Saturday, December 19, 2009,12/19/2009 02:01:00 PM
Avatar : อวตาร
เฮ วันนี้ มีนัดกับเพื่อนสมัยทำงานอยู่บริษัทยา ไปดูหนังกัน ตอนนี้เพื่อนเรารวยใหญ่แล้ว เป็นเจ้าของโรงงานทำสาหร่ายสไปรูลิน่า ยอดขายบานตะไท เราก็เลยชวนไปดูที่ พารากอน ให้สมฐานะเพื่อนเราหน่อย ตอนแรกก็ว่าจะไปดู ไอแม็กซื แต่ โปรโมชั่นของ พารากอนเวอร์กกว่าเราก็เลยไปดูที่ พารากอนซินีเพล็กซ์แทน จอเล็กหน่อย แต่ สามมิติเหมือนกัน เรารอหนังเรื่องนี้ มานานมากตั้งแต่เห็นโฆษณาครั้งแรก ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง สมใจจริงๆ หนังสนุกมาก ภาพสวย สมจริง สีสวย ดาราแสดงดีทุกคน เอฟเฟ็คท์ตะการตา คิวบู๊ก็มีนส์โคตรๆ มีลุ้นฉากที่หุ่นผู้ร้ายนสู้กับพระเอก หนังมีฉากซึ้ง ฉากรัก ครบรสจริงๆ แต่เจ้าแว่นตาสามมิคินี่ ใส่นานๆดูแล้วปวดตาไปนิดนึง แต่รวมๆแล้วเรียกได้ว่า คุ้มค่าต่อการรอคอยเป็นอย่างยิ่ง เราคุยกับเพื่อนหลังจากออกมาจากโรง ก็มีความเห็นตรงกันว่า หนังดีจริงๆ สนุกกว่า 2012 อีกเป็นร้อยเท่า เรื่องนี้เราให้ไปเลย 9 ยิ่งช่วงนี้มีแต่หนังห่วยๆแกมาหลอกตังค์คนดู มีเรื่องนี้แหละ ที่พอกอบกู้สถานการณ์ได้ แล้วจะไปซื้อดีวีดีมาเก็บนะ สนุกจริงๆ
เรื่องย่อ : เจก ซัลลี (แซม เวิร์ตธิงตัน) เป็นอดีตนายทหารเรือผู้พิการที่ต้องนั่งบนรถเข็น แม้ว่าร่างกายไม่สมประกอบ แต่เจกก็ยังมีหัวใจนักรบ เขาได้รับเลือกให้ร่วมเดินทางหลายปีแสงไปยังดาวแพนโดรา ที่ซึ่งมีเหมืองแร่ล้ำค่าหายากที่เป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาพลังงานขาดแคลนของโลก เนื่องจากชั้นบรรยากาศของดาวแพนโดราเป็นพิษต่อมนุษย์ พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และให้ควบคุมร่างกายได้ในภาวะอากาศที่เบาบาง ร่างอวตารนี้เป็นส่วนผสมทางพันธุกรรมของดีเอ็นเอมนุษย์และดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตบนดาวแพนโดรา ที่มีชื่อเรียกว่า นาวี ในร่างอวตาร เจกสามารถเดินได้อีกครั้งหนึ่ง และมีภารกิจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มนาวี ชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นอุปสรรคสำคัญของชาวโลกในการเข้าถึงเหมืองแร่ล้ำค่า แต่นาวีสาวสวยชื่อ นาวิตี (โซ ซาลดานา) ได้ช่วยชีวิตเจกไว้ แล้วแผนการทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง เจกเข้าร่วมกับชนเผ่าของเธอ เขาได้ผ่านการทดสอบและการผจญภัยต่างๆ จนได้เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น ความสัมพันธ์ของเจกและนาวิตีเริ่มลึกซึ้งขึ้น พร้อมๆ กับความนับถือในกลุ่มนาวี ในที่สุดเจกต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบและความขัดแย้งที่จะตัดสินชะตากรรมของโลก
Synopsis : Jake Sully (Sam Worthington) is a former Marine confined to a wheelchair. But despite his broken body, Jake is still a warrior at heart. He is recruited to travel light years to the human outpost on Pandora, where corporations are mining a rare mineral that is the key to solving Earth's energy crisis. Because the atmosphere of Pandora is toxic, they have created the Avatar Program, in which human "drivers" have their consciousness linked to an avatar, a remotely-controlled biological body that can survive in the lethal air. These avatars are genetically engineered hybrids of human DNA mixed with DNA from the natives of Pandora... the Na'vi. Reborn in his avatar form, Jake can walk again. He is given a mission to infiltrate the Na'vi, who have become a major obstacle to mining the precious ore. But a beautiful Na'vi female, Neytiri (Zoe Saldana), saves Jake's life, and this changes everything. Jake is taken in by her clan, and learns to become one of them, which involves many tests and adventures.As Jake's relationship with his reluctant teacher Neytiri deepens, he learns to respect the Na'vi way and finally takes his place among them. Soon he will face the ultimate test as he leads them in an epic battle that will decide nothing less than the fate of an entire world.

