป็อบปูล่าที่สุดในกลุ่มของใบหม่อนที่มักจะนำปัญหาเรื่องผู้หญิงมาให้บุ้งช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ใบหม่อนก็ยังมี “น้าอสุนี”(เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) น้าชายอารมณ์ศิลป์ที่คอยทำทุกวิถีทางที่จะให้ใบหม่อนเลิกเป็น “ทอม”
และแล้วเรื่องวุ่นวายชนิดกวนหัวใจก็เกิดขึ้นเมื่อวันเปิดภาคเรียนมาถึง ชมรมเด็กฟิล์มได้รับสมาชิกใหม่เข้ามาซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ต้นข้าว”(บุศริน มโหทาน) รุ่นน้องเฟรชชี่ปี 1 ที่มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะศิลปกรรม ด้วยความสวยหวานน่ารัก ทำให้บุ้งประทับใจต้นข้าวตั้งแต่แรกเห็น บุ้งจึงขอร้องให้เพื่อนซี้อย่างใบหม่อนช่วยให้เขาได้ใกล้ชิดกับต้นข้าว ในขณะที่ใบหม่อนเองก็กำลังอกหักและผิดหวังจาก “น้ำตาล”(สกาว เอื้อวิวัฒน์สกุล) แฟนสาวที่ทนพฤติกรรมรัก ๆ เล่น ๆ ของใบหม่อนไม่ไหวอีกต่อไป
แต่แล้วความสัมพันธ์ของบุ้งและต้นข้าวที่พัฒนาขึ้น กลับทำให้ “เพื่อนรัก” เริ่มห่างกัน บุ้งกำลังกลายเป็นคนที่มีความรัก ในขณะที่ใบหม่อนก็กลับเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาจากชีวิตบุ้ง เพราะไม่อาจหาคำตอบให้กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพื่อนสนิทได้
รักของใบหม่อนจะเป็นยังไง? แล้วใครจะสมหวังกันแน่? เตรียมลุ้นไปกับ “ความรัก” ใสๆ ป่วนวัยกำลังโต ที่มาพร้อมกับ ความ “แสบ ซ่า ฮา กวน” ใน

Synopsis from www.movieseer.com
Haakao is the story about memory and friendship of BaiMhon (Wattaporn Aiumsinthorn) a charming tomboy and her rough-around-the-edges buddy, Boong (Pongpisut Piewoan) who doesn’t know what love is. They are like each other’s shadow, there will be no BaiMhon without Moong and the rest of the gang is Wan (Sidtipong Visalasorn), Pee Konk (Chalerm Yamkamuang), Kung Fu (Nuttapong Chatpong) and Paris (Narong Chainam). They always find something fun to mess around with. The most popular member of the group is BaiMhon. She always comes up with girl troubles and uses Boong as her mentor.
BaiMhon also has uncle Asunee (Mum Jokmok), an artistic relative who is dying to see BaiMhon to stop being a tomboy. Eventually things change when the school starts. Film club welcomes a new member, TonKauw (Busarin Mahotan). With her sweet look and personality, TonKauw soon becomes the most popular girls in the faculty. This turns Boong’s attention to TonKauw full force. Boong asks his buddy, BaiMhon, to help him get closer to TonKauw. While BaiMhon is heartbroken from NumTan (Skaw Auewiwatsakul) who can’t stand BaiMhon playful act, Boong’s and TonKauw’s relationship grows. Boong distances from BaiMhon and starts to spend more time with his girlfriend. At the same time BaiMhon can resist questioning her feeling for Boong