Labels: , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,12/19/2009 01:50:00 PM
The Fourth Kind : 1-2-3-4 ช็อค
วันนี้เป็นวันพุธ อยากไปใช้สิทธิ์ ดูหนังราคาถูกหน่อยดีกว่า จะพูดไป อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่เห็นจะมีหนังดีซักกะเรื่องเลย เรื่องนี้ คนที่ไปดูมาแล้วก็พูดกันไม่ค่อยดีเลย ไม่รู้จะไปดูเรื่องอะไร แต่เราคิดว่านางเอกคนนี้แสดงก็น่าจะพอดูได้หรอกน่า ว่าแล้วก็เลยตัดสินใจไปดู ที่เมเจอร์บางกะปิ ถึงได้ถึงบางอ้อ ว่า หนังห่วย จริงๆด้วย เป็นหนังแนวใหม่ ไม่เคยดูมาก่อน แบบว่า เอาคลิปวิดีโอจริงๆ กับดารามาตัดต่อไปมา ประมาณให้คนดูเข้าใจว่า นี่เป็นเรื่องจริงนะ มีคนที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปเป็นหลักฐานให้เห็นหน้าตากันจะๆ ดูแล้วสมจริงดีเหลือเกิน แต่คนดูเครียดจัด ยิ่งฉากที่มีการเอาปืนยิงฆ่าตัวตายนั่น ดูแล้วสยอง นี่ขนาดเอาตัวเบลอมาคลุมแล้วยังเสียวสันหลัง อีกฉากก็ตอนที่เอเลี่ยนมาทดลองกับเหยื่อนั่น ถึงแม้ไม่เห็นภาพ เพราะคนถ่ายอ้างว่า ถ่ายไม่ติด นั่นก็น่ากลัว นี่ขนาดได้ยินแต่เสียงนะ รวมๆ เราว่า หนังดูแล้วเครียด ไม่สนุกเลย แต่ให้คะแนนเรื่องความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ กล้าคิดกล้าทำ เรื่องนี้ถึงแม้ไม่สนุก แต่ก็ยังดีกว่า ปายอินเลิฟแหละว้า เราให้ 6
เรื่องย่อ : การพบเห็นจานบินมนุษย์ต่างดาวถือกันว่าเป็นการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกระดับแรก จากนั้นเมื่อมีการเก็บหลักฐานบางอย่างได้ ถือเป็นการเผชิญหน้าระดับที่ 2 และหากมีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ถือเป็นการเผชิญหน้าระดับที่ 3 และลำดับต่อไป คือกรณีที่มนุษย์โลกถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป จะถือเป็นการเผชิญหน้าระดับที่ 4 ในอลาสกายุคปัจจุบัน มีคดีเกี่ยวกับผู้คนแถบนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับทุกๆ ปี เป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอจะเข้ามาสืบสวนค้นหาความจริงหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเป็นผล จนกระทั่งจิตแพทย์ อบิเกล ไทเลอร์ หรือ แอบบี (มิลลา โจโววิช) เข้ามาดูแลคนไข้ที่นี่ และค้นพบหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาว
Synopsis : In 1972, a scale of measurement was established for alien encounters. When a UFO is sighted, it is called an encounter of the first kind. When evidence is collected, it is known as an encounter of the second kind. When contact is made with extraterrestrials, it is the third kind. The next level, abduction, is the fourth kind.Modern-day, Alaska, where-mysteriously since the 1960s-a disproportionate number of the population has been reported missing every year. Despite multiple FBI investigations of the region, the truth has never been discovered.Here in this remote region, psychologist Dr. Abigail Tyler or Abby (Milla Jovovich) began videotaping sessions with traumatized patients and unwittingly discovered some of the most disturbing evidence of alien abduction ever documented.