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/22/2008 04:13:00 PM
Raksamsao : รักสามเศร้า
ไปใช้สิทธิ์ดูหนังฟรีที่ Major Hollywood เป็นใบสุดท้าย จริงๆเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความอบากดูซักเท่าไหร่เล๊ย ไม่ดูก็ไม่รู้จะดูอะไร อ๊ะ ดูก็ดู แต่ก่อนดูจริงๆ เห็นในตัวอย่างโฆษณา ก็เดาว่า ชื่อรักสามเศร้า สงสัยว่า จะต้องเป็นรักแนวรักเป็นวงกลมแหงๆ เลย คือ ตัวนางเอกผมสั้นไปรัก พระเอก ส่วนพระเอกไปรักพีค ส่วนพึกเป็นดี้ไปรักนางเอกผมสั้น เพราะเข้าใจว่าเป็นทอม นี่ เราคิดอย่างนี้จริวๆเลยนะ เฮ้ย แต่พอไปดูจริงๆกลับไม่ถูก 100% ว่ะ
โปรโมชั่นเรื่องนี้ มีการแจก ทิชชู่ ด้วยนะ แต่เราไม่มีสิทธิ์ได้หรอกเพราะเรื่องนี้เราไปดูคนเดียว 5555 แต่เราก็เตรียมไปด้วย เผื่อฉุกเฉินน่ะ 5555
เราตั้งใจดูมากเลย เปิดฉากมาเป็นงานศพของพีคอ่ะ อ้าว ทำไมตายล่ะ เออก็ดี ตายซะ เรื่องจะได้ลงตัว ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง ไม่สมหวัง ไม่ชอบ 5555 เรื่องก็เล่าย้อนกลับไปในอดีต ว่า สามคนนร้เป็นเพื่อนซี้กัน แต่ ยายผมสั้นแอบรักพระเอก อันนี้ ทายถูก พระเอก ชอบ พีค อันนี้ก็ทายถูก แต่ พีค กลับไม่ใช่ดี้แฮะ มีแฟนอยู่แล้ว แต่เลิกกันเลยหันมามีใจให้พระเอกแทน กลายเป็นว่าพระเอก มีคนมารุมรัก อย่างนี้ ดูเหมือนคู่นี้สมหวัง เพราะต่างก็รักกัน คนผมสั้นเลยผิดหวังคนเดียว แถมกลางเรื่องโดนปล้ำอีก สุดท้ายนางเอกเป็นโรคอะไรก็ไม่ได้บอกในเรื่อง ก็ตาย เรื่องก็เลยเอวังว่า พระเอกก็หันมารักคนผมสั้นแทน เนื้อเรื่องดูแปลกๆไม่สมเหตุสมผลยังไงก็ไม่รู้ เรางงว่า ทำไมหลังจากถูกปล้ำ นางเอกผมสั้น ทำไมไม่โวยวาย พ่อแม่ก็ใจกว้างเหลือเกิน ไม่เอาเรื่องเอาราว เลยตามเลยกันไป เออ แปลกดี
ถ้าใครเลยดู เรื่อง สายลับจับบ้านเล็ก แล้วติดใจในความสวย เซ็กซี่ น่านัก ของน้องพีค แล้วจะตามมาดูเเรื่องนี้ ขอบอกว่า เตรียมใจผิดหวังได้เลย ไม่สวยเลย หน้าตาธรรมดามากๆ ทำผมทรงเด๋อมาก ดูตลก คนที่สวยจริงๆกลับเป็น น้องกระเต็น ( ไม่รู้ชื่ออะไร แต่หน้าเหมือนน้องกระเต็นที่อ่านข่าวช่องสามมากๆ ) คนนี้สวยจริง ไม่ต้องใช้ทรงผมช่วย หน้าหวานคม สวยสุดๆ พีค ชิดซ้ายไปเลย ความชอบที่เคยมีหายไปหมดเลย แถมตอนก่อนตาย แต่งหน้าซะเข้มเชียว เลยดูไม่เหมือนคนไม่สบาย คนดูแทนที่จะสงสารเลย สงสารไม่ออก เพราะหน้าน้องพีค ไม่น่าสงสารเล๊ย
อ้อ อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การใช้ภาษาในเรื่องที่ค่อนข้างหยาบคาย เท่าที่เคยดุภาพยนต์มา เข้าใจว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผู้หญิงพูดจาได้หยาบคายเยอะที่สุด ตั้งแต่เบาะอย่าง กู มึง ไอ้สั..ว์ ไอ้เหี้.. ไอ้ห่.. แม่. และอื่นๆ คือเข้าใจ สังคมไทยเราก็มีแบบนี้อยู่จริงๆ เราจำเป็นหรือที่จะต้องนำเสนอรูปบบที่ไม่เหมาะสมถี่ขนาดนั้น คนสร้างน่าจะมีวิธีการนำเสนอที่ทำให้คนดูรู้ได้ว่ามันมีการพูดเยอะแบบนี้ หรือ แสดงความสนิทสนมวิธีอื่นที่มีศิลปะกว่านี้ มันเหมือนกับการที่ มีฉากเลิฟซีน แต่คนสร้างทำให้มันกลายเป็นหนังเอ็กซ์อ่ะ คือมันเกินไปนิดนึง
ค่อนข้างผิดหวัง เพราะ เนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผล มีบทพูดจาหยายมากเกินจำเป็น แถม ทิชชู่ ที่เอามาก็ไม่ได้ใช้ นี่ขนาดเป็นคนบ่อน้ำตาตื้นนะเยี่ย ยังร้องไม่ออกเลย คิดเอาเองก็แล้วกัน
สรุป ให้แค่สอบผ่านนะ แต่คะแนนไม่ดี เพราะทำให้เราผิดหวัง ตั้งแต่ทรงผมน้องพีค ตัวพระเอก เล่นดีนะ หน้านิ่งๆทั้งเรื่อง เล่นดีขึ้นกว่าหนังผีเรื่องที่แล้วเยอะ ส่วนน้องกระเต็น โอเคเลย ใช้ได้ คนเขียนเรื่องสอบตกนะ เนื้อเรืองงั้นๆ ไม่หนุกเลย เบ็ดเสร็จมีดีที่เพลงอย่างเดียว เพลงเพราะดี รวมทั้งสิ้นเราให้ 6/10 นะ เสียดายเงิน
เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.majorhollywood.co.th
กำหนดฉาย : 19 June 2008
ประเภทหนัง : Drama
กำกับโดย : ยุทธเลิศ สิปปภาค
ในวันที่เรียน “จบ” 3 เพื่อนรัก กำลังมีรักระหว่างเพื่อน เพื่อน สาม คน กับ ความสัมพันธ์ แสน เศร้า เรื่องราวความรักและการเสียสละให้เพื่อนในห้วงสุดท้ายของชีวิต คงจะดีกว่านี้ ถ้าความรักของพวกเขาจะมีสองคนที่มีความสุข และใครสักคนเป็นคนที่ต้องเศร้าแค่เพียงคนเดียว
เรื่องราวความรักและการเสียสละให้เพื่อนในห้วงสุดท้ายของชีวิต คงจะดีกว่านี้ ถ้าความรักของพวกเขาจะมีสองคนที่มีความสุข และใครสักคนเป็นคนที่ต้องเศร้าแค่เพียงคนเดียว
"รัก/สาม/เศร้า" เป็นเรื่องราวของ "ฟ้า" "น้ำ"และ"พายุ" บัณฑิตจบใหม่จากคณะมัณฑนศิลป์ เป็นช่วงเวลาที่ทั้ง 3 ต้องเลือกทางเดินของชีวิตไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องความรัก ซึ่ง"ฟ้า"เลือกจะแต่งงานกับคนที่เธอรัก โดยยอมทิ้งงานในสายอาชีพที่เธอเพิ่งเรียนจบมา "น้ำ" เพื่อนสนิทของฟ้าเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เธอแอบมีให้กับพายุเพื่อจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ส่วน"พายุ"เพื่อนสนิทของฟ้าและน้ำเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เขาแอบมีให้กับฟ้าและไปอยู่กับแม่ดูแลกิจการโรงแรมที่เชียงราย
แต่ในวันหนึ่งฟ้าต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน แล้วทุกคนก็ได้รู้ว่าฟ้าป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาและคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และในระหว่างที่ฟ้าต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว คนรักของฟ้าที่วางแผนจะแต่งงานด้วยก็เกิดไปมีสัมพันธ์อื่น ฟ้าหมดสิ้นกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ในทันที ฟ้าจึงเลือกที่จะเลิกรักษาตัวเองและปล่อยให้โรคร้ายทำลายเธอโดยที่เธอไม่ยอมต่อสู้ใดๆ ช่วงนั้นเองที่พายุตัดสินใจเลื่อนการกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงรายเพื่อเข้ามาอยู่ดูแลฟ้าในช่วงชีวิตสุดท้าย และช่วงเวลาที่อยู่เหลือน้อยนิดนั้น ฟ้าถึงรู้ว่ารักแท้ที่เธอต้องการนั้นอยู่เคียงข้างเธอตลอดสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเพียงแต่เธอไม่เคยสังเกตเห็น ในช่วงเวลาที่เหลือนั้นเองที่ฟ้ายอมเปลี่ยนความสัมพันธ์กับพายุจากเพื่อนมาเป็นคนรัก
แต่เมื่อฟ้าเปิดหัวใจให้พายุ ฟ้ากลับบังเอิญได้พบความลับว่า น้ำเพื่อนรักของเธอนั้นแอบรักพายุมานานนับปี หัวใจที่ฟ้าเปิดให้กับพายุจึงปิดลงทันที ฟ้าบอกลาพายุโดยไม่ได้บอกกล่าวหรืออธิบายให้พายุได้เข้าใจแต่อย่างไร ฟ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่เธอจะเอาหัวใจของพายุมาทั้งๆที่เธอมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ความรักที่มีค่าของพายุมันน่าจะมีค่ากับน้ำมากกว่าคนที่กำลังจะตายอย่างเธอ
ฟ้าเลือกจะที่หายไปจากชีวิตพายุและน้ำโดยมิได้บอกเหตุผลใดๆ พายุต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์กับการจากลาของฟ้าโดยที่เขาไม่มีโอกาสที่จะรู้สาเหตุที่แท้จริง ความรักของพายุทำให้น้ำที่แอบรักพายุอยู่พลอยทุกข์ไปด้วย การเห็นคนที่รักทรมานเป็นสิ่งที่น้ำทรมานมากกว่า น้ำจึงตัดสินใจตามหาฟ้าไปทั่วทุกแห่ง
น้ำได้แต่เพียงหวังภาวนาว่า ด้วยควาทเป็นเพื่อนรักระหว่างเธอกับฟ้า ขอให้มันมีค่าพอที่จะเปลี่ยนใจฟ้าให้หวนกลับมารักพายุได้อีกครั้ง
Synopsis from www.movieseer.com
The story of Payu (Arak Amornsupasiri), Fah (Patarasaya Krousuwansiri) and Nam (Ratchawin Wongviriya), fresh college graduates from Interior Design faculty. After collage, they face with important transition of their lives, which includes career, romance etc. Fah chooses to marry with her boyfriend, leaving career future in interior design. Nam chooses to stop her affection for Payu and plans to get a Master degree in England. For Payu, Nam’s and Fah’s closest friend, chooses to end his crush with Fah and goes back to Chieng Rai to look after the family business.
However, one day, Fah suddenly admits to the hospital. Everyone finds out that Fah is sick from incurable disease or in other words she’s dying. While Fah is in and out of the hospital, her fiancée runs off with another girl. Depressing and heartbroken, Fah stops the treatment and lets the illness eating her alive. At the same moment, Payu decides to postpone his trip back home to have his private time with Fah. Fah realizes that her true love is right by her side the whole time. With only little time, Fah falls in love with Payu.
Nonetheless, when Fah opens up to Payu, Fah accidentally finds out that her best friend, Nam has been in love with Payu for years. As a result, Fah hinder her feeling for Payu, avoiding him without any explanation. Fah believes that she doesn’t deserve his heart since she’s dying. His love will be more worthy to Nam.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Friday, June 20, 2008,6/20/2008 04:19:00 PM
The Incredible Hulk : มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง

ไม่ได้ไปดูหนังที่ Major Hollywood รามคำแหง มานานแล้ว ทั้งๆที่มีทั้ง บัตรสมาชิกแบบลดราคา 20 บาทต่อที่นั่ง และยังมีบัตรดูหนังฟรีอีก แต่วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องไปใช้สิทธิก่อนที่บัตรจะหมดอายุ 5555
เราชอบโรงหนังนี้นะ ดูไม่เอาเปรียบผู้บริโภคดี ขยันจัดรายการมากๆเลย ต้องขอชมเชยด้วยความจริงใจ จะว่าไป เราว่า ถ้าเทียบกันระหว่าง EGV , Major Cineplex , SF , Major Hollywood เราขอเข้าข้างแบบสุดลิ่มทิ่มประตูเลยว่า เรารัก Major Hollywood ที่สุด ทำไมน่ะเหรอ จริงๆมันเริ่มจากความสงสารมากกว่านะ สาขาก็น้อยกว่าเพื่อน แต่การตกแต่งโรงทำได้ดูดี ดูสะอาด มีรสนิยม มาก เบาะก็กว้างขวาง จอก็ใหญ่ ฯลฯ ที่ชื่นใจที่สุดคือ ไม่เอาเปรียบคนดูจริงๆนะ ขยันทำโน่นทำนี่ ให้คนดูได้รับความคุ้มค่า ( เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้มีอะไรกับที่นี่นะ พอดีเราชอบจริงๆ ) เสียอย่างเดียวมาลำบากไปนิดนึง ถ้าเทียบกับที่อื่นๆแล้ว ที่รามนี้ เป็น Stand alone นะ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือ เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว มาที่นี่ก็คือต้องมาดูหนังจริงๆไม่มีอะไรให้เดินค่าเวลาเลย ร้านที่มีก็เป็นร้านเล็กๆ ถ้าอยากมาดูหนังอย่างเดียว ขอแนะนำ รับรองว่าดูสบายมากๆ
เราเลือกดูเรื่อง The Incredible Hulk เพราะอินเทรนด์ ที่สุดแล้ว 5555 ช่วงนี้ แต่เราแปลกใจอย่างนึง ทำไมเอา เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน มาแสดงแทนคนเก่าก็ไม่รู้ เราชอบคนเก่ามากกว่า แต่พอได้เข้าไปดูเราถึงได้รู้ว่าทำไม
เป็นตอนต่อจากตอนแรก แต่คนที่ไม่เคยดุตอนแรกมาก่อนก็ดูได้ เพราะว่า หนังมีอินโทรที่เล่าเรื่องย่อจากภาคแรกให้ดู ดูแล้วต่อติดทันที แบบนี้ ด๊เพราะเหมือนติวเราก่อนดูอีกหนหนึ่งด้วย เราจะได้ดูต่อติดแบบราบรื่น ภาคนี้ พระเอกหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่บราซิล รู้ตัวดีว่าโมโหเมื่อไหร่ กลายร่างเมื่อนั้น และนั่นคือ โลกแตกแหงๆ พรเอกเลยพยายามสุดชีวิตในการฝึกควบคุมความโกรธของตัวเอง แล้วก็ทำได้ดีซะด้วย เพราะจนแล้วจนรอดก็สามารถเอาชนะอารมณืตัวเองได้ จนกระทั่งเจอกลุ่มขี้หลี ไปหลีคนสวยในโรงงานน้ำหวานเข้าเลยตะบะแตก อาละวาดซะผู้ร้ายขี้หลีตายเรียบ ไปๆมาๆ พ่อนางเอกที่ไม่น่าจะเรียกว่าคนเลวเท่าไหร่ แต่ว่า เป็นคนใจดำไปหน่อย ต้องส่งตัวร้ายมาตามล่าพระเอก ( ผู้ร้ายคนนี้ หน้าตามัน กวนทีน มากๆ ชอบอก ) จะสู้ได้เรอะ พระเอกเราเก่งขนาดนั้น มันเลยไปฉีดยามา กลายเป็นสัตว์ประหลาดแรงเยอะกว่าพระเอกอีก ตอนนี้สู้กัน คนดูเชียร์พระเอกกันจนลืมหายใจ สุดท้ายพระเอกของเราก็ต้องชนะไปตามระเบียบ
เราว่า ที่เค้าเอา เอ็ดเวิร์ด มาแสดงภาคนี้ก็น่าจะเป็นเพราะว่า ภาคนี้ พระเอกต้องใช้อารมณ์ในการแสดงออกเยอะมากๆ แล้ว เอ็ดเวิร์ด เอ เวลาที่แสดง สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่น่าสงสารออกมาได้ดีมากๆ ดูแล้วสงสารจับจิตจับใจ ที่โชคชะตาทำให้ชีวิตต้องระหกระเหิน พลัดที่นา คาที่อยู่ จากคนรัก กลายเป็นตัวประหลาดอะไรก็ไม่รู้ เราว่าใครดูแล้วไม่สงสาร ต้องไปให้หมอเอ็กซเรย์หัวใจแล้วล่ะ ว่าเป็นหินหรือเปล่า 5555
สรุป เราชอบนะ ผู้ร้ายก็โคตรร้าย สุดๆไปเลย เห็นหน้าแล้วอยากเอาเท้าผู้ดีของเราไปเหยียบหน้ามันจริงๆ แสดงว่า มันเล่นดีมาก เราถึงได้อินขนาดนี้ 5555 ส่วน พระเอก นอกจากหน้าแก่ไปหน่อยแล้ว อย่างอื่นก็ดีหมด ฝีมือก็โอเคอยู่แล้ว น้อง ลิฟ ก็ อะนะ เมื่อก่อนสวยเหมือนนางฟ้า นางสวรรค์ ดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นธิดา ช้างน้ำ โคตรอ้วนเลย ไม่รู้ไปกินยาอะไรมาหรือเปล่า 555 แต่หน้าน้องสวยมากขอบอก สรุป เราบอกแล้วว่าเราชอบ เอาไปเลย 9.3/10