Labels: , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,12/19/2009 01:48:00 PM
Pai In Love : ปายอินเลิฟ
เป็นหนังที่ลงทุนต่ำ แต่คาดหวังผลสูงอีกเรื่องที่เราขอบอกว่า ผิดหวังกับคุณภาพของหนังมากๆ ถึงมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นางเอกของเรื่อง ที่ชื่อแอน น่ารักโคตรๆ แต่กระนั้น ความรู้สึกของการทำหนังแบบลวกๆ ใช้วิดีโอในการถ่ายทำแทนฟิล์มภาพยนตร์ ทำให้เกรดของหนังตกฮวบฮาบอย่างไม่น่าให้อภัย เราไปดูที่ เมเจอร์บางกะปิ มีคนดูประปราย หนังทั้งเรื่อง ดูไป ไม่มีเสียงหัวเราะ หรือปฎิกิริยาใดๆจากคนดูเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจหรอก พูดแล้วก็เซ็ง แต่ถ้าพูดแบบไม่ใส่อารมณ์ เราว่าถ้าหนังตั้งใจทำให้ดีดีอ่ะนะ ใช้ฟิล์มหนังถ่ายออกมาให้สวยๆหน่อย ดาราในเรื่องโอเคอยู่แล้ว ถึงแม้จะเล่นแข็ง แต่คนดูก็พร้อมจะให้โอกาส ไม่งั้นจะมาดูทำไม อ้อ อีกอย่างนะ ที่ขอเลย คือการเอาดาราดังๆมาโฆษณา แต่พอดูเข้าไปในเรื่องปรากฏว่า มีเห็นหน้าอยู่ประมาณ 5 วิ อย่าง เรย์ แมคโดนัล เงี้ย โผล่กระจี๋งเดียว กระแตศุภักษณ ก็เหมือนกัน พูดแล้วหงุดหงิด เราให้ 5 นะ
เรื่องย่อ : ปาย เมืองอันสวยงาม แอบซ่อนตัวอยู่ริมลำน้ำปาย กลางหุบเขาอันเงียบสงบทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีนาขั้นบันไดเขียวขจีแทรกสลับอยู่อย่างกลมกลืน ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของใครหลายคนที่อยากมาสัมผัส มาเห็นกับตาว่า ทำไมน้า... ใครๆ ก็อยากเดินทางมากันนัก เช่นเดียวกับ แจ็ค (บิณฑ์ มหาดำรงค์กุล) นักศึกษาปี 4 สาขาภาพยนตร์ แจ็คเคยมาเที่ยวปายแล้วครั้งหนึ่งและหลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง หลังจากเปิดภาคเรียนสุดท้าย เขาจึงชวนเพื่อนสนิทอีก 4 คน คือ บอย (ดอร์ม วงศ์วานิช) โต้ง (วิระ ทัศน์สุวรรณ) หนิง (สมฤทัย พรหมจรรย์) และ แอน (สุชารัตน์ มานะยิ่ง) ไปเที่ยวปายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนจะต้องช่วยกันทำภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง ที่บอกเล่าถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ในแง่มุมที่น่าสนใจ เมื่อไปถึง เพื่อนๆ กลับพบมุมมองของเมืองปายที่แตกต่างกันไป จึงตกลงกันว่าให้แต่ละคนออกไปค้นหาความคิดเจ๋งๆ มาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้กันดีกว่า พวกเขาจึงออกสำรวจปายอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง และพบว่าเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยความรัก ความสุข ความสมหวัง ความผิดหวัง ความทุกข์ โอกาส อดีตอันน่าจดจำ และอดีตที่ยากจะลืมเลือน....
Synopsis: A heartwarming love story of a group of friends that takes the winter vacation to the same place; Pai. In a small province called Pai, they find the meaning of love.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink1 comments
Wednesday, December 9, 2009,12/09/2009 06:57:00 PM
Hello Yasothorn 2 (Yaem Yasothorn 2) : แหยมยโสธร 2
ถึงแม้ว่า เราจะไม่ชอบหม่ำ จ๊กมก ขนาดไหนก็ตาม ( อย่างที่เคยระบายเรื่องความไม่สุภาพในการใช้ภาษา) แต่เราก็ดูหนังของหม่ำแทบทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องแนว หน้าเหลี่ยม ไม่เคยดูเลย แต่เรื่องหนังของหม่ำนี่จะว่าไป หลังๆนี่ชักสร้างถี่ ปีหนึ่งหลายเรื่อง อย่างปีนี้ มีแหยมสอง ต้นปีหรือกลางปี มีเรื่อง วงคำเหลาอะไรนั่น แต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างนึงคือ ตลกน้อยลงเรื่อยๆ รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย เรามาดูที่ เมเจอร์บางกะปิ เพราะมีบัตรนักเรียนลดได้ เหลือ 80 บาท จันทร์ถึงศุกร์ เรียกว่า ตั้งใจมาหัวเราะเลยแหละ แถมช่วงนี้ไม่มีหนังอะไรเข้าซักเท่าไหร่ เลยฝากความหวังกับหนังเรื่องนี้เต็มที่ ต้องบอกว่า ให้คะแนนเต็มกํบพระเอกเลย แสดงเรื่องแรกก็ตลกสุดๆ เรารู้แต่ว่ามาจากวง แท็ตทูคัลเลอร์ แต่ไม่รู้ชื่อเล่นชื่ออะไร เล่นดีเป้ฯธรมชาติและตลกจริงๆ รองลงมาก็ต้องยกให้ลูกชายหม่ำ ที่เราเคยบอกมาแล้วว่าเล่นใช้ได้เลย อีกคนก็มี เจนเน็ตเขียว คนนี้เราชอบอยู่แล้ว รู้สึกว่าอ่อนน้อมสุภาพดี หม่ำไม่มีคำชม แถมมีคำด่า หม่ำก็ยังเป็นหม่ำคนเดิมไม่มีเปลี่ยน พูดจา หยาบคาย มีคำด่าออกมาเป็นระยะๆ เรื่องนี้ไม่รู้อะไรเข้าฝันให้เอาลูกสาวมาเป็นนางเอก ลูกสาวหน้าเหมือนหม่ำเปี๊ยบ พูดง่ายๆคือ ดูแล้วน่ารักเรียบร้อย โชคดีที่กิริยาไม่เหมือนพ่อ แต่หน้าตาเราว่าอย่างเก่งน่าจะเป็นแค่ผู้ช่วยนางเอกก็พอนะ พอมาแสดงเป็นนางเอกแล้ว ความไม่ค่อยสวยมันโดเด่นมาก จนเราไม่ค่อยอยากเห็นหน้าเลย ดูแล้วกลุ้ม ฝีมือพอไปได้ แต่ก็ยังห่างจากคำว่ามืออาชีพ คงต้องรอดูเรื่องต่อไป แต่หวังว่าคงไม่เป็นนางเอกอีกนะ เนื้อเรื่องเรื่องนี้ เหมือนเราย้อยกลับไปดูหนังไทยเมื่อซัก 30 ปีที่แล้ว เป็นปลัดหนุ่มจาก กทม มาหลงรักสาวบ้านนอกที่พ่อเป็นกำนันหวงลูกสาว สุดท้ายก็โอเค หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่ เก่าอีกต่างหาก สีแสบตา ตามสไตล์แหยม อันนี้รับได้ดูเป็นเอกลักษณ์ดี มุขตลกไม่ค่อยขำเท่าไหร่ ที่ตั้งใจจะมาหัวเราะเลยต้องอั้นเอาไว้ในใจ ดูแล้วอึดอัดเต็มที สรุปแล้ว ชอบดาราในเรื่องไม่กี่คน เนื้อเรื่องห่วย ดูแล้วไม่ค่อยคุ้มค่าเงิน 80 บาท เราให้ 6.7

เนื้อเรื่องย่อ : 20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ตำนานความรักของ บักแหยม (หม่ำ จ๊กมก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) และ อีเจ้ย (เจเน็ต เขียว หรือ นงนุช สมบูรณ์) สุกงอมเปล่งปลั่งจนผลิดอกออกผลเป็นลูกสาวลูกชาย 1 โหลพอดี ลูกๆ ออกเรือนกันไปหลายคนตามคืนวันที่ผันผ่าน เหลือเพียงลูกสาวคนสวย อีแว่ (บุษราคัม วงษ์คำเหลา) และลูกชายคนเล็ก บักคำผาน (เพทาย วงษ์คำเหลา) อยู่เป็นแก้วตาดวงใจมิได้คลาดสายตา บัดนี้แหยมกลายเป็นกำนันผู้เป็นที่ยำเกรงของชาวบ้าน ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกมากเสียด้วย แต่แล้ว ปลัดธนู (หรินทร์ สุธรรมจรัส) หนุ่มรูปงามจากเมืองกรุงก็ยังหาญกล้ามาลูบคมกำนัน ทั้งที่ราชการส่งตัวมาช่วยพัฒนาตำบลแท้ๆ แต่ปลัดกลับมาคอยขายขนมจีบลูกสาวกำนันทั้งวัน ตั้งแต่วันแรกในพิธีบายศรีสู่ขวัญต้อนรับปลัด ตลอดจนตอนที่แว่ไปจ่ายตลาด ตากผ้า และหว่านข้าวลงนา จนถึงงานพิธีบั้งไฟใหญ่ประจำจังหวัดก็ไม่เว้น คำผาน ลูกชายคนเล็กที่เห่อแฟชั่น ฟังแผ่นเสียงเมืองกรุง และบ่ยอมเว้าลาว กลายเป็นแนวร่วมของปลัด ที่คอยช่วยดูทางหนีทีไล่ให้ ขณะที่เจ้ยเกิดชอบอกชอบใจปลัดหนุ่มถึงขนาดจะยกเป็นลูกเขย ขัดใจบักกำนันที่ถูกใจมาดซื่อๆ และขยันขันแข็งของ เกษตรฉัตรชัย (จรณ์ วงษ์คำเหลา) มากกว่า ซ้ำร้ายกว่านั้น เมียรักก็ดันเสน่ห์ล้นเหลือ ถึงขนาดมีหนุ่มมาคอยส่งดอกไม้ให้ถึงชายขอบบ้าน เห็นทีงานนี้ปลัดหนุ่มกับกำนันแหยมจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ กำนันหันไปพึ่ง หลวงพี่ยอดชาย (อนุวัฒน์ ทาระพันธ์) พระหนุ่มที่มีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของประโยค ชายรับบ่ได้ ที่ผิดหวังจากความรักแล้วหันหน้าเข้าทางธรรม แต่นอกจากหลวงพี่จะต้องเป็นที่ปรึกษาปัญหาของกำนัน และปัญหาจิปาถะของชาวบ้านแล้ว ยังมีเรื่องใหญ่อย่างการปิดตลาดปล้นของโจรร้าย เสือหยองลำพอง (หยอง ลูกหยี) รออยู่อีกด้วย
Synopsis : Rural love story continues in Yaem Yasothorn 2, the sequel to the hit comedy "Yaem Yasothorn" directed by popular comedian turns to director Mum Jokmok. The story continues after the marriage of Yaem and Joei when the couple has a beautiful daughter and Yaem becomes a strict father who guards his daughter from suitors.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Thursday, November 26, 2009,11/26/2009 04:10:00 PM