เนื้อเรื่องย่อ จาก http://www.nangdee.com/
เราได้เห็นภาพนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม บรูซ แบนเนอร์ (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) ออกตามล่าหาวิธีรักษาผลพวงของการได้รับรังสีแกมม่า ที่ส่งผลเป็นพิษต่อเซลล์เนื้อเยื่อของเขา และไปปลดปล่อยพลังโกรธที่ควบคุมไม่ได้ภายในตัวเขา ซึ่งทำให้เขากลายร่างเป็นมนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง หรือฮัล์ค แบนเนอร์ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด โดยตัดขาดตัวเองจากชีวิตปกติและผู้หญิงที่เขารัก ซึ่งก็คือ ดร.เอลิซาเบธ “เบ็ตตี้” รอสส์ (ลิฟ ไทเลอร์) แบนเนอร์ใช้ชีวิตราวกับนักโทษหลบหนี ทั้งนี้เพื่อหลีกหนีให้พ้นจากการตามล่าอย่างไม่ลดละของศัตรูตัวร้ายของเขา นายพลแธ็ดเดียส “ธันเดอร์บอลท์” รอสส์ (วิลเลี่ยม เฮิร์ต) เขารู้ดีว่าทางกองทัพที่ต้องการจับตัวเขาและต้องการศึกษาพลังของเขา กำลังไล่ตามหลังเขามาติดๆ
ขณะที่ทั้งสามคนพยายามบากบั่นเพื่อเอาชนะความลับที่นำไปสู่จุดกำเนิดของมนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับรายใหม่ที่สุดร้ายกาจที่รู้จักกันในชื่ออะบอมิเนชั่น มนุษย์ยักษ์ที่พลังในการทำลายล้างมหาศาลนั้นมีมากเกินหน้าแม้แต่ฮัลค์เอง นั่นก็คือมนุษย์ยักษ์จอมพลังฝ่ายวายร้ายอย่างอะบอนิเมชั่น(ทิม ร็อธ)หรือเอมิล บลอนสกี้ ทหารเหล็กที่ต้องการอำนาจ ผู้ยอมเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอะบอนิเมชั่น
เพื่อจะล้มคู่ปรับรายนี้ให้ได้ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ที่เขาต้องเลือกระหว่างการใช้ชีวิตที่สุขสงบในฐานะที่เป็นบรูซ แบนเนอร์ หรือต้องค้นหาความเป็นวีรบุรุษในตัวฮัล์คที่แฝงอยู่ในร่างกายของเขา
Official Site : http://incrediblehulk.marvel.com/
Synopsis :The Incredible Hulk Movie
The Incredible Hulk kicks off an all-new, explosive and action-packed epic of one of the most popular Super Heroes of all time. In this new beginning, scientist Bruce Banner (Edward Norton) desperately hunts for a cure to the gamma radiation that poisoned his cells and unleashes the unbridled force of rage within him: The Hulk. Living in the shadows—cut off from a life he knew and the woman he loves, Betty Ross (Liv Tyler)—Banner struggles to avoid the obsessive pursuit of his nemesis, General Thunderbolt Ross (William Hurt), and the military machinery that seeks to capture him and brutally exploit his power.
As all three grapple with the secrets that led to The Hulk's creation, they are confronted with a monstrous new adversary known as The Abomination (Tim Roth), whose destructive strength exceeds even The Hulk's own.