A Christmas Carol : อาถรรพณ์วันคริสต์มาส
เราไปดูเรื่องนี้เป็นรอบแรกอีกแล้วที่ ไอแม็กซ์ แถมมีการทำการบ้านมาก่อนล่วงหน้าอีกต่างหาก ว่าจะเดินทางยังไง ไปถึงกี่โมง นั่งตรงไหน ตั๋วราคาเท่าไหร่ โอ้โฮ เราเช็คเวปไซท์ตั้งแต่คืนวันพุธ พอเช้าพฤหัส เราก็นั่งเรือไปลงที่ประตูน้ำตอน 10 โมงเช้าพอดีเป๊ะ จากนั้นเราก็เดินเตร็ดเตร่ไปที่ ไอแม็กซ์ ระหว่างทางก็กินขนมไปด้วยถึงที่ไอแม็กซ์ก็ สิบโมงครึ่ง ก็รีบวิ่งจู๊ดไปจองตั๋วทันที เราได้รอบ 11 โมง รอบแรกนั่นแหละ แถมที่นั่งที่ได้ก็เป็นที่แรกของแถว D ตรงกลางซึ่งเป็นที่ที่ดีที่สุดอีกด้วย จะไม่ได้ได้ไง ก็ทั้งโรงมีเรามาซื้อตั๋วเป็นคนแรก ใจก็เริ่มหวั่นๆแล้วว่า สงสัยหนังไม่หนุก กระแสไม่แรงเลยเนี่ย เราก็เลยซึมๆนิดหน่อย เดินลงไปช็อปที่กูเม่ดีกว่า พอถึงเวลาขึ้นมาดู ก็มีคนพอสมควร เราว่าเยอะเลยแหละสำหรับรอบแรกของหนังที่นี่ ประมาณซัก 60 คนเห็นจะได้ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เราก็นึกว่าฝรั่งจะมีมารยาทมากกว่าคนไทยซะอีก ที่ไหนได้พูดมากพอกัน แต่ที่ดีกว่าแหงๆคือ พอหนังฉายปากเค้าหุบทันทีไม่พูดมากอีกต่อไป พอใส่แว่นปุ๊บใจเราก็ไปอยู่ที่จอปั๊บ เพียงแค่หนังแสดงตัวเลขนับถอยหลัง ด้วยความใหญ่ของจอ ซึ่งใหญ่มาก เราเหมือนโดนดูดเข้าไปในจอ เหมือนอยู่ในนั้นจริงๆนะ ไม่เว่อ ไม่เชื่อไปดูได้เลย เหมิอนเข้าไปจริงๆ ใครว่าเรื่องนี้เด็กดูได้ ระวังนะ ฉากที่ผีมา น่ากลัวมากๆ เราล่ะเสียวเด็กร้องไห้มากๆเลย มีการทำปากฉีก หน้าซีดๆอย่างนั้นผู้ใหญ่ยังสยอง แล้วเด็กจะเป็นไง ไม่ต้องคิดเลย เราเผลอไปนึกถึงเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมีหนังฝรั่งเรื่องนึงเรื่อง Scrooge เนื้อเรื่องเหมือนเรื่องนี้เปี๊ยบเพียงแต่เรื่องที่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่เรื่องนี้ เป็นเหตการณ์ในอดีต นอกนั้นเหมือนกันอย่างกับแกะ บอกได้เลยว่า เนื้อเรื่องดีเยี่ยม มีคติสอนใจให้คนทำดีที่สุดในปัจจุบัน ให้รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มากๆ สอดคล้องกับหลักศาสนาพุทธเปี๊ยบ แต่เนื่องจากเราไม่ชอบ จิม แครี่มากๆๆๆๆเป็นการส่วนตัว เราดูหนังที่เค้าแสดงทีไร เราจะมีอาการอยากจะอ๊วกทุกทีไป ยังไงดีอ่ะ เค้าเป็นดาราที่แสดงเก่งนะ แต่เค้าชอบทำหน้าทำตาแปลกๆอ่ะ ดูกี่เรื่องกี่เรื่องก็ทำหน้าอยู่หน้าเดียว แบบไม่ค่อยถูกชะตามั้ง ทางใครทางมันก็แล้วกัน คนชอบจิมคงเยอะแล้ว แต่เราขอประกาศเลยว่าเราไม่ค่อยเป๊กไสตล์นี้เท่าไหร่ กลับมาเรื่องนี้ดีกว่า เราว่าถ้าหนังไม่เอาคาแรกเตอร์จิมแครี่มาเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ เราคงชอบเรื่องน้มากกว่านี้อีกเป็นกอง ดังนั้น เรื่องนี้เลยถูกอคติของการที่ไม่ชอบ จิมแครี่มาบดบังคะแนนหนังเรื่องนี้ เหลือแค่ 7.5 จริงๆแล้วน่าจะมากกว่านี้นะ
เรื่องย่อ: เอเบนีเซอร์ สครูจ (จิม แครี) เริ่มต้นวันหยุดช่วงคริสต์มาสด้วยการดูถูกคนอื่นตามปกติ เขาคำรามใส่ บ็อบ แครตชิต (แกรี โอลด์แมน) เสมียนที่ซื่อสัตย์ของเขา และ เฟรด (โคลิน เฟิร์ธ) หลานชายแสนร่าเริงของเขา สครูจ แสดงออกให้ทุกคนรับรู้ว่า เขาไม่ได้อยากจะมีความสุขไปกับเทศกาลวันหยุดนี้เลยแม้แต่น้อย สครูจ ได้กลับบ้านตามลำพังเช่นเคย และที่บ้านของเขานี่เอง เขาได้พบกับวิญญาณของ เจคอบ มาร์ลีย์ (แกรี โอลด์แมน) หุ้นส่วนทางธุรกิจผู้ล่วงลับไปแล้ว มาร์ลีย์ ผู้ต้องทนทุกข์หลังความตายเพราะความเลวร้ายของตัวเอง อยากจะช่วยไม่ให้ สครูจ ต้องพบชะตากรรมเดียวกัน เขาจึงบอกกับ สครูจ ว่า จะมีวิญญาณ 3 ตนมาเยือนเขา และแล้ววิญญาณคริสต์มาสอดีต วิญญาณคริสต์มาสปัจจุบัน และวิญญาณคริสต์มาสอนาคต ก็มาพาเฒ่า สครูจ ออกเดินทางไปพบความจริงที่เขาไม่อยากรับรู้ แต่เขาต้องเปิดหัวใจตัวเอง เพื่อแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
Synopsis : Ebenezer Scrooge (Jim Carrey) begins the Christmas holiday with his usual miserly contempt, barking at his faithful clerk Bob Cratchit (Gary Oldman) and his cheery nephew Fred (Colin Firth). But when the ghosts of Christmas Past, Present and Yet to Come take him on an eye-opening journey revealing truths Old Scrooge is reluctant to face, he must open his heart to undo years of ill will before it's too late.

Labels: , , , , ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
,11/26/2009 03:44:00 PM
The Twilight Saga: New Moon : แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน
ไปดูมาตั้งแต่รอบแรก แต่ลืมบันทึก เรามาดูเรื่องนี้ที่ เมเจอร์บางกะปิ ตอนที่มาตีตั๋วในโรง ดิจิตอล มีคนดูแค่ สามคน ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเป็นรอบเช้ารอบแรก แต่เราเคยดูหนังรอบแรกเรื่องอื่นที่มีคนดูเยอะกว่านี้ เราไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่หนัวที่เราอยากดูซักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่หนังมีการโปรโมทมากถึงมากที่สุด ก็เลยอยากดูซักหน่อยว่า จะสนุกแค่ไหน จำได้แต่ว่า ภาคแรกก็งั้นๆ เริ่มเปิดฉากมาก็ต้องยอมรับอ่ะนะว่า ภาพสวย นางเอกก็สวยกว่าภาคแรก ( คนเดิมนั่นแหละ แต่ดูสวยขึ้น ) พระเอกคนที่สาวกรี๊ดนั่น เราดูยังไง๊ยังไง ก็ไม่หล่อเลย ( ต่อให้หน้าไม่ซีดเหมือนผีในหนังก็เหอะ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะ ผอมก็ผอม เฮ้อ ) ส่วนอีกคนที่เป็นหมาป่านี่ ก็แสดงไม่เก่งเลย เออ แต่คนนี้ ตอนตัดผมแล้วค่อยดูเป็นผู้แป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่รูปร่างโอเคเลยนะ มีกล้ามมีเนื้อผิดกับพระเอกคนแรก ดูไม่จืดเลย เรื่องนี้ถ้ามาดูเทคนิก ก็ถือว่าโอเคเลย เพราะว่าทำได้ค่อนข้างโอเค ฉากที่แปลงร่างเป็นหมาป่าแหมทำได้ดีจัง ดูแล้วอดตะลึงไม่ได้ เสียดายว่ามีฉากแปลงกายเป็นหมาป่าแค่ไม่กี่ตอน แถมยังแป๊บเดียวอีกต่างหาก เราเชื่อว่า คนทที่มาดูเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เป็นสาวๆคงอยากมาดูพระเอก ก็คงสมใจเพราะหนังเน้นที่ตัวพระเอกสองคนนี่มาก แต่สำหรับเราพอตัดสาเหตุนี้ออก เราก็เลยเหลือแค่เหตุผลที่มาดู เพราะอยากดูกระแส พระเอกเลยไม่อยู่ในสมองเลย พอเป็นอย่างนั้น สมาธิเราก็เลยปอยู่ที่เนื้อเรื่อง เราต้องยอมรับเลยว่า คนเขียนบทเก่งมาก เยื้อเรื่องก็แปลกดี อย่างเรื่องที่พวกแวมไพร์เวลาอยู่ในแดดแล้วจะเป็นประกายนี่ เราก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากตำราไหน ถ้าอีกหน่อยทุกคนอยากเขียนอะไรเสริมแต่งอะไรก็เขียนกันตามใจชอบอีกไม่นาน แวมไพร์คงกลายเป็นตัวอะไรประหลาดๆ อาจจะดูคล้ายโดเรมอนก็ได้ คือ เราไม่อยากให้ดัดแปลงเอกลักษณ์ของตัวละครมากเกินไป ไม่งั้นอีกหน่อย เละ อย่างไรก็ตามการที่เสริมเติมคุณสมบัตืของแวมไพร์นั่นก็อาจมีส่วนทำให้หนังมีสีสันมากขึ้น คราวหน้าถ้าอยากทำแบบนี้ เราแนะนำว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อหรืออุปโลกน์สายพันธุ์ใหม่ขี้นมาดีกว่า เป็นแลมไพร์ก็ได้ ของเก่าเค้าจะได้ยังอยู่ไง แบบนี้ก็ไม่มีใครเสียหาย จะเสริมยังไงก็ได้ เรื่องนี้ ถ้าจะว่าไปเนื้อเรื่องกับเทคนิก โดดเด่นมากๆ แต่ดาราแสดงได้แข็งดีเหลือเกินน่าเอาไปทำกระดาน แต่แปลกเหลือเกินทั้งๆที่เนื้อเรื่องก็แปลกดี เทคนิกก็ดี ดาราก็หน้าตาดี เพียงแค่ดาราแสดงไม่เก่งกลับมีผลทำให้เราให้คะแนนหนังเรื่องนี้เพียงแค่ 7.3 เท่านั้น เหตุผลที่เรานึกออกก็น่าจะเป็นเพราะว่า หนังโปรโมทมากซะจนเราเกิดความคาดหวังกับมันมากๆๆๆๆ แต่หนังก็ไม่ได้เติมเต็มความอยากดูของเราได้ซักเท่าไหร่ เราคงไม่ซื้อไว้แน่ๆ 100 % เราว่างั้นๆอ่ะ