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Wednesday, June 18, 2008,6/18/2008 11:56:00 PM
Summer Palace
ต้องขอบอกตามตรงเลยว่า ผิดหวังอย่างรุนแรง จากการที่หนังโฆษณาว่ามีนักวิจารณ์ชมเชยอย่างโน้นอย่างนี้ ทางการจีนห้ามฉายมั่งล่ะ หรือถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราเองคงไม่เหมาะกับหนังแนวนี้เท่าไหร่
เริ่มต้นจากการทีเรา หลังจากที่ได้อ่านคำวิจารณ์ต่างๆ ด้วยความเชื่อคนง่าย 5555 เราเอามาให้อ่านตรงนี้เลย “Summer Palace สร้างความฮือฮาในเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยการถูกเลือกให้เข้าฉายในสายประกวด และกวาดเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ไปอย่างล้นหลาม แต่ถึงกระนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนสั่งระงับฉายหนังเรื่องนี้เหตุผลหลักๆ มีอยู่ 2 ประการด้วยกัน หนึ่งคือ หนังเล่าเรื่องการนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ประวัติศาสตร์หน้าที่จีนอยากเปิดผ่านมากที่สุด (คล้ายๆ เหตุการณ์อัปยศ 6 ตุลาฯ ในบ้านเรา)สองคือ หนังแสดงออกทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง ชนิดที่ทำเอาคนดูตาค้างกันเป็นแถบๆ เพราะเรียกได้ว่า นี่เป็นหนังจีนที่โจ่งครึ่มมากที่สุด มันทำให้หนังอย่าง Lust, Caution กลายเป็นหนังครอบครัวไปเลยและความฉาวโฉ่ของหนังเรื่องนี้ ทำให้หนังไม่ได้ไปฉายที่ไหนอีกเลย นอกจากที่ฝรั่งเศส และประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่ได้ฉาย หลังจากที่รัฐบาลจีนยอมปล่อยฟิล์มหนังเรื่องนี้ออกมาSummer Palace เล่าเรื่องของหนุ่มสาวนักศึกษาคู่หนึ่ง ที่พบรักกันในปักกิ่ง พวกเขาเข้าร่วมการประท้วงที่เทียนอันเหมินด้วยกัน ก่อนที่ชะตาชีวิตจะลากให้ทั้งคู่ ออกห่างกันไกลแสนไกล นอกเหนือจากเป็นหนังที่พูดถึงสังคมและการเมือง หรือเป็นหนังที่มีฉากน่าตกใจ แต่เหนืออื่นใด Summer Palace คือหนังชีวิตที่แสนจะ งดงามและเจ็บปวด เชื่อแน่ว่าหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ หนังจะตราตรึงเข้าไปในความทรงจำตราบนานเท่านาน Summer Palace จะฉายที่โรงหนังเฮ้าส์ อาร์ซีเอ
ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป พลาดแล้วจะเสียดาย “ อ่านแล้วเป็นไง น่าดูใช่มั๊ยล่ะ เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ก็อุตส่าห์ดั้นด้นไปถึง Houserama RCA เหมือนกันแหละ ด้วยความเชื่อมั่นว่า หนังต้องดี อย่างที่เค้าพูดกันแน่ๆ
คนในโรงมีมากมาย เกิน 30 คน คาดคะเนจากสายตา แต่ที่ทำให้เราเสียความรู้สึกมากๆเลยตั้งแต่เข้ามาดูก็คือ คนที่รีบนั่งโดยไม่รอให้เพลงสรรเสริญจบลงก่อน แทบทุกคนเลย ไม่รู้จะรีบนั่งกันไปถึงไหน โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่นั่งถัดจากเราทางซ้ายมือนี่ อาการหนักกว่าคนอื่น คือ คุยโทรศัพท์ไปด้วยครับท่าน อุแม่เจ้า เธอไม่รู้เลยหรือไร ว่าเป็นการเสียมารยาทสองชั้น มิวายที่ผู้ชมคนอื่นๆในโรงจะหันกลับมามองเธอเป็นตาเดียว แต่เธอก็บ่ยั่น ไม่รู้ หน้าทำด้วยอะไร งง
หนังดำเนินไปอย่างช้าๆ เริ่มต้นเรื่องก็กล่าวถึง นางเอกที่มีอันจะต้องไปเรียนต่อที่ปักกิ่ง ก่อนไปคืนนั้นก็ทำการสำเร็จโทษแฟนหนุ่ม หนึ่งครั้งที่กลางสนามหญ้านั่นเอง ถ่ายให้ห็นก้นดาราชายขยับไปมาเด็กไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเป็นเด็ดขาด ภาพตัดกลับมาตอนที่นางเอกเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นางเอกเป็นคนหน้าตาจัดว่าดีคนหนึ่ง เลยมีคนมาชอบเยอะ หนึ่งในนั้นก็มีพระเอกของเราอยู่ด้วย หนังทำให้รู้ว่าชีวิตนักศึกษาที่นี่อิสระเสรีมากๆ รู้จักกันไม่ทันไรก็ไปทำอะไรกันแล้ว หนังพยายามเน้นฉากอย่างว่าพร่ำเพรื่อมากๆ คือเราเข้าใจนะว่า ชีวิตวัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังงานมาก ในหนังนอกจากการร่วมหลับนอนสลับคู่กันอย่างไม่เกรงกลัวโรคเอดส์แล้ว ก็มีเรื่องการเดินขบวน ไม่ค่อยมีเรื่องเรียนให้เห็นเท่าไหร่เลย ถ้านึกไม่ออกว่ามีฉากอย่างว่า เยอะขนาดไหน เราขออธิบายให้เห็นภาพเลยว่า มีทุก 5 นาที ไม่คู่นี้ ก็คู่นั้น แต่ละคู่ก็โรมรันกันนานพอสมควร ดูแล้วสงสารนางเอก ( เออ แต่รู้สึกว่าเธอจะชอบนะ เพราะเผยเนื้อหนังเต็มที่ เห็นทุกอย่างยกเว้น Toyota ของเธอ ) นางเอกเหมือนคนขาดเซ็กซ์ไม่ได้ เจอหน้าใครปุ๊บเครื่องติดปั๊บ พระเอกก็ไม่น้อยหน้า แอบไปมีอะไรกับเพื่อนนางเอกอีก ดูแล้วเป็นหนังแนวอะไรก็ไม่รู้ ถ้าถ่ายให้ลึกซึ้งอีกซักนิดสามารถเป็นหนังเอ็กซ์ได้เลย
เราดูไปกระสับกระส่ายไป ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเรื่องอย่างว่า แบบนี้เราไปซื้อ วีซีดี หนังอย่างว่า มาดู มันส์กว่า คือ จุดประสงค์ในการถ่อสังขารมาดูของเราไม่ได้ต้องการมาดูอย่างว่าไง คือมันผิดคาด มีนิดหน่อยพอยอมรับได้ แต่นี่มันเยอะไปหน่อย อยากรู้จังเลยว่า ที่นักวิจารณ์วิจารณ์กันนะ วิจารร์ว่ามันดี หรือมันห่วย มิน่า ทางการจีนถึงได้ระงับการฉาย สมแล้ว หนังไม่เห็นจะให้อะไรในแง่บวก ( ในมุมมองของเรา ) ซักเท่าไหร่เลย เราสรุปไม่ได้ว่า นอกจากจะบอกว่า นางเอกเซ็กซ์จัดแล้ว หนังพยายามจะบอกอะไรอีก สติปัญญาเรานึกออกแค่นี้จริงๆ
สรุป เราให้สอบตกนะ หนังยาว สองชั่วโมงกว่า เราภาวนาให้จบเร็วๆ ตอนจบก็จยแบบห้วนๆ ดูไม่รู้เรื่อง อ้าว ตกลงมันไม่ได้กัน งง เราให้คะแนนแบบเต็มที่เลยนะ 4/10 คนดูคนอื่นเราไม่รู้ว่าคิดยังไงนะ อันนี้ความคิดส่วนตัวจริงๆ ภาพก็ไม่สวยเท่าไหร่ ดูกระโดดๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากพูดถึง หนังเฮงซวย เกลียดมันว่ะ
เนื้อเรื่องย่อ Summer Palace จาก http://www.bkkonline.com/
เป็นหนังมหากาพย์ส่วนตัวของผู้กำกับโหลวเย่ คนทำหนังจีนรุ่นใหม่ที่กวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก เรื่องราวของความรักที่ไม่สมหวัง ความปรารถนาที่ขาดห้วงและไม่มีวันได้รับการเติมเต็ม ความฝันถึงเสรีภาพและชีวิตที่ดีกว่าของหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกคนหนึ่ง
อวี้หง (เห่าเล่ย) เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง ที่นี่ได้เปิดโลกทัศน์ของเธอให้กว้างออก เธอเริ่มสนใจการเมือง และเข้าใจการตกหลุมรัก เธอได้พบกับเจ้าเหว่ย (เกาเสี่ยวตง) ชายหนุ่มที่ผลักประตูแห่งความปรารถนาของเธอออกมา ความรักที่ร้อนแรง เผาผลาญและดับวูบอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่ชะตาชีวิตลากทั้งคู่ออกจากกัน
โหลวเย่ ให้สัมภาษณ์ว่าส่วนหนึ่งเขานำสิ่งที่ตนเองเคยพบ และบางส่วนก็เคยเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง – มาเขียนเป็นพล็อตหนัง โดยเล่าขนานไปกับเหตุการณ์ทางการเมืองของจีน นั่นก็คือ การประท้วงของนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
Summer Palace ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางเมื่อหนังเปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานส์ และเป็นข่าวใหญ่โต เมื่อทางการจีนระงับการฉายและการส่งฟิล์มออกนอกประเทศ เนื่องจากเนื้อหาอันหนักหน่วงทางการเมือง และฉากโป๊เปลือยที่อยู่ในระดับเกินพอดี