เรื่องย่อ : เมื่อ เบลลา สวอน (คริสเต็น สจ็วต) หายบาดเจ็บจากการถูกแวมไพร์โจมตี แวมไพร์หนุ่ม เอ็ดเวิร์ด คัลเลน (โรเบิร์ต แพตตินสัน) และครอบครัวจัดงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดปีที่ 18 ให้เธอ แต่อุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างงานทำให้ เบลลา เลือดออก จึงเกิดความตึงเครียดขึ้นในครอบครัว คัลเลน ทันที ครอบครัวแวมไพร์ตัดสินใจออกจากเมืองฟอร์กส์ เพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับ เบลลา อีกต่อไป บททดสอบความรักระหว่าง เบลลา กับ เอ็ดเวิร์ด เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่แตกสลายทำให้ เบลลา ใช้ชีวิตอย่างคนไร้แรงจูงใจอยู่ตามลำพังคนเดียว แต่แล้วเธอก็พบว่าเธอสามารถเห็น เอ็ดเวิร์ด ได้อีกครั้งเมื่อตัวเองตกอยู่ในอันตราย ความต้องการอยู่กับเขาทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความช่วยเหลือของ เจคอบ แบล็ก (เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์) เพื่อนในสมัยเด็กของ เบลลา ที่เข้ามาช่วยซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ หัวใจที่เย็นดั่งน้ำแข็งของเธอก็เริ่มได้รับไออุ่นจากมิตรภาพ ทว่า เจคอบ เองก็มีความลับเป็นของตัวเองเช่นกัน ความลับที่ทำให้มิตรภาพของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน เมื่อ เบลลา เดินท่องเข้าไปในป่าคนเดียว เธอได้เผชิญหน้ากับแวมไพร์หน้าเก่า แต่มีฝูงหมาป่าลึกลับเข้ามาช่วยเธอจากอันตราย ทำให้ในที่สุด เบลลา ได้เรียนรู้ถึงความลับของ เจคอบ รวมถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ เอ็ดเวิร์ด ที่จากเธอไป เบลลา ต้องฝ่าฟันต่อไป เพื่อให้เธอและชายผู้เป็นที่รักได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
Synopsis: After Bella (Kristen Stewart) recovers from the vampire attack that almost claimed her life, she looks to celebrate her birthday with Edward (Robert Pattinson) and his family. However, a minor accident during the festivities results in Bella's blood being shed, a sight that proves too intense for the Cullens, who decide to leave the town of Forks, Washington for Bella and Edward's sake.At first Bella exempts herself from all social activities, until she realizes she can coexist with childhood friend, Jacob Black (Taylor Lautner). As usual for Bella, things aren't what they seem. Something is happening to Jacob that he can't explain to Bella, and their friendship starts to deteriorate. But when someone from Bella's past comes back to haunt her, everything will change again.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments
Tuesday, November 17, 2009,11/17/2009 04:27:00 PM
2012 : 2012 วันสิ้นโลก
เมื่อวาน ดูเดอะบ๊อกซ์เสร็จ ก็มาเดินดูโปสเตอร์หนังรอบๆโรง ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเราเอาซองปลาหมีกเต่าทอง 5 ซองมาแลกตั๋วดู 2012 ได้ฟรี เราเลยดีใจไม่ต้องไปดูหนังวันพุธหน้าแล้ว เพราะเต่าทอง5 ซองถูกกว่าราคาตั๋วอีก แถมได้กินปลาหมึกฟรีอีกต่างหาก แหม โปรนี้ โดนใจจริงๆ เราเป็นคนแรกในแถวเลย เพราะรีบมากลัวโควตาหมด 5555 พนักงานยังงงเลยว่ามีโปรนี้ด้วยเหรอ เราก็เลยชี้ไปที่ป้าย น้องเค้าวิ่งเข้าไปถามหัวหน้าในห้องแป๊บนึงก็ออกมาพิมพ์ตั๋วให้ เฮ ในที่สุด เราก็ได้เข้ามานั่งในโรง สำหรับหนังที่เราอยากดูมานาน นาน นาน รู้มั๊ยว่าเรารอมามากกว่า 10 ปี ว่าใครซักคนน่าจะเอาเรื่องเกี่ยวกับคำพยากรณ์ของชาวมายันมาสร้างหนังซะที แล้ววันนั้นก็มาถึงแล้ว เฮ แต่ว่า หนังเรื่องนี้ กลับมีพูดถึงชาวมายัน ติ๊ดเดียว