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ได้ชมแล้ว ก็ต้องยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่เป็นหนังจีนเรื่องสำคัญของศตวรรษที่ 21
เกร็ดภาพยนตร์
หลังจากเปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2006 ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น หนังก็ได้รับการจัดจำหน่ายฉายในฝรั่งเศส และไม่ได้ฉายที่ไหนอีกเลย เพราะทางการจีนยึดฟิล์มเอาไว้ จนกระทั่งต้นปี 2008 หนังก็ได้ฉายแบบจำกัดโรงที่อเมริกา และประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ 3 ที่จะได้ฉายหนังเรื่องนี้
Summer Palace เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2006 โหลวเย่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มคนทำหนังจีน รุ่นที่ 6 เขาเป็นคนเซี่ยงไฮ้โดยกำเนิด แต่มาเรียนต่อด้านภาพยนตร์ที่สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่ง และได้รับการจับตามองจากหนังรักสุดแนวเรื่อง Suzhou River (2000) ด้วยเทคนิคด้านภาพที่ฉูดฉาด การตัดต่อที่กระชับฉับไว อีกทั้งเนื้อหาก็ห่างไกลจากคนทำหนังร่วมชาติที่มักทำหนังเพื่อสังคม ในปี 2003 เขากำกับ จางจื่ออี๋ ใน Purple Butterfly ก่อนจะมาทำ Summer Palace หนังที่ทำให้เขาถูกแบนจากรัฐบาลให้ห้ามทำหนังเป็นเวลา 5 ปี
ฉากหลังในเรื่องกินเวลาตั้งแต่ปี 1987 – 2001 เราจะได้เห็นการจำลองภาพเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน และเหตุการณ์ในกรุงเบอร์ลินที่ในขณะนั้น กำแพงเบอร์ลินยังคงอยู่
โหลวเย่บอกว่า สาเหตุที่ทำให้เขาเลือกเบอร์ลินเป็นฉากหลังหนึ่งในหนัง นอกจากมันจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองแล้ว มันยังเป็นที่ที่มีความหมายพิเศษสำหรับเขา เพราะเขาได้เจอกับภรรยาครั้งแรกที่นั่น
โหลวเย่อยู่ในเหตุการณ์เทียนอันเหมิน เขาทราบดีกว่า กระแสเสรีภาพในหมู่นักศึกษาปักกิ่งตอนนั้นรุนแรงขนาดไหน “เราไม่ได้พูดกันแค่เรื่องในปักกิ่ง เราพูดกันถึงเรื่องรัสเซีย เรื่องเชคโกสโลวาเกีย หรือเยอรมัน”
โหลวเย่รำลึกถึงตอนที่เขาชุมนุมประท้วงที่เทียนอันเหมินว่า “พวกเราทำได้แค่โห่ร้องและปาขวดให้แตก เราไม่มีอาวุธหรืออำนาจอื่นอีก” ในตอนนั้นมีคนตายนับหมื่น และคนที่ถูกจับได้ ก็จะถูกส่งไปเป็นทหาร “การเอาพวกเราไปเข้ากองทัพก็เพื่อให้เราเห็นแง่ดีของรัฐบาล ส่วนพวกที่หนีไปได้ ก็เตลิดไปต่างประเทศ คนละทางสองคน”
จนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน ยังคงเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่จีนอยากเปิดผ่าน และมีหนังน้อยเรื่องที่จะเล่าประเด็นนี้อย่างจริงจัง Summer Palace ถือได้ว่าเป็นครั้งที่กล้าหาญ
Synopsis : Summer Palace from http://www.houserama.com/
Chinese Title: Yihe yuan
Genre: Drama / Romance
Language: Mandarin / German
Subtitle: Thai and English
Runtime: 140 min
Country girl Yu Hong leaves her village, her family and her lover to study in Beijing. At university, she discovers an intense world of sexual freedom and forbidden pleasure. Enraptured, compulsive, she falls madly in love with fellow student Zhou Wei. Driven by obsessive passions they can neither understand or control, their relationship becomes one of dangerous games - betrayals, recriminations, provocations - as all around them, their fellow students begin to demonstrate, demanding democracy and freedom. Protests collapse, and Yu and Zhou lose each other amidst the social chaos and panicked crowds. Zhou Wei is sent to a summer military camp, and on his release moves to Berlin, fleeing both his country and memories of Yu. She finds a job, a lover, but can not forget Zhou. In Germany, social unrest is mounting: calls for freedom, demonstrations for democracy. A familiar story for Zhou. Weary, still haunted by Yu, he returns to China as the Berlin Wall crashes down. He finds her at last, in a small town. From evening to dawn, their future stretches before them, two changed souls in a changed world.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/18/2008 11:00:00 PM
Kungfu Panda :จอมยุทธ์พลิกล็อค ช็อคยุทธภพ
เรื่องนี้เสียเงินดู ด้วยความเต็มใจ แต่จริงๆแล้วอยากดูพากย์ภาษาอังกฤษมากกว่า บังเอิ๊ญรอบที่อยากดูมันดันไม่มี Sound Track แต่เชื่อมั๊ย ไม่เสียใจที่ดูแบบพากษ์ไทยเลย เพราะสนุกมากๆ ดูจบต้องลงมาดูป้ายข้างล่างว่าใครเป็นคนพากษ์เสียง แพนด้า ที่แท้ก็ดีเจเชาๆนี่เอง พากษ์เก่งมาก ขอชมด้ววความจริงใจ
ไปดูที่ เมเจอร์ บางกะปิ เพิ่งสังเกตว่า ตอนนี้ มีโปรโมชั่น ใหม่อีกแล้วเป็นการ์ดสะสมแต้ม แต่เราว่า โปรนี้ ไม่ work อ่ะ สู้โปรเก่าไม่ได้ ของเก่า ดูหนึ่งที่ได้แสตมป์หนึ่งดวง ครบ 5 ดวงได้ป๊อปคอร์น ครบ 8 ดวงได้ โบลิ่ง 1 เกมส์ ครบ 10 ดวงได้ ดูหนังฟรี หนึ่งเรื่อง ( เป็นหนังเก่าที่ฉายไปแล้วอาทิตย์นึง ) แต่แบบใหม่นี่ไม่ดีเลย ครบ 5 ดวงได้โบลิ่ง 1 เกมส์ ครบ 9 ดวงได้ ป๊อปคอร์นเล็ก ครบ 12 ดวงได้ ป๊อปคอร์นใหญ่ เราว่าคนอยากได้สิทธิ์ดูหนังฟรีแบบเดิมมากกว่านะ
นี่เป็นหนังอีกเรื่องที่เราต้องซื้อ ดีวีดี เก็บไว้แน่ๆ เพราะว่า ดูสนุกมาก ภาพสวยจัด สีสวยจัด สมจริง เนื้อเรื่องถ้าไม่คิดมากเกินไป เราว่า หนึ่งในคนสร้าง ต้องเป็นคนเชื้อสายจีนด้วยแน่ๆ เพราะว่า ทั้งรูปแบบ การออกแบบ ฉากและตัวละครต่างๆ ดูจีนมากๆ ( ผสมอินเตอร์หน่อยๆ ) บทภาพยนตร์ก็มาจากจีนล้วนๆ ทั้งหมัด เสือ หมัดงู หมัดกระเรียน หมัดตั๊กแตน หมัดวานร ล้วนแต่เป็นหนังจีนที่เคยสร้างมาแล้วทั้งนั้น เราได้ดูทุกหมัดเลย 555
แน่นอนว่า เปิดเรื่องมา ก็ต้องพูดถึงแพนด้า ที่ไม่เอาไหนเลย แต่บ้ากังฟูมาก อยากเก่งกังฟู จนในที่สุด ด้วยชะตาฟ้าลิขิตหรือ ความเฮง (หรือ ซวย )ก็แล้วแต่ ดันไปชนะการคัดเลือก นักรบมังกร ด้วยความบังเอิญ ไปๆมาๆเลยต้องฝึกกังฟูจนเก่ง และปราบผู้ร้ายได้ในที่สุด ถ้าวิเคราะห์เนื้อเรื่องแค่นี้ ก็คงไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้ว ที่เด่น น่าจะอยู่ที่วิธีการนำเสนอข้อคิดดีดี ผ่านตัวละครมากกว่า ชอบตอนที่ตัวอาจารย์เต่า คุยกับอาจารย์อะไรนะที่ตัวเล็กๆอีกตัวจำชื่อไม่ได้แล้ว เป็นปรัชญาดีทีเดียวเกี่ยวกับเรื่องของ กฎแห่งกรรม ก่อนที่อาจารย์เต่าจะหายลับไป เราดูฉากนี้จบเราก็บอกกับตัวเองว่า สงสัยต้องหาเวลามานั่งสมาธิ ซะแล้ว 5555
สรุปแล้ว เราประทับใจ เส้นสาย สีสัน ที่เค้าบรรจงวาดมาให้ดู ถึงแม้จะเป็น CG ก็เหอะ ดูแล้วสบายใจดี เนื้อเรื่องสอดแทรกธรรมมะ เป็นพักๆ แต่ไม่เครียดเลย ดูง่าย เสียดาย ที่ไม่มีเพลงเลยซักกะเพลง ( เพราะปกติหนังการ์ตูน มักจะมีเพลงเพราะๆ เพลง กังฟูไฟติ้ง ที่ประกอบนั่น เราถือว่าเป็นเพลงเก่า เลยไม่นับ 5555) ตัวละคร วาดได้น่านักมากๆ ชอบตัวอาจารย์หนูตัวเล็กๆ กับ แพนด้า มาก ทำหน้าทำตา กวนๆ น่ารักสุดๆ เราให้ 9.1/10 สำหรับเรื่องนี้