ก็เลยไม่ตอบโจทย์ในใจเราเท่าไหร่ ทั้งเรื่องเน้นการโชว์ เอฟเฟคท์ มากๆ แทบทุกนาทีก็ว่าได้ ก็ดีอ่ะนะ แต่หลังจากดูไปได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราก็เริ่มปรับตัวได้กับเอฟเฟคท์ในจอแล้ว เพราะเริ่มเอียน แต่ยอมรับว่าทำได้ดีมากๆ สมจริงจนน่ากลัว กลัวว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในหนังขึ้นจริงๆเราจะทำใจได้หรือเปล่าเนี่ย เนื้อเรื่องเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดในหนังเรื่องนี้ ไม่มีความแปลกใหม่เลย ดูแล้วเหมือนดูหนังเรื่องอะไรนะ ที่ทอมครูซเล่น ที่มีมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอ่ะ เนื้อเรื่องเดียวกันเปี๊ยบ เพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดงเท่านั้นเอง อีกอย่างที่เราต้องทำใจคือ สีหน้าของตัวแสดงแทบทุกตัว เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย เพราะว่า การถ่ายทำเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เป็นการถ่ายกับฉากบลูสกรีนก่อนแล้วค่อยเอาไปซ้อนกับ ซีจี อีกที เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า นักแสดงไม่รู้ว่ากำลังแสดงกับอะไรอยู่ ต้องใช้จินตนาการล้วนๆ นั่นคือทำไม หน้าตาของนักแสดงจึงดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับสิ่งที่เจอ ( ก็มันไม่เจออะไรอ่ะ จินตนาการทั้งเพ ) แล้วสีหน้ามันจะสอดคล้องได้ไง เชื่อมั๊ย มีบางตอนเราห็นเด็กยิ้มและหัวเราะตอนวิ่งหนี แผ่นดินไหวด้วย เออ เอากะมันสิ สรุปแล้ว เราว่า ทั้งเรื่องเรามาดูแค่ ซีจี เท่านั้นเอง ที่เหลือ ไม่มีสาระที่โดนใจเราเมท่าไหร่เลย ดูเอามันคงได้ แต่ไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ยอมรับนะว่า ลงทุนสูง สูงอ่ะสูงแน่ เพราะเล่นแต่ เอฟเฟ็คท์ซะขนาดนั้น รวมๆแล้วเราไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ เราให้ 7.1
เรื่องย่อ : หลายศตวรรษมาแล้ว อินเดียนแดงเผ่ามายะพยากรณ์ไว้ว่า วันที่โลกจะดับสูญคือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 วันซึ่งปรากฏอยู่เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวเผ่ามายะ ในกัวเตมาลา ผู้ที่เชื่อในคำทำนายนี้นับร้อยคนพากันฆ่าตัวตายหมู่ และองค์กรลับที่ล่วงรู้ถึงจุดจบของโลกก็เร่งสร้างยานอวกาศขนาดใหญ่เอาไว้ข้างใต้เทือกเขาหิมาลัย เมื่อมนุษย์รู้ว่าวันสิ้นโลกกำลังจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ พวกเขาต้องเร่งอพยพผู้คนไปยังยานอวกาศ ขณะเดียวกัน แจ็กสัน เคอร์ติส (จอห์น คูแซก) พ่อม่ายลูกติดผู้ทำงานนอกเวลาเป็นคนขับรถลีมูซีน พยายามใช้ความรู้เกี่ยวกับคำทำนายโบราณที่เขามี ในการช่วยชีวิตอดีตภรรยา เคต (อแมนดา พีต) และลูกๆ ของพวกเขา รวมทั้งพยายามรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ให้เหลือรอดต่อไป
Synopsis : According to the Mayan calendar, the world will come to an end on December 21, 2012. In Guatemala, hundreds of people have committed suicide believing the 2012 Hypothesis is true. In reaction to this, a secret organization that realizes the world is going to end sets about constructing massive space arks beneath the Himalayan Mountains. When they discover that a global cataclysm will occur faster than expected, they must race to these ships in order to save the human race before all is lost. Amidst all of this, Jackson Curtis (John Cusack), a divorced father and part-time limousine driver, uses his knowledge of the ancient prophecies to rescue his ex-wife Kate (Amanda Peet) and children, and to ensure that the human race is not completely wiped out.

Labels: ,

 
posted by Apica Rungsiuthai
Permalink0 comments