เนื้อเรื่องย่อ จาก http://music.ohozaa.com
โพ หมีแพนด้า ที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟหางแถวในร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง เขาคลั่งกังฟูสุดใจแต่หุ่นไม่อำนวยให้ฝึกวิทยายุทธกังฟูสักเท่าไหร่ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าแพนด้าน่ะขี้เกียจขนาดไหน ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจที่สุดในโลกจีนโบราณเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อศัตรูบุกประชิดตัว แล้วความหวังหนึ่งเดียวที่จะรับมือกับศัตรูได้ดันชื่อ โพ เหล่าปรมาจารย์ชั้นเซียนจึงจำใจต้องปากเปียกปากแฉะฝึกสอนกระบวนท่าทำให้กลายเป็นสุดยอดนักสู้กังฟูผู้เลิศล้ำวรยุทธ ก่อนจะสายเกินการณ์

Official Site : http://www.kungfupanda.com/

Synopsis from http://www.fandango.com
A clumsy panda bear becomes an unlikely kung fu hero when a treacherous enemy spreads chaos throughout the countryside in this animated martial arts adventure featuring the voices of Jack Black, Dustin Hoffman, Angelina Jolie, and Jackie Chan. On the surface, Po (voice of Black) may look like just another portly panda bear, but beneath his fur he bears the mark of the chosen one. By day, Po works faithfully in his family's noodle shop, but by night he dreams of becoming a true master of the martial arts. Now an ancient prophecy has come to pass, and Po realizes that he is the only one who can save his people from certain destruction. With time running short and malevolent snow leopard Tai Lung (Ian McShane ) closing in, Furious Five legends Tigress (Jolie), Crane (David Cross ), Mantis (Seth Rogen), Viper (Lucy Liu), Monkey (Chan), and their wise sensei, Master Shifu (Hoffman), all draw on their vast knowledge of fighting skills in order to transform a lumbering panda bear into a lethal fighting machine. Now, if the noble Po can master the martial arts and somehow transform his greatest weaknesses into his greatest strengths, he will fulfill his destiny as the hero who saved his people during their darkest hour. ~ Jason Buchanan, All Movie Guide

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,6/18/2008 10:39:00 PM
Good morning Luang Pabang : สะบายดี หลวงพระบาง
เพิ่งออกจากโรงมาก็มานั่งเล่าเลย ดูฟรีอีกเช่นเคย ช่วงนี้ มีตั๋วฟรีเยอะ ต้องใช้สิทธิให้หมดก่อนจะไม่มีให้ใช้ 5555 หนังน่ารักนะ ดูเรื่องนี้จบแล้ว อยากแนะนำให้อนันดา ไปเป็นพิธีกรนำเที่ยวตามรายการทิวิได้เลยนะ เพราะเนื้อเรื่องนี้ทั้งหมดก็คือ การพาทัวร์ลาวนั่นเอง ไม่มีอะไรเลย เล่าสั้นๆ คือ พระเอกเป็นช่างภาพ ได้รับมอบหมายให้ไปเก็บภาพที่ลาว ดันไปเจอไกด์สาวสวยที่นั่น อยู่ด้วยกัน 7 วัน เลยกลายเป็นรักกันซะเลย ก็น่ารักอยู่หรอกนะ นางเอก สวยใส มารยาทเรียบร้อยออกจะขนาดนั้น เป็นเราเราก็เอา
พูดถึงนางเอกคนนี้ บุคคลิกดีมากๆ ดูเป็นผู้ดีสุดๆ พูดก็เพราะ รูปร่างก็ดี หน้าสวย ไม่ใช่สวยแบบเฉี่ยวเหมือนคนกรุงเทพ แต่เป็นสวยหวาน น่ารัก ดูได้นานๆ ดูหน้าทั้งวันได้ไม่มีเบื่อ จะเดิน จะยิ้ม จะพูด ดูดี ไปหมดซะทุกอย่างเลย
ส่วนพ่อ อนันดาเอง เรื่องนี้ ก้เข้าอีหรอบเดิมกับ The Leaping Year อีกแล้ว กล่าวคือ มีการสัญญากันตอนจบว่า ให้มาเจอกันปีหน้า เพื่อแสดงว่า ยังรักกันอยู่ สุดท้าย ก็สมหวังในที่สุด
หนังไม่มีเนื้อเรื่องอะไรมากมาย แต่ดูแล้วชอบ ได้เห็น ประเพณีวัฒนธรรมของลาวหลายๆอย่าง ได้เห็นงานแต่งงานของคนลาวด้วย น่ารักมากๆเลย โดยเฉพาะท่าเต้นรำหมู่ ที่เรียกกันว่า บัดสลบ เก๋กู๊ดจริงๆ
อ้อ แล้วก็เพิ่งรู้นะ ว่า คำว่าเจ้าชู้ของคนลาว หมายถึง รูปหล่อ ตลกดีว่ะ
อนันดา เรื่องนี้ ได้พูด ภาษาอังกฤษ อีกแล้ว เราว่า สงสัยที่อนันดา กำกับหนังเรื่องนี้ ก็คงเพราะต้องการสร้าง The Leaping Year เวอร์ชั่น ไทยละมั๊ง 5555 สถานที่ส่วนใหญ่ที่ไป ก็เป็นที่ๆเราเคยไปมาก่อนแล้ว ดูไปก็คิดถึงลาว ทุกที โดยเฉพาะที่ปากเซ และ ที่หลวงพระบาง เราเคยคิดเล่นๆนะว่า อยากไปอยู่ที่นั่น ก็ มันดูสงบออกขนาดนั้น น่าอยู่จะตาย คนก็พูดเพราะจริงๆ เหมือนคนเหนือของเราอ่ะ
สรุป เราชอบนะ แต่ถ้าเนื้อเรื่องมีอะไรมากกว่านี้อีกนิด นี่มันดูเหมือนสารคดี ท่องเที่ยวลาวมากไปนิดนึง แต่ก็ดูสนุกนะ ไม่เบื่อเลย อาจเป้นเพราะมีนางเอกหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก มาให้เห้นหน้าตลอดมั๊ง 5555 ฝีมือก็ปานกลาง ยังไม่มีบทที่ต้องแสดงอารมณ์อะไรมากมาย ส่วนอนันดา ช่วงนี้ หนังเยอะมาก แต่ก็บทคล้ายๆกันไปหมดเลย เพราะฉะนั้น เอาไปเลย 8.5/10 สำหรับเรื่องนี้


Official Site : http://www.sabaideemovie.com/


เรื่องย่อ จาก http://www.thaicinema.org
สอน (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มลูกครึ่ง ถูก บก. ส่งไปถ่ายรูปที่ประเทศลาว โดยที่ไม่เต็มใจนัก เพราะถึงแม้ตัวเขาจะมีเชื้อสายลาวอยู่ แต่ก็ไม่มีข้อมูลหรือเคยไปเมืองลาวเลยสักครั้ง
สอนมาถึงเมืองปากเซ เขาว่าจ้างไกด์ชื่อน้อย (คำลี่ พิลาวง) พาเดินทางถ่ายรูปในแถบลาวใต้ ไปน้ำตกหลี่ผี คอนพะเพ็ง เลยไปถึงสี่พันดอนที่เป็นเกาะแก่งในแม่น้ำโขง แต่ว่าไกด์สาวเพิ่งทำงานเป็นครั้งแรก จึงพาหลงทางตลอด จนสอนได้ไปบ้านเก่าของพ่อตามที่สั่งไว้
แต่สอนกลับพบว่า ญาติพี่น้องที่ห่างกันเป็นสิบปีต่างจำเขาได้ และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จนสอนเริ่มมองภาพเมืองลาวว่าเป็นบ้านอีกที่หนึ่งของตน
สอนรู้สึกชอบพอกับน้อย แต่ทว่าเมื่อมีความสนิทสนมกัน น้อยกลับเป็นฝ่ายถอยห่าง และหลบหน้าเขาไป สอนค้นหารากเหง้าความเป็นคนลาวในตัวเอง และต้องหาทางพิสูจน์ให้น้อยเชื่อว่า เขาไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่มาสร้างความรักเพียงชั่วคราว แล้วทิ้งเธอไปที่อื่น
Synopsis : Good Morning Luang Pabang


I can’t find any synopsis in the net , so I have to make it by myself !

The story happens in Bangkok when Sorn (Ananda Everingham) is assigned to do a special photo shoot in Laos. He meets Noi (Khamlee), his Laotian tour guide, who takes him to many interesting places in Laos to complete his project. The story follows the love between different nationalities as it gradually develops through several incidents of amusement and tears.

At the end of the story, Noi tries to tell the truth of what is hidden in the bottom of her heart, but must make sure that Sorn has the same feelings. They promised to meet again at the same place, on the same day of the coming year. If they meet again, it would confirm their true love for each other. Can you guess what happens next?





Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments